xs
xsm
sm
md
lg

กมม.ลากไส้ เอสซี แอสเสท"นช.แม้ว" ซุกที่ดินพันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน : การเมืองใหม่ ลากไส้ “เอสซี แอสเสท” ยุรัฐฟื้นคดีปกปิดหุ้น พบ"นช.แม้ว" ซุกที่ดินหลักพันล้าน จี้ มาร์ค-องค์กรอิสระขยายผลคดียึดทรัพย์ นั่งโต๊ะกำกับ 3 จี ทำแบล็กลิตส์ AIS-ชินคอร์ป เรียกร้องนช.ทักษิณ ยอมรับผลการตัดสิน หยุดทวงยุติธรรม ถึงนรก-สวรรค์ ประณามบึ้ม4 จุดโยงคดียึดทรัพย์ ทำลายป๋าเปรม

วานนี้ (28 ก.พ.) ที่พรรคการเมืองใหม่ ถ.พระสุเมรุ ย่านสะพานวันชาติ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรค และนายประพันธ์ คูณมี ผู้อำนวยการพรรคร่วมแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ถึงท่าทีของพรรค

นายสำราญ กล่าวว่า กรณีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้คดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทนั้น พรรคการเมืองใหม่ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยอมรับผลการตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ต้องไปทวงถามความยุติธรรมถึงนรกหรือสวรรค์ แต่ความยุติธรรมอยู่บนพื้นฐานกฎหมาย และหัวใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะต้องยอมรับ และเลิกจับเอาความสงบสุขของบ้านเมืองเป็นตัวประกันได้แล้ว

2) รัฐบาล, องค์การอิสระและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องขยายผลแห่งคดียึดทรัพย์ เพื่อรักษาประโยชน์ของชาติภายใต้กรอบกฎหมายละความผิดชอบ

3) พรรคการเมืองใหม่ ขอเรียกร้องเป็นพิเศษต่อคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.), กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) นำคำพิพากษาของศาลมากระตุ้นเตือนจิตสำนึกของผู้รับผิดชอบเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการจ้างงาน, สัญญาสัมปทาน,ใบอนุญาตประกอบการต่างๆ และหากมีกรณีใดที่มีแนวโน้มว่าจะทำให้รัฐเสียหายควรจะได้ทบทวนเสียแต่เนิ่น ๆ

**จับตาคดีภาษีโดนอีกทั้งตระกูล

นายประพันธ์ คูณมี กล่าวว่า ทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย หาได้เคารพคำพิพากษาศาล และไม่ได้สนใจที่ศึกษาในรายละเอียด ทั้งไม่สำนึกถึงการกระทำความผิดของตนเองเลย ไม่เคยสำนึกขอโทษประชาชนเลย ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย กลับขอโทษเฉพาะครอบครัวของตัวเอง มิหนำซ้ำยังจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งจากคนอื่นที่ได้รับความร่ำรวยไปด้วยในระหว่างที่ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่ความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับส่วนแบ่งจากคนเหล่านั้นแทบทุกคน ไม่ว่าใครทุกตระกูล ไม่ว่าจะเป็นตระกูลสิริวัฒนภักดี ตระกูลมาลีนนท์ ตระกูลเจียรวนนท์ เป็นต้น ทุกตระกูลที่ได้รับประโยชน์เพิ่มความร่ำรวยในยุคที่ทักษิณ เป็นผู้ปกครองประเทศ ตนเชื่อว่า คนเหล่านั้นจะต้องจ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อย

ดังนั้นประเด็นทั้ง 11 ประเด็น ที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาออกมานั้น จะทำให้เป็นบรรทัดฐานสำหรับการดำเนินคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องทุกคดี ไม่ว่าจะไปฟ้องเรียกค่าเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่ง หรือคดีอาญา ซึ่งขณะนี้มีคดีที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ที่ตนแยกแยะออกเป็น 3 ประเภท

1. คดีที่เกี่ยวข้องกับภาษี ที่เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของนายพานทองแท้ ชินวัตร และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ที่ได้รับการขายหุ้นมาแต่ยังไม่ชำระภาษีที่ถูกอายัดไว้ก่อนหน้านี้

2. คดีซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทวินมาร์ค บริษัท แอมเพิลริช และนายพานทองแท้ กับน.ส.พิณทองทา ที่ซื้อขายกันในราคา 1 บาท

3. ภาษีเงินได้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน คงจะต้องถูกประเมินใหม่อีกครั้งหนึ่ง

