ASTVผู้จัดการรายวัน-คนไทยทั้งประเทศใจจด ใจจ่อ เปิดทีวี วิทยุ อินเทอร์เน็ต ฟังผลตัดสินคดีประวัติศาสตร์ยึดทรัพย์ “ทักษิณ” 7.6 หมื่นล้าน ทำกรุงเทพฯ ถนนโล่ง แต่ไปติดแถวพระราม 4 ที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงไปรวมตัวกันที่พรรคเพื่อไทยแทน สาวกน้ำตาท่วมจอ หลังศาลตัดสินยึดทรัพย์บางส่วน ส่วนแดงเชียงราย เชียงใหม่ แดงอีสาน ประกาศพร้อมขนคนเข้ากรุงร่วมม็อบใหญ่
บรรยากาศตลอดวันของวานนี้ (26 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้าน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำให้คนไทยทั้งประเทศใจจด ใจจ่อ อยู่หน้าจอโทรทัศน์ ฟังวิทยุ และเปิดอินเทอร์เน็ต เพื่อติดตามข่าวสารการอ่านคำพิพากษาตลอดทั้งวัน และมาลุ้นระทึกมากขึ้นเมื่อเวลาหลัง 20.00 น. ซึ่งเป็นช่วงการอ่านคำพิพากษา
ขณะที่สื่อมวลชน ทั้งไทยและต่างประเทศ ก็มีการตื่นตัวในการรายงานข่าวการอ่านคำพิพากษาคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต และหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีการรายงานสดออกมาเป็นระยะว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะบรรยากาศที่ศาลฎีกา ซึ่งเป็นสถานที่อ่านคำพิพากษา บริเวณท้องสนามหลวงที่มีข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไปจัดเวทีประท้วง บริเวณพรรคเพื่อไทย และที่สถานีพีเพิลแชนแนล ลาดพร้าว รวมไปถึงการจราจรในกรุงเทพฯ การเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันของเจ้าหน้าที่ ความเคลื่อนไหวของรัฐบาล และฝ่ายค้าน รวมไปถึงบรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดงในต่างจังหวัด
***เจ้าหน้าที่คุมเข้มศาลฎีกา
บริเวณศาลฎีกา ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ได้มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมทั้งได้มีการนำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดมาติดตั้ง และตรวจสอบบุคคลเข้า-ออกอย่างเข้มงวด รวมไปถึงรถยนต์ทุกคันที่เข้ามาในบริเวณศาล มีการวางกำลังตำรวจปราบจลาจล 3 กองร้อยโดยรอบศาลฎีกา จัดให้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนอยู่ตามจุบอับและที่มีคนพลุกพล่าน และวางพลแม่นปืนตามจุดสูงบนอาคารสูงเพื่อป้องกันเหตุร้ายด้วย ขณะเดียวกัน ได้มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือบริเวณศาลฎีกาด้วย เพื่อป้องกันการจุดระเบิด
***คณะผู้พิพากษามากับรถกันกระสุน
เมื่อเวลา 07.00 องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่าน ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา ในฐานะเจ้าของสำนวนคดียึดทรัพย์ นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา, นายพิทักษ์ คงจันทร์ ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา, นายพงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโส ในศาลฎีกา, นายอดิศักดิ์ ทิมมาศย์ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา, ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล รองประธานศาลฎีกา, นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา, นายกำพล ภู่สุดแสวง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และนายไพโรจน์ วายุภาพ รองประธานศาลฎีกา ได้เดินทางมาถึงศาลฎีกา โดยรถแลนด์โรเวอร์สีดำกันกระสุน 9 คัน ในรถแต่ละคันมีตำรวจประกบภายในรถ
จากนั้น องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่าน ได้เดินทางขึ้นไปยังห้องประชุมใหญ่บนอาคาร เพื่อประชุมองค์คณะเสนอคำวินิจฉัยส่วนตัวมาพิจารณาร่วมกันเพื่อลงมติเขียนคำพิพากษา โดยการลงมติองค์คณะพิพากษาคดีแต่ละประเด็นจะยึดถือเสียงข้างมาก และได้เริ่มอ่านคำพิพากษาเวลา 13.30 น. และเสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.45 น.
