ผบช.น.ตรวจความเรียบร้อยศาลฎีกา จัดกำลัง ตร.-พลแม่นปืน ลงพื้นที่ตามจุด เชื่อไม่มีเหตุรุนแรง ขณะที่ 9 องค์คณะผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ได้เดินทางด้วยรถกันกระสุนถึงศาลฎีกาแล้ว ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเข้มงวด
วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อเวลา 06.50 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.และ พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รองผบช.น. เดินมามายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยการรักษาความปลอดภัย ในวันอ่านคำพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 76,000 ล้านบาท
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า ตำรวจนครบาลมีความพร้อมในการดูแลความสงบเรียบร้อย โดยมีการวางกำลังตำรวจปราบจารจล 1 กองร้อยภายในพื้นที่ศาลฎีกา ขณะพื้นที่โดยรอบศาลมีการวางกำลังตำรวจปราบจราจล 3 กองร้อย ซึ่งเป็นกำลังจาก บก.น.1 บก.น.5 และบก.น.6 นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ บก.น.1 จำนวน 70 นาย ตามจุดอับและจุดที่มีคนพลุกพล่าน ขณะเดียวกันก็มีการวางกำลังพลแม่นปืนตามจุดสูงข่มบนอาคารสูง เพื่อป้องกันเหตุร้าย เชื่อมั่นว่าไม่มีเหตุรุนแรงหรือความวุ่นวายเกิดขึ้น
“อยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าตำรวจนครบาล ซึ่งเราได้ผนึกกำลัง สันติบาล-ทหาร-กทม. ดูแลความเรียบร้อย ไม่เพียงแต่องค์คณะผู้พิพากษา แต่รวมถึงสถานการณ์โดยรวม นอกจากกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อยที่ดูแลพื้นที่ภายในศาลแล้ว ตำรวจนครบาลได้เตรียมกำลัง 10 กองร้อยเตรียมพร้อมที่ตั้ง หากมีปัญหาก็สามารถเรียกกำลังสนับสนุนได้ทันที” พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าว
ต่อมาเวลา 07.00 น. องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา ในฐานะเจ้าของสำนวนคดียึดทรัพย์ นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา,นายพิทักษ์ คงจันทร์ ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา ,นายพงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโส ในศาลฎีกา ,นายอดิศักดิ์ ทิมมาศย์ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา , ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล รองประธานศาลฎีกา ,นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา , นายกำพล ภู่สุดแสวง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และนายไพโรจน์ วายุภาพ รองประธานศาลฎีกา ได้เดินทางมาถึงศาลฎีกา โดยรถแลนด์โรเวอร์สีดำกันกระสุน 9 คัน ในรถแต่ละคันมีตำรวจประกบภายในรถ
ขณะที่มีรถตู้ขนเอกสารสำนวน ตามในขบวนด้วย เมื่อถึงอาคารศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืององค์คณะทั้งเก้า ได้เดินทางขึ้นไปยังห้องประชุมใหญ่บนอาคาร เพื่อประชุมองค์คณะเสนอคำวินิจฉัยส่วนตัวมาพิจารณาร่วมกันเพื่อลงมติเขียนคำพิพากษาที่นัดอ่านคำพิพากษาเวลา 13.30 น. โดยการลงมติองค์คณะพิพากษาคดีแต่ละประเด็นจะยึดถือเสียงข้างมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับบรรยากาศรักษาความปลอดภัย นั้นมีกำลังเจ้าหน้าที่ รปภ. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ และตำรวจปราบจลาจลซึ่งมีอาวุธโล่ กระบอง เตรียมพร้อมประมาณ 150 นายภายในบริเวณภายในศาล โดยมีรถวิทยุ191 และบก.น.1 ,บก.น.6 และหน่วยอื่นๆ อีกประมาณ 300 นาย ประจำการตรวจคตราโดยรอบศาลฎีกา ขณะที่ปรากฏว่าขณะนี้ ( เวลา ช่วงเช้า )ได้มีการทดลองตัดสัญญานโทรศัพท์ป้องกันการจุดระเบิดด้วย
ต่อมาเวลา 09.35 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เปิดเผยว่า ได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 กองร้อย ดูแลรอบนอกศาล ส่วนอีก 1 กองร้อยจะดูแลความเรียบร้อยภายในศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปะ-ฉะ-ดะ จำนวน 35 นาย จะคอยดูแลรักษาความปลอดภัยร่วมด้วย นอกจากนี้ได้จัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 40 นาย คอยตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระภายในศาลด้วย
อย่างไรก็ตาม จะวางกำลังเจ้าหน้าที่ไว้เช่นนี้จนกว่าจะมีการพิพากษาเสร็จสิ้น และจะต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 28 ก.พ ซึ่งสถานการณ์โดยรวมยังปกติดี และด้านการข่าวยังไม่มีอะไรน่าห่วง ส่วนกลุ่มแดงสยามที่ชุมนุมอยู่ในสนามหลวงได้สลายการชุมนุมไปแล้วเมื่อคืนนี้ ทั้งนี้หากมีเหตุฉุกเฉินก็จะเพิ่มกำลังจำนวน 2 กองร้อยได้ภายใน 30 นาที และจะเพิ่มกำลังจำนวน 10 กองร้อยได้ภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง
ขณะเดียวกันได้ประสานหน่วยเก็บกู้ระเบิดเข้าตรวจตราจุดต้องสงสัย หรือจุดเสี่ยง เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยรอบศาลฎีกาอย่างครอบคลุมต่อเนื่อง ทั้งก่อนและหลังการอ่านคำพิพากษา นอกจากนี้ได้ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือระบบเอไอเอส เป็นช่วง ๆ เพื่อป้องกันความสงบเรียบร้อยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.10 น. คณะทำงานอัยการคดียึดทรัพย์นำโดยนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายเศรษฐกิจและทรัพยากร นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และนายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือกฎหมายประชาชน ได้เดินทางโดยรถตู้มาถึงศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ปรากฏว่ายังไม่ถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่จะเปิดให้เข้าไปยังห้องพิจารณาคดี ดังนั้นทั้งหมด จึงต้องเดินทางไปพักที่สำนักงานอัยการสูงสุด และจะเดินทางกลับมาอีกครั้งในเวลา 11.00น. ซึ่งเป็นเวลาที่จะสามารถเข้าไปภายในศาลได้
ต่อมาเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณประตู 4 ทางเข้าศาลฎีกา ในฝั่งตรงข้ามศาลหลักเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดให้ประชาชน จำนวน 120 คน ที่ได้รับการอนุญาตให้เข้าฟังการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้ามาภายในศาลได้ โดยมีการตรวจสัมภาระ ตรวจค้นอาวุธ และตรวจสอบตามร่างกายอย่างละเอียดเข้มงวด เพื่อป้องกันความปลอดภัยภายในศาล ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดจู่โจม ปะ-ฉะ-ดะ ได้ขับรถ จยย.ตระเวนตรวจบริเวณโดยรอบศาลฎีกา เพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาก่อความวุ่นวายด้วย