ASTVผู้จัดการรายวัน - สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเร่งพัฒนาระบบไอที รุกบริการอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้งแทนการเปิดสาขา เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารุนใหม่ หวังเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าจากสาขามาเป็นแบบออนไลน์มากขึ้น เชื่อช่วยลดต้นทุนการเปิดสาขาได้มาก
นายแอชลีย์ วีซีย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสารสนเทศและปฏิบัติการ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SCBT) เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้ ธนาคารจะพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับช่องการบริการทางการเงิน (ช่องทางการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้ง) ของธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น อินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง โมบายแบงก์กิ้ง เป็นต้น เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้บริการทางการเงินของลูกค้าจากเดิมที่นิยมทำธุรกรรมผ่านสาขาธนาคาร ให้เป็นการใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้งมากขึ้นซึ่งจะตรงกับฐานลูกค้าของธนาคารที่เป็นกลุ่มคนระดับกลางถึงบน
นอกจากนี้ แผนการดำเนินธุรกิจในช่องทางการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยให้ธนาคารสามารถประหยัดต้นทุนในการเปิดสาขาใหม่ เพื่อรองรับการใช้บริการของลูกค้าไปได้มากพอสมควร ซึ่งธนาคารจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านต่างๆออกมาแล้วลูกค้าสามารถเข้าไปดูและตรวจสอบในเว็บไซต์ของธนาคารได้ โดยจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งการโอนเงิน ถอนเงิน และการซื้อกองทุนแบบออนไลน์
"ผมมองว่าโอกาสที่ช่องทางการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้ง ในอนาคตสามารถเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากโลกในปัจจุบันมีความก้าวหน้าและทันสมัยมากขึ้น จึงทำให้ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกพยายามที่จะพัฒนาระบบการให้บริการทางการเงินที่คิดว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงความรวดเร็วในการรับบริการที่จากเดิมต้องไปทำธุรกรรมตามสาขาเท่านั้น แต่ในระยะต่อไปลูกค้าจะต้องหันมาใช้บริการผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น"นายแอชลีย์ กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม การที่ระบบเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถพัฒนาไปได้มากแค่ไหนและก้าวทันต่อประเทศอื่นหรือไม่นั้น จะต้องมีความร่วมมือจากรัฐบาลในการช่วยผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันในทุกภาคส่วนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อม โดยเฉพาะระบบ 3G ที่จะช่วยให้มีความรวดเร็วในการใช้บริการผ่านโมบายแบงก์กิ้งมากขึ้น รัฐบาลจะต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีจากการใช้บริการช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็นอุปสรรคที่รัฐบาลจะต้องหาทางแก้ไขต่อไป
"สัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารในช่วงที่ผ่านมา 18 เดือน มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ธนาคารวางไว้ว่ายอดการใช้บริการดังกล่าวจะเติบโต 5% แต่ผลปรากฎว่ายอดการใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ตจะเติบโตประมาณ 15% และอีก 10% เป็นการเติบโตจากการใช้บริการผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากตัวเลขดังกล่าวแล้วก็เชื่อว่าในอนาคตยอดการใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ของธนาคารจะเติบโตได้อีกมากผ่านสาขาธนาคารที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 70 สาขา" นายแอชลีย์ กล่าว
นอกจากนี้ ในปีนี้ธนาคารยังมีแผนที่จะเปิดการให้บริการโมบายแวนเคลื่อนที่ให้ครบ 4 คัน โดยเน้นให้บริการกับบริษัทที่จ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานหรือลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆแถบหัวเมืองใหญ่ เช่นจังหวัดชลบุรี ระยอง เป็นต้น ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวแทนการเปิดสาขา ซึ่งจะเป็นลักษณะการให้บริการเทียบเท่ากับสาขาธนาคารอย่างเต็มรูปแบบ ที่จะมีพนักงานคอยให้คำปรึกษาด้านต่างๆ รวมถึงเรื่องของการลงทุน จากที่ในปี 2551 ธนาคารได้ทดลองเปิดให้บริการโมบายแวนเคลื่อนที่แก่ลูกค้าดังกล่าวไป 1 คัน ปรากฎว่าประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จนกระทั่งเดือนธันวาคมปี 2552 ธนาคารได้เปิดอีก 2 คัน และคาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 1 คันในเดือนมกราคมนี้.