***ถนนราชดำเนินโล่ง
กองบังคับการตำรวจจราจร ได้มีการรายงานสภาพการจราจรทั่วกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวานนี้ พบว่า เริ่มติดขัดในถนนหลายสาย เช่น ลาดพร้าว อโศก สุขุมวิท พหลโยธินขาออก พระราม 4 ขาออก และถนนสีลม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติ ไม่เกี่ยวกับการอ่านคำพิพากษาคีดยึดทรัพย์ และคาดว่าจะเริ่มติดขัดอีกในช่วงเย็น โดยเฉพาะถนนที่มุ่งออกต่างจังหวัด เพราะคนเดินทางออก หลังมีวันหยุดยาว แต่ว่าถนนชั้นใน เช่น ถนนราชดำเนินใน ราชดำเนินกลาง และราชดำเนินนอก คล่องตัวตลอดทั้งวัน เพราะประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง
***สนามหลวงมีม็อบแดงจิ๊บจ๊อย
ที่สนามหลวง นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยาม ได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงมารวมตัวกัน แต่มีจำนวนไม่มากนัก โดยแกนนำยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ และไม่มีการเคลื่อนขบวนไปที่ศาลฎีกา
***เสื้อแดงทำพระราม 4 รถติด
ที่พรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ช่วงเช้า มีเจ้าหน้าที่พรรคเข้ามาจัดสถานที่ เพื่อรองรับกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่จะมารวมตัวกันเพื่อฟังคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ ที่ห้องประชุมชั้น 4 โดยมีนักกฎหมาย อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และนายสุขุมพงษ์ โง่นคำ ร่วมวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้สนับสนุนพรรค ไปรวมตัวฟังคำพิพากษาที่สถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล ลาดพร้าว ร่วมกับแกนนำกลุ่มนปช. โดยแจ้งข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดีโอลิงก์เข้ามา และใช้ช่องของสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนลถ่ายทอดสด
ทั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางมารอรับฟังการตัดสินคดีดังกล่าว ได้จับกลุ่มรออยู่ภายในอาคารที่ทำการพรรคเพื่อไทย บริเวณชั้น 1 ซึ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียด ลุ้นผลการตัดสิน และความคึกคักสลับกันไป
ส่วนบริเวณหน้าถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของพรรคเพื่อไทย การจราจรเริ่มติดขัดในช่วงบ่ายไปจนถึงช่วงเย็น เพราะมีผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยทยอยเดินทางมาสมทบมากขึ้น
***สาวกแดงน้ำตาท่วม
ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่อ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท กลุ่มคนเสื้อแดงที่มารอฟังคำตัดสินที่บริเวณพรรคเพื่อไทย ได้มีสีหน้าตื่นตระหนก และหลายรายได้ร้องไห้ออกมา เมื่อศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์บางส่วน 4.6 หมื่นล้านบาท แต่ก็เริ่มยิ้มได้ เมื่อทรัพย์สินบางส่วน 3 หมื่นล้านบาทไม่ถูกยึด อย่างไรก็ตาม บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความตรึงเครียดจนอ่านคำพิพากษาจบ
***เผาศาลพระภูมิประท้วง
อย่างไรก็ตาม หลังจากอ่านคำพิพากษาจบ บริเวณหน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เริ่มป่วน เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงปลุกเร้าสถานการณ์ด้วยการเผาศาลพระภูมิ เพื่อส่งสัญญาณประท้วงคำตัดสินของศาล
***AISโวยตัดสัญญาณมือถือ
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวันที่ 25 ก.พ. เอไอเอสได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าเป็นจำนวนมากว่า บริเวณศาลฎีกาไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ และจากตรวจสอบทางเทคนิคพบว่า เครือข่ายของเอไอเอสไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ปัญหาเกิดจากการส่งสัญญาณรบกวนคลื่นโทรศัพท์ ซึ่งยังไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเอไอเอสไม่สามารถใช้งานบริเวณดังกล่าวได้ แม้จะได้เตรียมช่องสัญญาณที่สามารถใช้งานได้พร้อมกันถึง 70,000 สายก็ตาม
