เสื้อแดงข้องใจรายรับ"ป๋าเปรม" ขุดเช็คปี 46-47 หารับเงินเอกชน"คณะ11" เย้ยพวก"ใหญ่แล้วรวย" ด้าน"พะจุณณ์"แจงเอกชนจ่ายเช็ก"ป๋า" เป็นเงินบริจาคให้มูลนิธิรัฐบุรุษ ทำสาธารณประโยชน์
วานนี้(14 ก.พ.)นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า ตนได้ติดตามเส้นทางการเงินของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในฐานะที่เป็นประมุขของระบอบอำมาตยาธิปไตย และพบว่า พล.อ.เปรม ในขณะดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี นั้นได้มีความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลชั้นนำในสังคม และกลุ่มทุน รวมทั้งกลุ่มธุรกิจใหญ่ในประเทศไทยมากมายหลายบริษัทหลายองค์กร และพล.อ.เปรม ยังดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาด้วย ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงเคยถามไปว่า ได้รับเงินเดือนจากตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่แต่ก็ไร้คำตอบ ดังนั้นวันนี้ตนจึงนำหลักฐานมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน เพราะประชาชนต้องการคำอธิบายจากพล.อ.เปรม ว่า เงินดังกล่าวนั้นเป็นค่าอะไร และเหมาะสมหรือบังควรหรือไม่ต่อสถานะที่ พล.อ.เปรม ดำรงอยู่ในปัจจุบัน
**โชว์เช็ค 2 ใบ "คณะ 11"ให้"ป๋าเปรม"
"พล.อ.เปรม คบหาผู้คนมากมาย ซึ่ง 1 ในนั้นคือกลุ่มทุนที่ใช้นามว่า "คณะ11" ประกอบด้วยบุคคลเช่น ม.ล.ตรีทศยุทธ เทวกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เทวา สตูดิโอ จำกัด, นายชาตรี โสภณพนิช ธนาคารกรุงเทพ, ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เครือดุสิตธานี และนางกัลยาณี พรรณเชษฐ์ ประธานบริษัทเอ็มเอ็มซี สิทธิผล ซึ่งจากความสัมพันธ์ตรงนี้ ผมได้สืบสาวลงไปจนพบข้อมูลว่า นางกัลยาณี ซึ่งปัจจุบันได้มอบบทบาทให้กับทายาทดำเนินการในองค์กรแทนไปแล้วนั้น นางกัลยาณี ได้จ่ายเช็คของธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวหมากให้กับ พล.อ.เปรม ซึ่งไม่ทราบว่ามีการจ่ายแบบนี้มานานหรือยัง รวมทั้งต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้หรือไม่ ซึ่งเช็คทั้ง 2 ใบนั้น สั่งจ่ายระบุชื่อพล.อ.เปรม ใบละ 1.8 ล้านบาท โดยใบแรกคือ เช็คเลขที่ 3745366 ลงวันที่ 8 ธ.ค.46 และใบที่ 2 คือเช็คเลขที่ 3748879 ลงวันที่ 5 มี.ค.47 ซึ่งทั้ง 2 ใบ ถูกสั่งจ่ายจากบัญชีของนางกัลยาณี เลขที่ 1803028669" นายณัฐวุฒิกล่าว
**สงสัยเสียภาษีหรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.เปรม มักจะเป็นประธานที่ปรึกษาขององค์กร คณะ 11 ซึ่งจากพื้นฐานนี้เข้าใจว่า พล.อ.เปรม ก็น่าจะเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเอ็มเอ็มซี สิทธิผลด้วย ดังนั้น จึงมีคำถามว่า เงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนในฐานะที่ปรึกษาขององค์กรใช่หรือไม่ และถ้าใช่ ก็ต้องถามว่า การสั่งจ่ายเช็คเหล่านี้จ่ายมาตั้งแต่เมื่อไร และจ่ายให้จนถึงเมื่อไร เพราะมั่นใจว่าไม่ได้มีแค่ 2 ใบ รวมทั้งน่าจะมีจนถึงวันนี้ด้วยหรือไม่ เพราะหากเป็นรายรับของพล.อ.เปรม ในฐานะที่ปรึกษาของบริษัทแล้วมีการดำเนินการทางภาษีอย่างไร สั่งจ่ายภาษีตามกฎหมายในฐานะผู้มีเงินได้หรือไม่ อย่างไร และถ้าไม่ใช่ค่าที่ปรึกษาก็ต้องถามว่าเป็นค่าอะไร ซึ่งในฐานะประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้นไปรับเงินจากบริษัทเอกชนที่มีเป้าหมายแสวงหากำไรได้หรือไม่ เหมาะสม และบังควรหรือไม่ อย่างไร
