โฆษกมาร์ค ปฏิสธเหตุระเบิด 4 จุดรัฐบาลไม่ได้เป็นผู้เบื้องหลัง เชื่อเป็นแผนที่ปลาหน้าไซของกลุ่มเสื้อแดง เพื่อจุดกระแสให้เกิดการปฏิวัติ เย้ย “แม้ว” เป็นธรรมดาที่อาชญากรไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล แขวะ 2 มาตรฐานตัวจริงจาบจ้วงศาลแต่กลับจะยื่นอุทธรณ์ยึดทรัพย์ สงสัยพฤติกรรม “จิ๋ว” ชักใยเหตุบึ้มป่วนเมือง
วันนี้ (28 ก.พ.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 4 จุดใน กทม.ว่า รัฐบาลขอยืนยันว่าไม่เคยสร้างสถานการณ์ เพราะต้องการที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ ซึ่งอาจจะมีการขยายผลไปป้ายสีกลุ่มทหารเพื่อทำให้เกิดความวุ่นวายไปสู่การปฏิวัติ โดยคนเหล่านี้พยายามโยนความผิดให้รัฐบาลและกองทัพ ตนไม่อยากจะเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงใช้เหตุการณ์นี้ตีปลาหน้าไซ
นายเทพไทยังเรียกร้องสังคมให้ออกมากดดันกับบุคคลที่ใช้ความรุนแรง เพราะเชื่อว่าจะเกิดความรุนแรง โดยมีการตั้งกองกำลังนักรบทุ่งสัมฤทธิ์ ที่ จ.โคราช เป็นพฤติกรรมที่สวนทางของกลุ่มคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อ้างว่าจะต่อสู้โดยสันติวิธีและอหิงสา แต่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ เพราะเชื่อว่าเป็นหนทางที่เปลียนวิถีชีวิตและไม่ต้องติดคุก และคนเหล่านี้จะลุกขึ้นสู้กับคณะปฏิวัติเพื่อชัยชนะของตัวเอง
นายเทพไทแถลงถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ว่าจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลว่า เป็นเรื่องธรรมดาของอาชญากรที่ไม่ยอมรับอาชญากรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณรู้ดีว่าพฤติกรรมของอาชญากรเป็นอย่างไร เพราะได้ศึกษาระะดับปริญาโทและปริญญาเอกด้านอาชญาวิทยา สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงออกมาทำให้เผยธาตุแท้ที่เห็นแก่ตัว รักตัวเองมากกว่าประชาชน รักครอบครัวมากกว่าประเทศชาติ เพราะหลังจากคำพิพากษาออกมา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไม่ขอโทษประชาชนแต่ขอโทษครอบครัว ซึ่งไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รักชาติ รักประชาชน อย่างที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่
นายเทพไทกล่าวว่า ตนคิดว่าหลังจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะขอบคุณศาล เพราะมีรายละเอียดที่แยกแยะความผิดชอบชั่วดีอย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนบางกลุ่มตาหูสว่างมากขึ้น และเห็นว่าผลประโยชน์ทับซ้อนเชิงทุจริตเป็นอย่างไร และจะได้รู้ตัวการที่ทำผิดร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อว่ากระบวนการกฎหมายจะเอาบุคคลเหล่านั้นมาลงโทษได้เช่นกัน ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เลิกต่อต้านกระบวนการยุติธรรมและยอมรับคำตัดสินของศาล เพราะต่อไปจะถือว่าเป็นบรรทัดฐานให้คนไทยทั้ง 63 ล้านคนปฏิบัติโดยถ้วนหน้ากัน
นายเทพไท กล่าวว่า สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดเป็นการหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดอำนาจศาล โดยเฉพาะการพูดว่า “มันตั้งคน 9คน ด่า ๆ ไป มั่วๆ ไป แล้วสั่งยึดไปดูมันง่ายจริง”ตนคิดว่า เป็นการหมายถึงตุลาการทั้ง 9คน และส่วนที่ระบุว่า ศาลใช้เสียงข้างมากโดยไม่ระบุว่าใช้มติเท่าใดเหมือนคดีอื่น ๆ ตนไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ด่วนสรุปหรือใจร้อน ควรรอให้ลิ่วล้อหรือที่ปรึกษากฎหมาย ส่งคำพิพากษาฉบับเต็มไปให้ดู จะเห็นได้ชัดว่ามีการระบุชัดเจนว่า มีการลงมติกันอย่างไรและมีใครบ้าง ซึ่งเป็นการพูดที่พยายามบิดเบือน รวมไปถึงการที่จะให้ทนายอุทธรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยพูดถึงศาลว่าไม่ยุติธรรมเพราะมีศาลเดียว แต่วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับจะให้ทนายอุทธรณ์ จึงเห็นว่าอะไรที่ตัวเองได้ประโยชน์ก็จะใช้ช่องทางนั้น
“อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูกระแสสังคม ล่าสุดเอแบคโพลล์สำรวจพบว่า ประชาชนอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับในคำพิพากษาของศาล 56.7 เปอร์เซ็นต์ และยังมีความเห็น 32.6 เปอร์เซ็นต์ หากไม่เห็นด้วยให้ไปอุทธรณ์ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เคารพในคำตัดสินครั้งนี้” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่ามีบางคนอยู่เบื้องหลังคอยชักใยทำให้บ้านเมืองเลวร้ายทุกวันนี้นั้น ตนไม่ทราบว่าคนที่ พล.อ.ชวลิตพูดหมายถึงใคร ทำไม พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นชายชาติทหารไม่กล้าพูดความจริงและบอกให้สังคมรู้ เพราะหากมีจริงควรที่จะเปิดเผย จะได้เรียกร้องให้สังคมได้ตรวจสอบ
การใส่ร้ายที่บอกว่าสังคมไทยมีแต่ความไม่ยุติธรรมถึง 78 ปี คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังความไม่ยุติธรรมตลอดเวลาใช่หรือไม่ และในช่วงเวลาดังกล่าวมีนายกฯ ชื่อ พล.อ.ชวลิต พ.ต.ท.ทักษิณ และนายกฯนอมินี ซึ่งพวกคุณเคยคิดที่จะทำให้บ้านเมืองมีความยุติธรรมตามที่ใฝ่ฝันหรือไม่ เพียงเพราะถูกศาลตัดสิน จึงหยิบยกเรื่องความไม่ยุติธรรมขึ้นมาและโยงใยถึงอดีตให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ชวลิต จะทำทุกวิถีทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเป็นความปรารถนาของทุกคนที่อยากเห็น พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา แต่ พ.ต.ท.ทักษิณต่างหากที่ไม่กล้ากลับ และตนไม่เชื่อว่าไม่มีใครไปนำมา ซึ่งรัฐบาลและทุกคนพร้อมต้อนรับ แต่เมื่อเข้ามาต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนคำถามที่นักข่าวถาม พล.อ.ชวลิตว่าหลังจากนี้จะเกิดเหตุนองเลือดหรือไม่นั้น พล.อ.ชวลิต กลับบอกว่าเป็นความลับ เป็นคำตอบที่แคลงใจให้กับสังคม เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับความลับของ พล.อ.ชวลิตหรือไม่ และที่น่ากลัวในอดีต เช่น เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ มีกระบวนการมอเตอร์ไซต์ไปตีสัญญาณจราจรและไปตีป้อมตำรวจ ซึ่งเป็นปริศนาทุกวันนี้ว่าเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ชวลิตหรือไม่ ดังนั้น ตนอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ชวลิต ที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองต้องให้ความกระจ่างกับสังคม