***กทม.พร้อมรับมือม็อบ
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักเทศกิจ และชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็ว จำนวนกว่า 100 นาย เข้าดูแลสถานที่โดยรอบ พร้อมปิดประตูทางเข้าออกทุกทางของศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
นายพูลพันธ์ ไกรเสริม ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ หากเกิดเหตุรุนแรง ซึ่งถึงแม้ในขณะนี้จะยังไม่ได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองว่า จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น แต่ในฐานะที่กรุงเทพมหานครเป็นอีกหนึ่งสถานที่ราชการที่อยู่ใกล้เคียงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือหลังการอ่านคำวินิจฉัยในคดียึดทรัพย์
***แดงล้านนาเตรียมขนคนเข้ากรุง
ที่ภาคเหนือ รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า บรรดาตัวแทนจากกลุ่มคนเสื้อแดงเกือบทุกกลุ่มใน จ.เชียงราย ได้ไปประชุมพร้อมกันที่ร้านสบันงาขันโตก ถนนสันโค้งน้อย อ.เมืองเชียงราย เช่น กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย, กลุ่มชมชมรมคนรักทักษิณเชียงราย 49, กลุ่มพลังมวลชนเชียงราย, กลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่า ไม่มีกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 หรือคนจากร้าน Red Shop ซึ่งนำโดยนายจิระโชติ อุ่นนะ นายณรงค์ ทิพย์นวล และนายสมควร สุตะวงศ์ นายก อบต.บ้านแซว อ.เชียงแสน เข้าร่วม หลังจากกลุ่มหลังสุดนี้พยายามจะแสดงศักยภาพในการจัดกิจกรรมการชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ จนกระทบกระทั่งกับพวกเดียวกันมาแล้ว
ในการประชุมของบรรดาแกนนำกลุ่มต่างๆ ในครั้งนี้ พบว่า มีการหารือเรื่องการตระเตรียมเสบียงเพื่อจะไปชุมนุมใหญ่ตามที่ นปช. ส่วนกลางได้กำหนดเอาไว้ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ เป็นหลักโดยแจ้งให้แต่ละกลุ่มทำทีเป็นพามวลชนกระจายออกไปรับบริจาคจากประชาชนทั่วไป คล้ายกับการชุมนุมในเดือน เม.ย.2552 และเมื่อได้รับคำสั่งจาก นปช.ส่วนกลางก็ให้ออกมาเคลื่อนไหวตามที่ได้รับแจ้งทันที
แหล่งข่าวแกนนำคนเสื้อแดงคนหนึ่งระบุว่า ในการเดินทางไปรวมการชุมนุมครั้งนี้พวกเราจะได้รับการสนับสนุนค่าน้ำมันจากสภาแดงล้านนา ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย นำโดยนายบุญเลิศ บุญศรี ประธานกลุ่มเป็นสมาชิกอยู่ โดยจะได้รับค่าน้ำมันคันละประมาณ 3,000-4,000 บาท ดังนั้น หลังการประชุมจึงได้แยกย้ายกันไปจัดหารถยนต์เพื่อจะขนมวลชนเข้าไปกรุงเทพฯ หากได้รับสัญญาณให้เคลื่อนพล โดยจะจดบันทึกทั้งรายชื่อเจ้าของรถ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ไปรับเงินได้ถูกคัน
นายบุญเลิศ บุญศรี ประธานกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย กล่าวว่า สภาแดงล้านนาได้โควตารถยนต์ในการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จำนวน 400 คัน แบ่งกันไปใน 8 จังหวัดๆ ละประมาณ 50 คัน แต่เนื่องจาก จ.เชียงราย น่าจะมีศักยภาพกว่าหลายจังหวัดจึงได้นำโควตาของ จ.แม่ฮ่องสอน มาสมทบด้วยเป็น 60 คัน
***แดงเชียงใหม่ประกาศติดอาวุธสู้
มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้กล่าวผ่านสถานีวิทยุชุมชนให้คนเสื้อแดงเตรียมอาวุธให้พร้อมและให้จัดการกับกลุ่มคนที่ไม่หวังดีได้ทันที โดยเฉพาะระดับผู้สั่งการและผู้บังคับบัญชา เพื่อยุติอำนาจการสั่งการ เนื่องจากบุคคลพวกนี้เปรียบเหมือนโจรปล้นชาติ โดยต้องรวมพลังเรียกความยุติธรรมให้กลับคืนมา นอกจากนี้ ยังขอให้แกนนำเสื้อแดงระวังตัว เพราะอาจถูกควบคุมตัวได้
