ASTVผู้จัดการรายวัน - ผลการสอบโครงการฉาวอีลิทอืด ถึงวันนี้ยังไม่มีโครงการใดเสร็จสมบูรณ์ ล่าสุด มติบอร์ดตั้ง “อุดม” เป็นหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีการฟ้องร้องจากหนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทูเดย์ แต่ก็ยังไม่มีคำสั่งตั้งอย่างเป็นทางการ ขณะที่เจ้าตัวเผย ถ้าได้รับหนังสือแต่งตั้ง ก็พร้อมทำงานทันที่ เพราะมีข้อมูลพร้อม ขู่งานนี้เตรียมฟ้องกลับแน่เพราะทีพีซีไม่ผิด
นายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ ที่ปรึกษาระดับ 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ในฐานะ กรรมการในคณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ดจำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท เปิดเผยว่า จากมติบอร์ดทีพีซี ที่แต่งตั้งให้ตนเองเป็นหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีบริษัทยูไนเต็ดเวิลด์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายแก่ทีพีซี เรื่องการลงบทความในหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วยังไม่ได้จ่ายเงินนั้น ล่าสุด ยังไม่มีหนังสือคำสั่งแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากนายธงชัย ศรีดามา ประธานบอร์ดทีพีซี ทำให้ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ทั้งสิ้น ซึ่งหากนับแต่วันที่บอร์ดมีมติก็เกือบ 1 เดือนแล้ว
จากความล่าช้าดังกล่าว ได้ส่งผลให้พนักงานทีพีซีในฝ่ายการตลาด ที่เข้าโครงการเออรี่รีไทร์ในรอบล่าสุดต้องได้รับผลกระทบ เพราะบริษัทไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้ได้เนื่องจากต้องรอให้ผลการตรวจสอบแล้วเสร็จก่อน ซึ่งประกอบด้วยนายณัฐพล เดชวิทักษ์ อดีตรองผู้จัดการใหญ่สายงานการจัดจำน่ายและการตลาด รวมถึงพนักงานในแผนกอีก 2 คน
อย่างไรก็ตามความล่าช้าที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะรักษาการผู้จัดการใหญ่ คือ น.ส.เมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ ติดภาระกิจงานที่ต้องสะสางให้กับบริษัททีพีซีจำนวนมาก จึงยังไม่ได้ทำหนังสือแต่งตั้งเสนอไปยังประธานบอร์ด คาดว่าเร็วๆนี้คงจะมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
นายอุดม กล่าวว่า จากข้อมูลเบื้องต้น กรณีเงินค่าโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทูเดย์ วงเงิน 1.8 ล้านบาท นั้น มองว่าไม่ใช่ความผิดของทีพีซี และทีพีซีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงมีความเป็นไปได้ว่าเมื่อตรวจสอบได้หลักฐานแน่นหนาแล้ว ทีพีซีจะเป็นฝ่ายฟ้องกลับไปยังหนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทุเดย์ ด้วย เพราะ ทีพีซีไม่ได้ทำสัญญากับหนังสือพิมพ์ แต่เป็นการพูดด้วยวาจากับ บริษัทยูไนเต็ด ซึ่งเป็นตัวแทนขายโฆษณา(เอเจ้นท์)ให้แก่หนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทูเดย์ โดยตอนหลังได้มีการทำหนังสือขอยกเลิกส่งไปยัง บริษัท ยูไนเต็ดไปแล้ว ปฎิเสธ โดยอ้างว่า เป็นการบอกภายหลังผ่าน 15 วันไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถบอกยกเลิกได้ แต่หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ก็ทำงานผิดพลาดและล่าช้ากว่ากำหนดด้วย
กล่าวคือ ทีพีซีต้องการให้ลงโฆษณาในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 โดยเอเย่นต์ผู้รับงานนี้ไปได้ทำสัญญากับบริษัทดังกล่าวไว้ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2551 แต่ในทางปฎิบัติ หนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทูเดย์ กลับลงโฆษณาให้ในวันที่ 15 ตุลาคม 2552 ซึ่งไม่ตรงกับวันที่ทีพีซีต้องการ และเนื้อหาที่ลงยังไม่อัพเดท เพราะเป็นการลงบทสัมภาษณ์นายสรจักรซึ่งในวันที่ลงตีพิมพ์นั้นได้ลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดทีพีซีไปนานแล้ว
หากมีหนังสือแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ตนก็จะเดินหน้าตั้งกรรมการเข้ามาร่วมทำงาน ประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายบุคคล ผู้แทนททท. เป็นต้น โดยจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาภายใต้กรอบของกฎหมายที่ถูกต้อง ก่อนทำการฟ้องกลับ คาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน เพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว และที่สำคัญ คดีนี้ เป็นสัญญาที่พูดกันแบบปากเปล่ากับบริษัทเอเย่นต์ หนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ จึงไม่สามารถฟ้องทีพีซีได้