**โยงเจตนาเลี่ยงแจ้งปปง.
"มีข้อสังเกตว่า เมื่อพิจารณาจากยอดเงินของเช็คทั้ง 2 ใบนั้น เหมือนกับกรณีของยอดเงินที่นายประจวบ สังข์ขาว เคยถอนเงินแล้วหิ้วไปให้ผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งละ 1.8 ล้าน 1.9 ล้านบาท ที่นายประจวบ จงใจหลีกเลี่ยงการถอนเงินเกิน 2 ล้านบาท ที่ต้องแจ้งต่อปปง. ดังนั้นการที่นางกัลยาณีจ่ายเช็คจำนวน 1.8 ล้านบาทนั้น เป็นเหตุผลเดียวกันด้วยหรือไม่ และถ้าใช่ ก็แสดงว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ปิดบัง อำพรางใช่หรือไม่" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.เปรม สร้างภาพสมถะมาตลอด พักอาศัยในบ้านหลวง ค่าน้ำ ค่าไฟไม่ต้องจ่าย ชีวิตสุขสบาย มีค่าตอบแทนจากการเป็นประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ตามที่กฎหมายกำหนดแล้วยังต้องการเงินไปทำอะไรอีก ไม่เพียงพอตามที่เคยประกาศยึดแนวทางพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรืออย่างไร วรรคทอง ที่ พล.อ.เปรมระบุตลอดก็คือ เกิดมาต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดินนั้น ประเมินตัว พล.อ.เปรมได้ว่า มีความยึดมั่นกตัญญู ตอบแทนผู้มีบุญคุณ ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า เมื่อนางกัลยาณี มอบเงินจำนวนมหาศาลนี้ให้ ถือว่ามีบุญคุณต่อกัน แล้วมีแนวทางที่จะทดแทนบุญคุณนี้อย่างไร
**จี้อธิบายให้สังคมเข้าใจ
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ขอถามถึงองคมนตรีทั้งหลายว่า ถึงวันนี้ยังไม่คิดจะแสดงท่าที หรืออธิบายความอันนำมาซึ่งความเข้าใจของคนไทยทั้งประเทศอีกหรือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ครอบครองที่ดินป่าสงวนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัจจุบันกรมป่าไม้ยึดที่ดินคืนไปแล้ว และ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ที่สร้างบ้านรุกล้ำบึงน้ำสาธารณะ ของหมู่บ้านปัฐวิกรณ์ 2 นั้น คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือเชิญให้มาชี้แจง พล.อ.พิจิตรก็ได้ทำหนังสือมาชี้แจงว่า เพื่อป้องกันคนภายนอกมาตกปลา เหตุผลนี้ออกมาจากคนที่เป็นองคมนตรีได้อย่างไร รวมทั้ง พล.อ.เปรมที่มีหลักฐานว่า ได้รับเงินจากกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่นั้น ขอถามองคมนตรีทั้งหลายว่า จะไม่พิจารณาเรื่องนี้ และแสดงหลักคิดหรือแนะนำความคิดต่อสังคมในเรื่องเหล่านี้บ้างหรือ
**เย้ยพวก“ใหญ่แล้วรวย”
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลสนใจที่จะให้หน่วยงานใดมาตรวจสอบ ก็หยุดสร้างเรื่องเท็จเพื่อทำลายกลุ่มคนเสื้อแดง แล้วเอาความจริงมาสู้กัน หรือว่ารัฐบาลไม่สนใจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ สังคมถามมาตลอดว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไปเอาเงินมาจากไหน แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกสู้แล้วรวย คนเสื้อแดงถูกหาว่าเป็นม็อบรับจ้าง ดังนั้นวันนี้ประชาชนธรรมดาอย่างพวกตนจะพูดว่า "ใหญ่แล้วรวย" บ้างจะว่าอย่างไร และ เรื่องนี้หวังว่าจะไม่เงียบหายลับไปกับสายลม เพราะสังคมต้องได้รับคำชี้แจงที่พอรับฟังได้ โดยเฉพาะจากพล.อ.เปรม
**"พะจุณณ์"แจงเงินบริจาคเข้าสาธารณประโยชน์
พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำหลักฐานเป็นเช็ก 2 ใบ จำนวน 3.6 ล้านบาท โดยระบุว่า เป็นเงินที่ภาคเอกชนโอนให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าตอบแทนที่ปรึกษานั้น ตนยืนยันว่า ตั้งแต่ติดตาม พล.อ.เปรม จนถึงปัจจุบันไม่มีเรื่องดังกล่าว แต่อาจจะเป็นเงินบริจาคให้กับมูลนิธิรัฐบุรุษ และนำไปใช้สำหรับสาธารณประโยชน์เท่านั้น