***"ขวัญชัย"เรียกแกนนำภาคอีสานถก
ขณะที่บรรยากาศภาคอีสาน นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรและแกนนำ นปช.ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับแกนนำภาคอีสานทั้งหมด 104 องค์กรที่ จ.ขอนแก่น เพื่อกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวในช่วงระหว่างวันที่ 12-14 ม.ค.นี้ โดยเฉพาะการเตรียมรถยนต์กระบะจำนวน 2,000 คัน เพื่อเดินทางเข้าร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯในช่วงดังกล่าว
บรรยากาศตลอดวันของวานนี้ (26 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้าน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำให้คนไทยทั้งประเทศใจจด ใจจ่อ อยู่หน้าจอโทรทัศน์ ฟังวิทยุ และเปิดอินเทอร์เน็ต เพื่อติดตามข่าวสารการอ่านคำพิพากษาตลอดทั้งวัน และมาลุ้นระทึกมากขึ้นเมื่อเวลาหลัง 20.00 น. ซึ่งเป็นช่วงการอ่านคำพิพากษา
ขณะที่สื่อมวลชน ทั้งไทยและต่างประเทศ ก็มีการตื่นตัวในการรายงานข่าวการอ่านคำพิพากษาคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต และหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีการรายงานสดออกมาเป็นระยะว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะบรรยากาศที่ศาลฎีกา ซึ่งเป็นสถานที่อ่านคำพิพากษา บริเวณท้องสนามหลวงที่มีข่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไปจัดเวทีประท้วง บริเวณพรรคเพื่อไทย และที่สถานีพีเพิลแชนแนล ลาดพร้าว รวมไปถึงการจราจรในกรุงเทพฯ การเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันของเจ้าหน้าที่ ความเคลื่อนไหวของรัฐบาล และฝ่ายค้าน รวมไปถึงบรรยากาศการชุมนุมของคนเสื้อแดงในต่างจังหวัด
***เจ้าหน้าที่คุมเข้มศาลฎีกา
บริเวณศาลฎีกา ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ได้มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมทั้งได้มีการนำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดมาติดตั้ง และตรวจสอบบุคคลเข้า-ออกอย่างเข้มงวด รวมไปถึงรถยนต์ทุกคันที่เข้ามาในบริเวณศาล มีการวางกำลังตำรวจปราบจลาจล 3 กองร้อยโดยรอบศาลฎีกา จัดให้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนอยู่ตามจุบอับและที่มีคนพลุกพล่าน และวางพลแม่นปืนตามจุดสูงบนอาคารสูงเพื่อป้องกันเหตุร้ายด้วย ขณะเดียวกัน ได้มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือบริเวณศาลฎีกาด้วย เพื่อป้องกันการจุดระเบิด
***คณะผู้พิพากษามากับรถกันกระสุน
เมื่อเวลา 07.00 องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่าน ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา ในฐานะเจ้าของสำนวนคดียึดทรัพย์ นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา, นายพิทักษ์ คงจันทร์ ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา, นายพงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโส ในศาลฎีกา, นายอดิศักดิ์ ทิมมาศย์ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา, ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล รองประธานศาลฎีกา, นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา, นายกำพล ภู่สุดแสวง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และนายไพโรจน์ วายุภาพ รองประธานศาลฎีกา ได้เดินทางมาถึงศาลฎีกา โดยรถแลนด์โรเวอร์สีดำกันกระสุน 9 คัน ในรถแต่ละคันมีตำรวจประกบภายในรถ
จากนั้น องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่าน ได้เดินทางขึ้นไปยังห้องประชุมใหญ่บนอาคาร เพื่อประชุมองค์คณะเสนอคำวินิจฉัยส่วนตัวมาพิจารณาร่วมกันเพื่อลงมติเขียนคำพิพากษา โดยการลงมติองค์คณะพิพากษาคดีแต่ละประเด็นจะยึดถือเสียงข้างมาก และได้เริ่มอ่านคำพิพากษาเวลา 13.30 น. และเสร็จสิ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.45 น.