นายแอชลีย์ วีซีย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสารสนเทศและปฏิบัติการ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SCBT) เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้ ธนาคารจะพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับช่องการบริการทางการเงิน (ช่องทางการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้ง) ของธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น อินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง โมบายแบงก์กิ้ง เป็นต้น เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้บริการทางการเงินของลูกค้าจากเดิมที่นิยมทำธุรกรรมผ่านสาขาธนาคาร ให้เป็นการใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้งมากขึ้นซึ่งจะตรงกับฐานลูกค้าของธนาคารที่เป็นกลุ่มคนระดับกลางถึงบน
นอกจากนี้ แผนการดำเนินธุรกิจในช่องทางการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยให้ธนาคารสามารถประหยัดต้นทุนในการเปิดสาขาใหม่ เพื่อรองรับการใช้บริการของลูกค้าไปได้มากพอสมควร ซึ่งธนาคารจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านต่างๆออกมาแล้วลูกค้าสามารถเข้าไปดูและตรวจสอบในเว็บไซต์ของธนาคารได้ โดยจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งการโอนเงิน ถอนเงิน และการซื้อกองทุนแบบออนไลน์
"ผมมองว่าโอกาสที่ช่องทางการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้ง ในอนาคตสามารถเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากโลกในปัจจุบันมีความก้าวหน้าและทันสมัยมากขึ้น จึงทำให้ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกพยายามที่จะพัฒนาระบบการให้บริการทางการเงินที่คิดว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงความรวดเร็วในการรับบริการที่จากเดิมต้องไปทำธุรกรรมตามสาขาเท่านั้น แต่ในระยะต่อไปลูกค้าจะต้องหันมาใช้บริการผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น"นายแอชลีย์ กล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม การที่ระบบเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถพัฒนาไปได้มากแค่ไหนและก้าวทันต่อประเทศอื่นหรือไม่นั้น จะต้องมีความร่วมมือจากรัฐบาลในการช่วยผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันในทุกภาคส่วนในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อม โดยเฉพาะระบบ 3G ที่จะช่วยให้มีความรวดเร็วในการใช้บริการผ่านโมบายแบงก์กิ้งมากขึ้น รัฐบาลจะต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีจากการใช้บริการช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็นอุปสรรคที่รัฐบาลจะต้องหาทางแก้ไขต่อไป
"สัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารในช่วงที่ผ่านมา 18 เดือน มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ธนาคารวางไว้ว่ายอดการใช้บริการดังกล่าวจะเติบโต 5% แต่ผลปรากฎว่ายอดการใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ตจะเติบโตประมาณ 15% และอีก 10% เป็นการเติบโตจากการใช้บริการผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากตัวเลขดังกล่าวแล้วก็เชื่อว่าในอนาคตยอดการใช้บริการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ของธนาคารจะเติบโตได้อีกมากผ่านสาขาธนาคารที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 70 สาขา" นายแอชลีย์ กล่าว
นอกจากนี้ ในปีนี้ธนาคารยังมีแผนที่จะเปิดการให้บริการโมบายแวนเคลื่อนที่ให้ครบ 4 คัน โดยเน้นให้บริการกับบริษัทที่จ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานหรือลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆแถบหัวเมืองใหญ่ เช่นจังหวัดชลบุรี ระยอง เป็นต้น ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวแทนการเปิดสาขา ซึ่งจะเป็นลักษณะการให้บริการเทียบเท่ากับสาขาธนาคารอย่างเต็มรูปแบบ ที่จะมีพนักงานคอยให้คำปรึกษาด้านต่างๆ รวมถึงเรื่องของการลงทุน จากที่ในปี 2551 ธนาคารได้ทดลองเปิดให้บริการโมบายแวนเคลื่อนที่แก่ลูกค้าดังกล่าวไป 1 คัน ปรากฎว่าประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จนกระทั่งเดือนธันวาคมปี 2552 ธนาคารได้เปิดอีก 2 คัน และคาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 1 คันในเดือนมกราคมนี้.
