นางสมถวิลเป็นลูกค้าธนาคารอีกหนึ่ง ที่เมื่อทราบว่าธนาคารมีปัญหาก็ติดตามข่าวสารทุกระยะ แม้เธอจะมีเงินฝากออมทรัพย์อยู่เพียง 1 ล้าน 2 แสน 3 หมื่น 5 พันบาทเศษ แต่ก็เป็นเงินออมจากการขายธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ เธอได้ข้อมูลจากสามีทุกระยะ
สามีของสมถวิลเป็นพนักงานธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ เธอได้ข้อมูลจากสามีทุกระยะ
เขาเร่งรัดให้สมถวิลถอนเงินหลายเดือนที่ผ่านมา แต่สมถวิลก็ยังไม่เชื่อว่าธนาคารจะล้มเร็วถึงเพียงนี้
“ถ้าเธอคิดว่าธนาคารไม่มั่นคง ทำไมไม่ลาออก หางานใหม่ก็ได้”
“ผมน่ะ อายุปูนนี้แล้ว จะไปทำอะไรได้ คุณเกริกเกียรติมีบุญคุณกับผมปีที่แล้วก็ให้ผมเลื่อนตำแหน่ง ก่อนหน้าก็ไม่เคยมีคนมาเอาใจใส่พี่เลย”
“ก็นั่นแหละ จะไปห่วงคุณเกริกเกียรติแกทำไม สมัยนี้ตัวเราก็ต้องรอดูไว้ก่อน คุณออกมาทำงานเองก็ได้ มาช่วยฉันทำบัญชีดูแลเรื่องเงินที่ร้านก็ได้”
“ร้านเธอยอดขายแต่ละวันเงินเข้าไม่กี่พัน ไม่จำเป็นต้องเข้มงวด แต่เธอควรถอนเงินมาฝากธนาคารใกล้บ้านจะดีกว่า สะดวกดี ไม่ก็เอาไปไว้ที่ธนาคารใกล้ๆ ร้านก็ได้นี่นา พี่กลัวว่า ธนาคารเราอยู่ได้ไม่นาน พวกที่ธนาคารพูดกันว่า เขาจะเปิดอภิปรายในสภา แบงก์จะโดนหนัก”
สมถวิลทำหูทวนลม เพราะเพื่อนๆ ที่ยังไม่ถอนเงินจากธนาคารเดียวกันก็เชื่อว่า รอไว้เดือนหน้าคงไม่เป็นไร แต่แล้วธนาคารก็โดนปิดไม่กี่วันต่อมา
สมถวิลได้รับโทรศัพท์จากสามี เธอจึงบอกว่าพรุ่งนี้ตั้งแต่เช้าเธอไปรอแบงก์เปิดประตูเมื่อไร เธอจะเข้าไปเป็นรายแรก สมถวิลไปถึงธนาคารเป็น 1 ใน 20-30 คนแรก แต่เธอได้ดีกว่าคนอื่น เพราะสามีไปด้วย
“เฮ้ย จเร” ซึ่งเป็นยามเห็นสามีเธอก็เกรงใจ
“ฝากเมียอั๊วด้วยนะ ให้เธอยืนอยู่ที่นี่ ดูแลให้เธอเข้ามาเบิกเงินก่อนคนอื่น”
สมถวิลยืนรออยู่หนึ่งชั่วโมง จนแบงก์เปิด เจ้าหน้าที่หน้าโต๊ะเบิกเงินมาแล้ว แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้อธิบายว่าต้องรอให้ทางสาขาเปิดพร้อมๆ กัน เพราะจะได้เช็กดูว่าเงินที่จะโอนเข้ามา ถ้าเหลือมีปริมาณรวมกันมากพอก็จะเบิกให้ได้ ระหว่างนั้นสมถวิลจัดการเขียนตัวเลขในใบเบิก เตรียมทุกอย่างไว้พร้อม โดยขอถอนจนหมดและปิดบัญชี