วานนี้(14 ก.พ.)นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า ตนได้ติดตามเส้นทางการเงินของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในฐานะที่เป็นประมุขของระบอบอำมาตยาธิปไตย และพบว่า พล.อ.เปรม ในขณะดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี นั้นได้มีความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลชั้นนำในสังคม และกลุ่มทุน รวมทั้งกลุ่มธุรกิจใหญ่ในประเทศไทยมากมายหลายบริษัทหลายองค์กร และพล.อ.เปรม ยังดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาด้วย ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงเคยถามไปว่า ได้รับเงินเดือนจากตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่แต่ก็ไร้คำตอบ ดังนั้นวันนี้ตนจึงนำหลักฐานมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน เพราะประชาชนต้องการคำอธิบายจากพล.อ.เปรม ว่า เงินดังกล่าวนั้นเป็นค่าอะไร และเหมาะสมหรือบังควรหรือไม่ต่อสถานะที่ พล.อ.เปรม ดำรงอยู่ในปัจจุบัน
**โชว์เช็ค 2 ใบ "คณะ 11"ให้"ป๋าเปรม"
"พล.อ.เปรม คบหาผู้คนมากมาย ซึ่ง 1 ในนั้นคือกลุ่มทุนที่ใช้นามว่า "คณะ11" ประกอบด้วยบุคคลเช่น ม.ล.ตรีทศยุทธ เทวกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เทวา สตูดิโอ จำกัด, นายชาตรี โสภณพนิช ธนาคารกรุงเทพ, ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เครือดุสิตธานี และนางกัลยาณี พรรณเชษฐ์ ประธานบริษัทเอ็มเอ็มซี สิทธิผล ซึ่งจากความสัมพันธ์ตรงนี้ ผมได้สืบสาวลงไปจนพบข้อมูลว่า นางกัลยาณี ซึ่งปัจจุบันได้มอบบทบาทให้กับทายาทดำเนินการในองค์กรแทนไปแล้วนั้น นางกัลยาณี ได้จ่ายเช็คของธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวหมากให้กับ พล.อ.เปรม ซึ่งไม่ทราบว่ามีการจ่ายแบบนี้มานานหรือยัง รวมทั้งต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้หรือไม่ ซึ่งเช็คทั้ง 2 ใบนั้น สั่งจ่ายระบุชื่อพล.อ.เปรม ใบละ 1.8 ล้านบาท โดยใบแรกคือ เช็คเลขที่ 3745366 ลงวันที่ 8 ธ.ค.46 และใบที่ 2 คือเช็คเลขที่ 3748879 ลงวันที่ 5 มี.ค.47 ซึ่งทั้ง 2 ใบ ถูกสั่งจ่ายจากบัญชีของนางกัลยาณี เลขที่ 1803028669" นายณัฐวุฒิกล่าว
**สงสัยเสียภาษีหรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.เปรม มักจะเป็นประธานที่ปรึกษาขององค์กร คณะ 11 ซึ่งจากพื้นฐานนี้เข้าใจว่า พล.อ.เปรม ก็น่าจะเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเอ็มเอ็มซี สิทธิผลด้วย ดังนั้น จึงมีคำถามว่า เงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนในฐานะที่ปรึกษาขององค์กรใช่หรือไม่ และถ้าใช่ ก็ต้องถามว่า การสั่งจ่ายเช็คเหล่านี้จ่ายมาตั้งแต่เมื่อไร และจ่ายให้จนถึงเมื่อไร เพราะมั่นใจว่าไม่ได้มีแค่ 2 ใบ รวมทั้งน่าจะมีจนถึงวันนี้ด้วยหรือไม่ เพราะหากเป็นรายรับของพล.อ.เปรม ในฐานะที่ปรึกษาของบริษัทแล้วมีการดำเนินการทางภาษีอย่างไร สั่งจ่ายภาษีตามกฎหมายในฐานะผู้มีเงินได้หรือไม่ อย่างไร และถ้าไม่ใช่ค่าที่ปรึกษาก็ต้องถามว่าเป็นค่าอะไร ซึ่งในฐานะประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้นไปรับเงินจากบริษัทเอกชนที่มีเป้าหมายแสวงหากำไรได้หรือไม่ เหมาะสม และบังควรหรือไม่ อย่างไร