4. ภาษีที่บริษัท AIS และบริษัทชินคอร์ป แจ้งรายรับให้กับกรมสรรพากร ก็จะต้องถูกทบทวนประเมินใหม่อีกครั้งหนึ่ง ว่ารายได้ที่แท้จริงเป็นอย่างไร

**จี้รัฐยกเลิกพ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต 2 ฉบับ

นายประพันธ์ ยังกล่าวเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า ที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันที คือการยกเลิกพระราชกำหนดภาษีสรรพสามิต ทั้ง 2 ฉบับนั้น ทันที โดยไม่ต้องไปรออะไรอีกแล้ว และจะต้องเรียกเก็บค่าสัมปทานกับคืนไปสู่สถานะเดิม เหมือนกับที่ บริษัทแอ๊ดวานอินโฟเซอร์วิช (AIS) ทำไว้กับองค์การโทรศัพท์ ซึ่งนับตั้งแต่ปีนี้ จะต้องจ่ายสัมปทาน 25 % ซึ่งปีนี้ก็จะต้องจ่าย 30 % ก่อนหักค่าใช้จ่าย ซึ่งรัฐจะต้องเรียกเก็บทันที โดยยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิต และให้ยกเลิกมติครม.ที่ให้เอาภาษีสรรพสามิตมาหักแทนการจ่ายสัมปทาน

ตรงนี้รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรดำเนินการทันที ไม่ควรไปผลักภาระว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ หรือของอัยการ เพราะในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ นั้นนายอภิสิทธิ์ พยายามผลักภาระให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะทำให้เกิดความเสียหาย

ส่วนการทบทวนแก้ไขสัญญา ทั้งดาวเทียมไอพีสตาร์ ระบบโรมมิ่ง หรือผลประโยชน์ตอบแทนระบบพีเพด (บัตรเติมเงิน) ก็จะต้องยกเลิก โดยแก้ไขสัญญานั้นทันที เพราะมันไม่มีผลเป็นโมฆะได้มาโดยมิชอบ ต้องกลับไปใช้ตามสัญญาสัมปทานเดิม ระหว่างบริษัท AIS กับองค์การโทรศัพท์ ก็จะทำให้องค์การโทรศัพท์ และกสท.ได้รายได้กลับไปตามสัญญาเดิม

**ลูก-เมีย ส่อเจออาญาสนับสนุนปกปิดหุ้น

นายประพันธ์ กล่าวว่า ส่วนคดีอาญา คือการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษี เป็นคดีอาญา และคดีปล่อยกู้ในเอกซิมแบงก์ ก็อยู่ในศาลอยู่แล้ว ทั้งนี้ คดีอาญาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกดำเนินคดีประกอบด้วย

1. คดีอาญาฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และแจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด 6 กระทง ไม่ใช่ 4 กระทง เพราะเมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกฯ จะต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินครั้งหนึ่ง พ้นจากตำแหน่ง ก็แจ้งครั้งหนึ่ง พ้นจากตำแหน่ง 1 ปี ก็แจ้งอีกครั้งหนึ่ง สรุปรวมจะต้องแจ้ง 3 ครั้ง เมื่อเป็นนายกฯ 2 สมัย ก็ต้องแจ้ง 6 ครั้ง

2. คดีอาญา ที่บุตรและภริยา จะตกเป็นจำเลยร่วมฐานปกปิดรายการทรัพย์สิน และสนับสนุนการกระทำความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ

3. คดีอาญา ฐานที่เบิกความอันเป็นเท็จต่อศาล

4. คดีอาญา ฐานแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล

5. คดีอาญาฐานปกปิดการถือหุ้นของบริษัท เอสซี แอสเสท ซึ่งคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นในสมัยที่นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้อง

**ลากไส้"เอสซี แอสเสท" ยุรัฐฟื้นคดีปกปิดหุ้น

นายประพันธ์ กล่าวว่า บัดนี้ได้เกิดข้อเท็จจริงใหม่ขึ้นมาแล้วว่า บริษัทวินมาร์ค บริษัทแอมเพิลริช ถือเป็นบริษัทนอมินี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และถือหุ้นอยู่ในบริษัทเอสซี แอสเสท เพราะฉะนั้นการที่อัยการสั่งไม่ฟ้องในคดีก่อนนั้น โดยอ้างเหตุผลว่าได้มีการแก้ไขระเบียบว่า ใครที่เป็นนอมินีให้มาแจ้งได้ และสรุปว่าไม่เป็นความผิด โดยเห็นว่าสั่งไม่ฟ้อง ความจริงระเบียบนั้นออกภายหลัง