เป็นเวลานานจนสมถวิลแทบหมดกำลังใจ ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งไม่ให้ถอนเงินและให้ทางธนาคารเคลียร์บัญชีให้จบภายในระยะเวลาที่กำหนด
“นี่คุณช่วยเคลียร์บัญชีฉันก่อนเถอะ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังไม่ทำงาน คำสั่งก็โดยวาจา ยังมาไม่ถึง ไม่ใช่รึ”
“คุณเป็นภรรยาของคุณวุฒิใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“งั้นผมเคลียร์ใบถอนให้ส่วนหนึ่งก่อนแล้วกัน ผมไม่อยากติดคุกนะคุณ”
สมถวิลต้องฉีกใบเบิกเก่าทิ้ง แล้วเขียนใบใหม่
“งั้นฉันถอนล้านเดียว”
“จำนวนนี้เกินอำนาจผมครับ” เขาถามไปยังหัวหน้า
“พี่ครับถอนได้เท่าไรแน่ๆ … ล้านนึงเลยหรือ”
“ครับ ล้านเดียว พี่เซ็นกำกับได้ไม่ใช่หรือ?”
“วันนี้คงไม่ได้ คำสั่งแบงก์ชาติกำลังมานะน้อง”
“งั้นเราให้คุณได้เท่าไร”
“เอาไป 8 แสนได้ไหมล่ะ”
สมถวิลไม่ตอบ แต่ก็ใส่จำนวนลงไป เธอรับเงินสด ธนบัตรใบใหม่เอี่ยมนับครบจำนวนแล้วก็บอกว่า เดี๋ยวจะขอเบิกส่วนที่เหลือ ผู้ชายที่ยืนรอข้างหลังพูดว่า
“นี่คุณ ได้เงินแล้วไปต่อคิวด้านหลัง ผมเบิกแค่ 5 แสนเท่านั้น”
“ก็ของฉันยังเหลืออีกนะ อย่างน้อย 5 แสนเหมือนกัน” ชายคนนั้นแสดงอาการไม่พอใจ
ทั้งคนข้างหลังก็ดันเข้ามา ทำให้คิวแตก และเกิดการชุลมุนขึ้น ทำให้โกลาหลไปพักหนึ่ง รักษาความปลอดภัยต้องรับภาระจัดคิวกันใหม่ บางคนถอดใจไปอยู่ข้างนอกดื้อๆ
“นี่มันยังไง ไอ้แบงก์ชาติ มันสั่งปิดแอร์ด้วยงั้นเลยรึ?”
“เปล่าน้อง แอร์เปิดตามปกติ คนมันแยะ มันก็ร้อนแบบนี้และธรรดาก็เย็นดี” พอคิวแตก สมถวิลก็ออกจากห้อง เดินเกร่อยู่พักนึง ก็โทรศัพท์หาสามีให้ลงมารับ เมื่อพบสามี สามีก็บอกให้ตามขึ้นไปข้างบนห้องทำงานของสามีเป็นห้องขนาดใหญ่ มีพนักงานทำงานอยู่ 20 คน เป็นคนมีอายุมากแล้วจำนวนหนึ่ง ที่เหลืออีกจำนวนหนึ่งอยู่ในวัยหนุ่มสาว หน้าตาดีทุกคน
“เธอตามเด็กมาหน่อย ให้ช่วยไปเบิกเงินที่เหลือ”
“ได้” สามีเธอตอบสั้นๆ
สมถวิลซึ่งถือใบเบิกมาด้วย เขียนตัวเลขตามจำนวนหนึ่งที่เหลือให้บัตรประชาชนแนบไปด้วย สามีนำไปให้หัวหน้าเซ็นกำกับหลังแล้วก็นั่งรอ ระหว่างนั้นก็นั่งคุยกับสามีซึ่งล้อมวงคุยกับลูกน้องและพนักงานคนอื่นๆ
“ผมว่า วันนี้คุณเกริกเกียรติ น่าจะเรียกประชุมนะ”