***ถนนราชดำเนินโล่ง
กองบังคับการตำรวจจราจร ได้มีการรายงานสภาพการจราจรทั่วกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายวานนี้ พบว่า เริ่มติดขัดในถนนหลายสาย เช่น ลาดพร้าว อโศก สุขุมวิท พหลโยธินขาออก พระราม 4 ขาออก และถนนสีลม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติ ไม่เกี่ยวกับการอ่านคำพิพากษาคีดยึดทรัพย์ และคาดว่าจะเริ่มติดขัดอีกในช่วงเย็น โดยเฉพาะถนนที่มุ่งออกต่างจังหวัด เพราะคนเดินทางออก หลังมีวันหยุดยาว แต่ว่าถนนชั้นใน เช่น ถนนราชดำเนินใน ราชดำเนินกลาง และราชดำเนินนอก คล่องตัวตลอดทั้งวัน เพราะประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง
***สนามหลวงมีม็อบแดงจิ๊บจ๊อย
ที่สนามหลวง นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยาม ได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงมารวมตัวกัน แต่มีจำนวนไม่มากนัก โดยแกนนำยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ และไม่มีการเคลื่อนขบวนไปที่ศาลฎีกา
***เสื้อแดงทำพระราม 4 รถติด
ที่พรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ช่วงเช้า มีเจ้าหน้าที่พรรคเข้ามาจัดสถานที่ เพื่อรองรับกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่จะมารวมตัวกันเพื่อฟังคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ ที่ห้องประชุมชั้น 4 โดยมีนักกฎหมาย อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และนายสุขุมพงษ์ โง่นคำ ร่วมวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้สนับสนุนพรรค ไปรวมตัวฟังคำพิพากษาที่สถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล ลาดพร้าว ร่วมกับแกนนำกลุ่มนปช. โดยแจ้งข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดีโอลิงก์เข้ามา และใช้ช่องของสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนลถ่ายทอดสด
ทั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางมารอรับฟังการตัดสินคดีดังกล่าว ได้จับกลุ่มรออยู่ภายในอาคารที่ทำการพรรคเพื่อไทย บริเวณชั้น 1 ซึ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียด ลุ้นผลการตัดสิน และความคึกคักสลับกันไป
ส่วนบริเวณหน้าถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของพรรคเพื่อไทย การจราจรเริ่มติดขัดในช่วงบ่ายไปจนถึงช่วงเย็น เพราะมีผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยทยอยเดินทางมาสมทบมากขึ้น
***สาวกแดงน้ำตาท่วม
ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่อ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท กลุ่มคนเสื้อแดงที่มารอฟังคำตัดสินที่บริเวณพรรคเพื่อไทย ได้มีสีหน้าตื่นตระหนก และหลายรายได้ร้องไห้ออกมา เมื่อศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์บางส่วน 4.6 หมื่นล้านบาท แต่ก็เริ่มยิ้มได้ เมื่อทรัพย์สินบางส่วน 3 หมื่นล้านบาทไม่ถูกยึด อย่างไรก็ตาม บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความตรึงเครียดจนอ่านคำพิพากษาจบ
***เผาศาลพระภูมิประท้วง
อย่างไรก็ตาม หลังจากอ่านคำพิพากษาจบ บริเวณหน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เริ่มป่วน เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงปลุกเร้าสถานการณ์ด้วยการเผาศาลพระภูมิ เพื่อส่งสัญญาณประท้วงคำตัดสินของศาล
***AISโวยตัดสัญญาณมือถือ
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวันที่ 25 ก.พ. เอไอเอสได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าเป็นจำนวนมากว่า บริเวณศาลฎีกาไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ และจากตรวจสอบทางเทคนิคพบว่า เครือข่ายของเอไอเอสไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ปัญหาเกิดจากการส่งสัญญาณรบกวนคลื่นโทรศัพท์ ซึ่งยังไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเอไอเอสไม่สามารถใช้งานบริเวณดังกล่าวได้ แม้จะได้เตรียมช่องสัญญาณที่สามารถใช้งานได้พร้อมกันถึง 70,000 สายก็ตาม