ทั้งนี้ กรณีของบริษัทเอสซี แอสเสท ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลควรจะรื้อฟื้นคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นขึ้นมา เพราะจะเห็นว่า บริษัท เอสซี แอสเสท เป็นผู้ร่วมกระทำผิดอย่างร้ายแรง

ขณะที่ในช่วงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นปลัดกกระทรวงยุติธรรม และกำกับดูแลกรมบังคับคดี ได้ไปแก้ไขระเบียบการขายทรัพย์ที่ยึดมาจากการบังคับคดี การแก้ไขหลักเกณฑ์ในครั้งนั้นทำให้บริษัทเอสซี แอสเสท ไปซื้อที่ดินมูลค่าถูกๆ นับเป็นแสนไร่ ในประเทศไทยขณะนี้
 
"ทำให้รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีหุ้นที่ซุกอยู่ในบริษัทเอสซี แอสเสท เป็นที่ดินแสนไร่ และเป็นที่ดินที่มีราคาแพง ซื้อมาถูกๆ เช่นเดียวกับคดีที่ดินรัชดาฯ ที่เป็นเพียง 1 แปลง แต่เขามีเป็นแสนไร่ที่ซุกอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการบางกอก บูเลอวาร์ด หรือโครงการอื่นๆ ที่ซื้อที่ดินราคาถูกโดยแก้ไขหลักเกณฑ์ของกรมบังคับคดี ขณะที่อธิบดีกรมบังคับคดีในยุคนั้น ก็ได้โบนัส หรือรางวัลที่สามารถขายทรัพย์ออกไปด้วย"

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า มีคนไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีทรัพย์สิน แต่แท้จริงมีอยู่ใน บริษัทเอสซี แอสเสท ที่เป็นที่ดินซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าหุ้น ที่เพิ่มมูลค่ากว่าพันเท่า ซื้อมาตอนนั้น 100 ล้านบาท ตอนนี้ก็คงจะมีมูลค่าหลักพันล้านไปแล้ว
คดีอาญาสุดท้ายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกดำเนินการคือ คดีละเมิดศาล ที่ออกมาแถลงกล่าวหาว่าเป็นศาลการเมือง ถูกสั่งการให้ตัดสิน

ทั้งนี้ คดีนี้จะเป็นตัวอย่างให้รัฐบาลชุดนี้ ที่มีบุคคลที่อยู่ร่วมในรัฐบาลทักษิณ โดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ควรจะถือโอกาสเพื่อกวาดล้างคนเหล่านั้นเสีย เพราะคนเหล่านี้ยังคงนำการกระทำที่ผ่านมา มาใช้อยู่ตลอดเวลา

**จี้มาร์คกำกับ 3 จี แบล็กลิสต์ AIS-ชินคอร์ป

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ของนักการเมือง โดยเฉพาะกฎหมาย ป.ป.ช. ให้ทำการยึดทรัพย์ทั้งหมด หรือเพิ่มการลงโทษทางอาญา หากพบว่า มีการทุจริตต่อหน้าที่ และยกกรณีนี้มาเป็นกรณีศึกษาเพราะคนที่โกงชาติและสร้างความเสียหายกับรัฐมากกว่าเงินที่ถูกยึด เพราะก่อนที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองก็ได้ทำการปฏิญาณตน แต่สุดท้ายกลับใช้อำนาจไปในทางที่มิชอบ และพวกโจรการเมืองก็จะไม่กลัวหากกฎหมายยังไม่เฉียบขาด

นายสำราญ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงไอซีที เตรียมเสนอ ครม. เพื่อเดินหน้าเปิดประมูลเทคโนโลยี 3 จี ซึ่งมีบริษัท AIS อินโฟเซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ที่เกี่ยวข้องกับกับคำพิพากษายึดทรัพย์ว่ามีความผิด เสนอตัวร่วมประมูลด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ต้องสนใจเป็นพิเศษในกรณี 3 จีนี้ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่กำกับกระทรวงไอซีที หรือ กทช. ที่จะต้องเข้มงวดกวดขัน

นายประพันธ์ กล่าวว่า กรณีเทคโนโลยี 3 จีนั้น เห็นว่า นายกรัฐมนตรียังคงทำตัวเหมือนกำลังลอยตัว เพราะเรื่องนี้มีผลประโยชน์มหาศาลมาก นายกฯ เพียงบอกว่าได้มอบหมายให้ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที รับผิดชอบ และให้กรอบเวลาดำเนินการ แต่การที่ศาลฎีกาพิพากษาตัดสินแล้ว และชี้ให้เห็นว่า บริษัทที่เคยได้สัมปทาน เทคโนโลยี 2 จีมากก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะบริษัท AIS และบริษัทชินคอร์ป ได้ทำความผิด ทั้งในเรื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่เทคโนโลยี 2 จี และกรณียิงดาวเทียมไอพีสตาร์ เกิดความเสียหายให้กับประเทศชาติมหาศาลเท่าไร ขณะเดียกวันเทคโนโลยี 3 จี ก็กำลังจะเปิดประมูล