“ท่านมาแล้วหรือ”
“มาก่อนธนาคารเปิดด้วย”
“คุณเอกชัยมาด้วยหรือเปล่า”
“เห็นว่ากำลังมานะ ป่านนี้ก็น่าจะถึงแล้ว”
สักพักก็มีคำสั่งลงมาจากชั้นบนว่า กรรมการผู้จัดการจะประชุมพนักงานเท่าที่มาวันนี้ที่ห้องประชุมใหญ่ ทุกคนในชั้นไปรวมตัวกัน เพื่อเดินไปยังห้องประชุมซึ่งอยู่คนละชั้น
“เธอไปด้วยกัน ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นคนภายนอก”
สามีบอกกับเธอ และให้เดินตามเพื่อนๆ ที่กำลังรออยู่หน้าลิฟต์
ในห้องประชุมมีพนักงานรออยู่แล้วไม่ต่ำกว่า 200 กว่าคน มีเสียงดนตรีเบาๆ เปิดอยู่ตลอดเวลารออยู่ 20 นาที โดยตลอดเวลาพนักงานทยอยเข้ามาจนเกือบเต็มห้องประชุม
เอกชัย อธิคมนันทะ เข้ามาเป็นคนแรก ตามด้วยประภาสผู้บริหารฝ่ายสองสามคน
เกริกเกียรติเข้ามาเป็นคนสุดท้าย หน้าตาเป็นปกติดี มีคนเสิร์ฟกาแฟและน้ำเย็นให้คนที่นั่งเรียงรายอยู่ข้างบน
เกริกเกียรติกวาดสายตาไปรอบห้อง เหมือนจะดูว่าทุกคนนั่งกันพร้อมแล้วหรือยัง เขาเอานิ้วเคาะไมโครโฟนนิดเดียว พอรู้ว่าเสียงดังพอก็ก้มลงหยิบเอกสารมาชิ้นหนึ่งจากแฟ้มเอกสารสีดำสนิท (อ่านต่อวันพฤหัสฯ หน้า)
สามีของสมถวิลเป็นพนักงานธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ เธอได้ข้อมูลจากสามีทุกระยะ
เขาเร่งรัดให้สมถวิลถอนเงินหลายเดือนที่ผ่านมา แต่สมถวิลก็ยังไม่เชื่อว่าธนาคารจะล้มเร็วถึงเพียงนี้
“ถ้าเธอคิดว่าธนาคารไม่มั่นคง ทำไมไม่ลาออก หางานใหม่ก็ได้”
“ผมน่ะ อายุปูนนี้แล้ว จะไปทำอะไรได้ คุณเกริกเกียรติมีบุญคุณกับผมปีที่แล้วก็ให้ผมเลื่อนตำแหน่ง ก่อนหน้าก็ไม่เคยมีคนมาเอาใจใส่พี่เลย”
“ก็นั่นแหละ จะไปห่วงคุณเกริกเกียรติแกทำไม สมัยนี้ตัวเราก็ต้องรอดูไว้ก่อน คุณออกมาทำงานเองก็ได้ มาช่วยฉันทำบัญชีดูแลเรื่องเงินที่ร้านก็ได้”
“ร้านเธอยอดขายแต่ละวันเงินเข้าไม่กี่พัน ไม่จำเป็นต้องเข้มงวด แต่เธอควรถอนเงินมาฝากธนาคารใกล้บ้านจะดีกว่า สะดวกดี ไม่ก็เอาไปไว้ที่ธนาคารใกล้ๆ ร้านก็ได้นี่นา พี่กลัวว่า ธนาคารเราอยู่ได้ไม่นาน พวกที่ธนาคารพูดกันว่า เขาจะเปิดอภิปรายในสภา แบงก์จะโดนหนัก”
สมถวิลทำหูทวนลม เพราะเพื่อนๆ ที่ยังไม่ถอนเงินจากธนาคารเดียวกันก็เชื่อว่า รอไว้เดือนหน้าคงไม่เป็นไร แต่แล้วธนาคารก็โดนปิดไม่กี่วันต่อมา