**โยงเจตนาเลี่ยงแจ้งปปง.
"มีข้อสังเกตว่า เมื่อพิจารณาจากยอดเงินของเช็คทั้ง 2 ใบนั้น เหมือนกับกรณีของยอดเงินที่นายประจวบ สังข์ขาว เคยถอนเงินแล้วหิ้วไปให้ผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งละ 1.8 ล้าน 1.9 ล้านบาท ที่นายประจวบ จงใจหลีกเลี่ยงการถอนเงินเกิน 2 ล้านบาท ที่ต้องแจ้งต่อปปง. ดังนั้นการที่นางกัลยาณีจ่ายเช็คจำนวน 1.8 ล้านบาทนั้น เป็นเหตุผลเดียวกันด้วยหรือไม่ และถ้าใช่ ก็แสดงว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ปิดบัง อำพรางใช่หรือไม่" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.เปรม สร้างภาพสมถะมาตลอด พักอาศัยในบ้านหลวง ค่าน้ำ ค่าไฟไม่ต้องจ่าย ชีวิตสุขสบาย มีค่าตอบแทนจากการเป็นประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ตามที่กฎหมายกำหนดแล้วยังต้องการเงินไปทำอะไรอีก ไม่เพียงพอตามที่เคยประกาศยึดแนวทางพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรืออย่างไร วรรคทอง ที่ พล.อ.เปรมระบุตลอดก็คือ เกิดมาต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดินนั้น ประเมินตัว พล.อ.เปรมได้ว่า มีความยึดมั่นกตัญญู ตอบแทนผู้มีบุญคุณ ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า เมื่อนางกัลยาณี มอบเงินจำนวนมหาศาลนี้ให้ ถือว่ามีบุญคุณต่อกัน แล้วมีแนวทางที่จะทดแทนบุญคุณนี้อย่างไร
**จี้อธิบายให้สังคมเข้าใจ
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ขอถามถึงองคมนตรีทั้งหลายว่า ถึงวันนี้ยังไม่คิดจะแสดงท่าที หรืออธิบายความอันนำมาซึ่งความเข้าใจของคนไทยทั้งประเทศอีกหรือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ครอบครองที่ดินป่าสงวนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัจจุบันกรมป่าไม้ยึดที่ดินคืนไปแล้ว และ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ที่สร้างบ้านรุกล้ำบึงน้ำสาธารณะ ของหมู่บ้านปัฐวิกรณ์ 2 นั้น คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือเชิญให้มาชี้แจง พล.อ.พิจิตรก็ได้ทำหนังสือมาชี้แจงว่า เพื่อป้องกันคนภายนอกมาตกปลา เหตุผลนี้ออกมาจากคนที่เป็นองคมนตรีได้อย่างไร รวมทั้ง พล.อ.เปรมที่มีหลักฐานว่า ได้รับเงินจากกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่นั้น ขอถามองคมนตรีทั้งหลายว่า จะไม่พิจารณาเรื่องนี้ และแสดงหลักคิดหรือแนะนำความคิดต่อสังคมในเรื่องเหล่านี้บ้างหรือ
**เย้ยพวก“ใหญ่แล้วรวย”
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลสนใจที่จะให้หน่วยงานใดมาตรวจสอบ ก็หยุดสร้างเรื่องเท็จเพื่อทำลายกลุ่มคนเสื้อแดง แล้วเอาความจริงมาสู้กัน หรือว่ารัฐบาลไม่สนใจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ สังคมถามมาตลอดว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไปเอาเงินมาจากไหน แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกสู้แล้วรวย คนเสื้อแดงถูกหาว่าเป็นม็อบรับจ้าง ดังนั้นวันนี้ประชาชนธรรมดาอย่างพวกตนจะพูดว่า "ใหญ่แล้วรวย" บ้างจะว่าอย่างไร และ เรื่องนี้หวังว่าจะไม่เงียบหายลับไปกับสายลม เพราะสังคมต้องได้รับคำชี้แจงที่พอรับฟังได้ โดยเฉพาะจากพล.อ.เปรม
**"พะจุณณ์"แจงเงินบริจาคเข้าสาธารณประโยชน์
พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงนำหลักฐานเป็นเช็ก 2 ใบ จำนวน 3.6 ล้านบาท โดยระบุว่า เป็นเงินที่ภาคเอกชนโอนให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าตอบแทนที่ปรึกษานั้น ตนยืนยันว่า ตั้งแต่ติดตาม พล.อ.เปรม จนถึงปัจจุบันไม่มีเรื่องดังกล่าว แต่อาจจะเป็นเงินบริจาคให้กับมูลนิธิรัฐบุรุษ และนำไปใช้สำหรับสาธารณประโยชน์เท่านั้น