***กทม.พร้อมรับมือม็อบ
ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักเทศกิจ และชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็ว จำนวนกว่า 100 นาย เข้าดูแลสถานที่โดยรอบ พร้อมปิดประตูทางเข้าออกทุกทางของศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
นายพูลพันธ์ ไกรเสริม ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ หากเกิดเหตุรุนแรง ซึ่งถึงแม้ในขณะนี้จะยังไม่ได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองว่า จะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น แต่ในฐานะที่กรุงเทพมหานครเป็นอีกหนึ่งสถานที่ราชการที่อยู่ใกล้เคียงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือหลังการอ่านคำวินิจฉัยในคดียึดทรัพย์
***แดงล้านนาเตรียมขนคนเข้ากรุง
ที่ภาคเหนือ รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า บรรดาตัวแทนจากกลุ่มคนเสื้อแดงเกือบทุกกลุ่มใน จ.เชียงราย ได้ไปประชุมพร้อมกันที่ร้านสบันงาขันโตก ถนนสันโค้งน้อย อ.เมืองเชียงราย เช่น กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย, กลุ่มชมชมรมคนรักทักษิณเชียงราย 49, กลุ่มพลังมวลชนเชียงราย, กลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่า ไม่มีกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 หรือคนจากร้าน Red Shop ซึ่งนำโดยนายจิระโชติ อุ่นนะ นายณรงค์ ทิพย์นวล และนายสมควร สุตะวงศ์ นายก อบต.บ้านแซว อ.เชียงแสน เข้าร่วม หลังจากกลุ่มหลังสุดนี้พยายามจะแสดงศักยภาพในการจัดกิจกรรมการชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ จนกระทบกระทั่งกับพวกเดียวกันมาแล้ว
ในการประชุมของบรรดาแกนนำกลุ่มต่างๆ ในครั้งนี้ พบว่า มีการหารือเรื่องการตระเตรียมเสบียงเพื่อจะไปชุมนุมใหญ่ตามที่ นปช. ส่วนกลางได้กำหนดเอาไว้ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ เป็นหลักโดยแจ้งให้แต่ละกลุ่มทำทีเป็นพามวลชนกระจายออกไปรับบริจาคจากประชาชนทั่วไป คล้ายกับการชุมนุมในเดือน เม.ย.2552 และเมื่อได้รับคำสั่งจาก นปช.ส่วนกลางก็ให้ออกมาเคลื่อนไหวตามที่ได้รับแจ้งทันที
แหล่งข่าวแกนนำคนเสื้อแดงคนหนึ่งระบุว่า ในการเดินทางไปรวมการชุมนุมครั้งนี้พวกเราจะได้รับการสนับสนุนค่าน้ำมันจากสภาแดงล้านนา ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย นำโดยนายบุญเลิศ บุญศรี ประธานกลุ่มเป็นสมาชิกอยู่ โดยจะได้รับค่าน้ำมันคันละประมาณ 3,000-4,000 บาท ดังนั้น หลังการประชุมจึงได้แยกย้ายกันไปจัดหารถยนต์เพื่อจะขนมวลชนเข้าไปกรุงเทพฯ หากได้รับสัญญาณให้เคลื่อนพล โดยจะจดบันทึกทั้งรายชื่อเจ้าของรถ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ไปรับเงินได้ถูกคัน
นายบุญเลิศ บุญศรี ประธานกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย กล่าวว่า สภาแดงล้านนาได้โควตารถยนต์ในการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จำนวน 400 คัน แบ่งกันไปใน 8 จังหวัดๆ ละประมาณ 50 คัน แต่เนื่องจาก จ.เชียงราย น่าจะมีศักยภาพกว่าหลายจังหวัดจึงได้นำโควตาของ จ.แม่ฮ่องสอน มาสมทบด้วยเป็น 60 คัน
***แดงเชียงใหม่ประกาศติดอาวุธสู้
มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้กล่าวผ่านสถานีวิทยุชุมชนให้คนเสื้อแดงเตรียมอาวุธให้พร้อมและให้จัดการกับกลุ่มคนที่ไม่หวังดีได้ทันที โดยเฉพาะระดับผู้สั่งการและผู้บังคับบัญชา เพื่อยุติอำนาจการสั่งการ เนื่องจากบุคคลพวกนี้เปรียบเหมือนโจรปล้นชาติ โดยต้องรวมพลังเรียกความยุติธรรมให้กลับคืนมา นอกจากนี้ ยังขอให้แกนนำเสื้อแดงระวังตัว เพราะอาจถูกควบคุมตัวได้
***"ขวัญชัย"เรียกแกนนำภาคอีสานถก
ขณะที่บรรยากาศภาคอีสาน นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรและแกนนำ นปช.ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับแกนนำภาคอีสานทั้งหมด 104 องค์กรที่ จ.ขอนแก่น เพื่อกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวในช่วงระหว่างวันที่ 12-14 ม.ค.นี้ โดยเฉพาะการเตรียมรถยนต์กระบะจำนวน 2,000 คัน เพื่อเดินทางเข้าร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯในช่วงดังกล่าว