สมถวิลได้รับโทรศัพท์จากสามี เธอจึงบอกว่าพรุ่งนี้ตั้งแต่เช้าเธอไปรอแบงก์เปิดประตูเมื่อไร เธอจะเข้าไปเป็นรายแรก สมถวิลไปถึงธนาคารเป็น 1 ใน 20-30 คนแรก แต่เธอได้ดีกว่าคนอื่น เพราะสามีไปด้วย
“เฮ้ย จเร” ซึ่งเป็นยามเห็นสามีเธอก็เกรงใจ
“ฝากเมียอั๊วด้วยนะ ให้เธอยืนอยู่ที่นี่ ดูแลให้เธอเข้ามาเบิกเงินก่อนคนอื่น”
สมถวิลยืนรออยู่หนึ่งชั่วโมง จนแบงก์เปิด เจ้าหน้าที่หน้าโต๊ะเบิกเงินมาแล้ว แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้อธิบายว่าต้องรอให้ทางสาขาเปิดพร้อมๆ กัน เพราะจะได้เช็กดูว่าเงินที่จะโอนเข้ามา ถ้าเหลือมีปริมาณรวมกันมากพอก็จะเบิกให้ได้ ระหว่างนั้นสมถวิลจัดการเขียนตัวเลขในใบเบิก เตรียมทุกอย่างไว้พร้อม โดยขอถอนจนหมดและปิดบัญชี
เป็นเวลานานจนสมถวิลแทบหมดกำลังใจ ธนาคารแห่งประเทศไทยสั่งไม่ให้ถอนเงินและให้ทางธนาคารเคลียร์บัญชีให้จบภายในระยะเวลาที่กำหนด
“นี่คุณช่วยเคลียร์บัญชีฉันก่อนเถอะ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังไม่ทำงาน คำสั่งก็โดยวาจา ยังมาไม่ถึง ไม่ใช่รึ”
“คุณเป็นภรรยาของคุณวุฒิใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“งั้นผมเคลียร์ใบถอนให้ส่วนหนึ่งก่อนแล้วกัน ผมไม่อยากติดคุกนะคุณ”
สมถวิลต้องฉีกใบเบิกเก่าทิ้ง แล้วเขียนใบใหม่
“งั้นฉันถอนล้านเดียว”
“จำนวนนี้เกินอำนาจผมครับ” เขาถามไปยังหัวหน้า
“พี่ครับถอนได้เท่าไรแน่ๆ … ล้านนึงเลยหรือ”
“ครับ ล้านเดียว พี่เซ็นกำกับได้ไม่ใช่หรือ?”
“วันนี้คงไม่ได้ คำสั่งแบงก์ชาติกำลังมานะน้อง”
“งั้นเราให้คุณได้เท่าไร”
“เอาไป 8 แสนได้ไหมล่ะ”
สมถวิลไม่ตอบ แต่ก็ใส่จำนวนลงไป เธอรับเงินสด ธนบัตรใบใหม่เอี่ยมนับครบจำนวนแล้วก็บอกว่า เดี๋ยวจะขอเบิกส่วนที่เหลือ ผู้ชายที่ยืนรอข้างหลังพูดว่า
“นี่คุณ ได้เงินแล้วไปต่อคิวด้านหลัง ผมเบิกแค่ 5 แสนเท่านั้น”
“ก็ของฉันยังเหลืออีกนะ อย่างน้อย 5 แสนเหมือนกัน” ชายคนนั้นแสดงอาการไม่พอใจ
ทั้งคนข้างหลังก็ดันเข้ามา ทำให้คิวแตก และเกิดการชุลมุนขึ้น ทำให้โกลาหลไปพักหนึ่ง รักษาความปลอดภัยต้องรับภาระจัดคิวกันใหม่ บางคนถอดใจไปอยู่ข้างนอกดื้อๆ
“นี่มันยังไง ไอ้แบงก์ชาติ มันสั่งปิดแอร์ด้วยงั้นเลยรึ?”