"ปัญหาคือ ถ้า 3 จีเปิดให้ประมูล และบริษัทพวกนี้ยังมีสิทธิเข้ามาร่วมประมูลด้วย และหากได้สัมปทานต่อไป รวมถึงมีการโอนถ่ายลูกค้าที่มีอยู่กว่าหลายสิบล้านเลขหมาย เข้ามาในเทคโนโลยี 3 จี ก็จะยิ่งสร้างความสับสนอย่างมาก เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วนายกรัฐมนตรี ควรจะรีบเร่ง และลงมานั่งหัวโต๊ะเพื่อกำกับดูแลโครงการนี้อย่างใกล้ชิด ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐมนตรีหญิงคนหนึ่งมาทำโครงการที่เป็นแสนๆ ล้าน เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นจากบริษัทพวกนี้ ยังไม่ได้มีการเคลียร์ ดังนั้นรัฐก็ควรที่อาศัยช่วงโอกาสนี้นำมาเป็นข้อต่อรองในการเจรจาว่า บริษัทเหล่านี้จะเข้ามาร่วมประมูลไม่ได้ หากยังไม่สามารถเคลียร์ผลประโยชน์ และการกระทำผิดตามสัญญาเดิมยังไม่มีการแก้ไข เช่นนี้ถึงจะเป็นการรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง"

นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า หากนายกรัฐมนตรี กลัวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปัญหาการต่อรองทางการเมือง ก็อย่ามาเป็นนักการเมืองเลย เพราะนายกฯ ต้องใช้อำนาจการเมืองมาแก้ผลประโยชน์ชาติ เพราะหากยังลอยตัวให้แต่เจ้าหน้าที่ดำเนินการ นักธุรกิจก็จะเข้าไปวิ่งเต้นขอสัมปทานแบบเดิมกับเจ้าหน้าที่ ปัญหาก็จะซ้ำรอยเดิม ดังนั้นบริษัทเหล่านี้ทำความเสียหายให้กับชาติ แล้วยังจะมีโอกาสง่ายๆ เข้าไปหาประโยชน์กับธุรกิจ 3 จี อีกหรือ ทั้งที่คดีความก็ยังไม่มีการสะสาง เช่นเดียวกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่หนีงาน หรือทำงานเสียหาย เราก็ยังขึ้นแบล็กลิสต์ ไว้เลย

**เชื่อบึ้ม4 จุดกลุ่มล้มรัฐบาลโยงคดียึดทรัพย์

นายสำราญ กล่าวถึงเหตุวางระเบิดคืนเดียว 4 จุดในคืนเดียว โดยเน้นที่หน้าสำนักงานธนาคารกรุงเทพสาขาต่างๆว่า พรรคการเมืองใหม่มีข้อสังเกต--ข้อเสนอแนะ และข้อเรียกร้องเบื้องต้นดังนี้ 1. เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มฝ่ายที่ต้องการล้มรัฐบาล และมีความเชื่อมโยงมาจากคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท
 
2. เป็นปฏิบัติการโจมตีก่อกวนในในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งปัจจุบันเป้าหมายของกลุ่มนี้คือกลุ่มที่พวกเขาเรียกว่า “อำมาตย์” และ “รัฐบาล” มีความเป็นไปได้ว่า การวางระเบิดหน้าธนาคารกรุงเทพสาขาต่างๆ ก็เพื่อจะโยงให้ถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งพวกเขาพยายามโยงให้เกี่ยวพันกับธนาคารกรุงเทพ

3. พรรคการเมืองใหม่ ขอประณามกับการกระทำดังกล่าว แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการที่นายกฯพยายามบอกว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มเล็กๆ เราเชื่อว่าเป็นขบวนการการเมืองขนาดใหญ่ ที่กำลังจะสร้างความรุนแรงรอบใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งรูปแบบใต้ดิน และบนดิน

4. เฉพาะหน้ารัฐบาลต้องเข้มงวดเรื่องการข่าวให้แม่นยำ ฉับไว เพื่อตัดไฟต้นลมให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันวงจรปิดตามจุดต่างๆ ควรจะได้ตรวจเช็คประสิทธิภาพโดยด่วน
กำลังโหลดความคิดเห็น