“เปล่าน้อง แอร์เปิดตามปกติ คนมันแยะ มันก็ร้อนแบบนี้และธรรดาก็เย็นดี” พอคิวแตก สมถวิลก็ออกจากห้อง เดินเกร่อยู่พักนึง ก็โทรศัพท์หาสามีให้ลงมารับ เมื่อพบสามี สามีก็บอกให้ตามขึ้นไปข้างบนห้องทำงานของสามีเป็นห้องขนาดใหญ่ มีพนักงานทำงานอยู่ 20 คน เป็นคนมีอายุมากแล้วจำนวนหนึ่ง ที่เหลืออีกจำนวนหนึ่งอยู่ในวัยหนุ่มสาว หน้าตาดีทุกคน
“เธอตามเด็กมาหน่อย ให้ช่วยไปเบิกเงินที่เหลือ”
“ได้” สามีเธอตอบสั้นๆ
สมถวิลซึ่งถือใบเบิกมาด้วย เขียนตัวเลขตามจำนวนหนึ่งที่เหลือให้บัตรประชาชนแนบไปด้วย สามีนำไปให้หัวหน้าเซ็นกำกับหลังแล้วก็นั่งรอ ระหว่างนั้นก็นั่งคุยกับสามีซึ่งล้อมวงคุยกับลูกน้องและพนักงานคนอื่นๆ
“ผมว่า วันนี้คุณเกริกเกียรติ น่าจะเรียกประชุมนะ”
“ท่านมาแล้วหรือ”
“มาก่อนธนาคารเปิดด้วย”
“คุณเอกชัยมาด้วยหรือเปล่า”
“เห็นว่ากำลังมานะ ป่านนี้ก็น่าจะถึงแล้ว”
สักพักก็มีคำสั่งลงมาจากชั้นบนว่า กรรมการผู้จัดการจะประชุมพนักงานเท่าที่มาวันนี้ที่ห้องประชุมใหญ่ ทุกคนในชั้นไปรวมตัวกัน เพื่อเดินไปยังห้องประชุมซึ่งอยู่คนละชั้น
“เธอไปด้วยกัน ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นคนภายนอก”
สามีบอกกับเธอ และให้เดินตามเพื่อนๆ ที่กำลังรออยู่หน้าลิฟต์
ในห้องประชุมมีพนักงานรออยู่แล้วไม่ต่ำกว่า 200 กว่าคน มีเสียงดนตรีเบาๆ เปิดอยู่ตลอดเวลารออยู่ 20 นาที โดยตลอดเวลาพนักงานทยอยเข้ามาจนเกือบเต็มห้องประชุม
เอกชัย อธิคมนันทะ เข้ามาเป็นคนแรก ตามด้วยประภาสผู้บริหารฝ่ายสองสามคน
เกริกเกียรติเข้ามาเป็นคนสุดท้าย หน้าตาเป็นปกติดี มีคนเสิร์ฟกาแฟและน้ำเย็นให้คนที่นั่งเรียงรายอยู่ข้างบน
เกริกเกียรติกวาดสายตาไปรอบห้อง เหมือนจะดูว่าทุกคนนั่งกันพร้อมแล้วหรือยัง เขาเอานิ้วเคาะไมโครโฟนนิดเดียว พอรู้ว่าเสียงดังพอก็ก้มลงหยิบเอกสารมาชิ้นหนึ่งจากแฟ้มเอกสารสีดำสนิท (อ่านต่อวันพฤหัสฯ หน้า)