รายงานข่าวแจ้งว่าจากความผิดพลาดของการบริหารงานในช่วงที่ผ่านๆมาของบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ทำให้ นายชุมพล สิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ได้สั่งการให้คณะผู้บริหารในชุดปัจจุบัน ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการทำงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาทั้งหมด เพื่อเช็คว่ามีโครงการใดส่อในทางทุจริตบ้าง เพื่อจะได้ดำเนินการกับผู้กระทำผิด
ไม่วาจะเป็นโครงการการติดตั้งระบบไอที รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท สัญญาเช่าป้ายโฆษณาที่สนามบินสุวรรณภูมิ โครงการเข้าทำสัญญากับสนามพัฒนา กอล์ฟ จ.ชลบุรี รวมถึงลงโฆษณากับหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเกือบทุกโครงการการตรวจสอบก็ยังไม่สำเร็จสมบูรณ์100% เสียที ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่มีผลความคืบหน้า โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อระบบไอที ซึ่งมีนายสรรเสริญ นาควงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเป็นประธาน ก็ยังไม่มีผลความคืบหน้าใดๆมารายงานแก่บอร์ดทีพีซี
นายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ ที่ปรึกษาระดับ 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ในฐานะ กรรมการในคณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ดจำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท เปิดเผยว่า จากมติบอร์ดทีพีซี ที่แต่งตั้งให้ตนเองเป็นหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีบริษัทยูไนเต็ดเวิลด์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายแก่ทีพีซี เรื่องการลงบทความในหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วยังไม่ได้จ่ายเงินนั้น ล่าสุด ยังไม่มีหนังสือคำสั่งแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากนายธงชัย ศรีดามา ประธานบอร์ดทีพีซี ทำให้ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ทั้งสิ้น ซึ่งหากนับแต่วันที่บอร์ดมีมติก็เกือบ 1 เดือนแล้ว
จากความล่าช้าดังกล่าว ได้ส่งผลให้พนักงานทีพีซีในฝ่ายการตลาด ที่เข้าโครงการเออรี่รีไทร์ในรอบล่าสุดต้องได้รับผลกระทบ เพราะบริษัทไม่สามารถจ่ายเงินชดเชยให้ได้เนื่องจากต้องรอให้ผลการตรวจสอบแล้วเสร็จก่อน ซึ่งประกอบด้วยนายณัฐพล เดชวิทักษ์ อดีตรองผู้จัดการใหญ่สายงานการจัดจำน่ายและการตลาด รวมถึงพนักงานในแผนกอีก 2 คน
อย่างไรก็ตามความล่าช้าที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะรักษาการผู้จัดการใหญ่ คือ น.ส.เมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ ติดภาระกิจงานที่ต้องสะสางให้กับบริษัททีพีซีจำนวนมาก จึงยังไม่ได้ทำหนังสือแต่งตั้งเสนอไปยังประธานบอร์ด คาดว่าเร็วๆนี้คงจะมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
นายอุดม กล่าวว่า จากข้อมูลเบื้องต้น กรณีเงินค่าโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทูเดย์ วงเงิน 1.8 ล้านบาท นั้น มองว่าไม่ใช่ความผิดของทีพีซี และทีพีซีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงมีความเป็นไปได้ว่าเมื่อตรวจสอบได้หลักฐานแน่นหนาแล้ว ทีพีซีจะเป็นฝ่ายฟ้องกลับไปยังหนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทุเดย์ ด้วย เพราะ ทีพีซีไม่ได้ทำสัญญากับหนังสือพิมพ์ แต่เป็นการพูดด้วยวาจากับ บริษัทยูไนเต็ด ซึ่งเป็นตัวแทนขายโฆษณา(เอเจ้นท์)ให้แก่หนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทูเดย์ โดยตอนหลังได้มีการทำหนังสือขอยกเลิกส่งไปยัง บริษัท ยูไนเต็ดไปแล้ว ปฎิเสธ โดยอ้างว่า เป็นการบอกภายหลังผ่าน 15 วันไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถบอกยกเลิกได้ แต่หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ก็ทำงานผิดพลาดและล่าช้ากว่ากำหนดด้วย
กล่าวคือ ทีพีซีต้องการให้ลงโฆษณาในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 โดยเอเย่นต์ผู้รับงานนี้ไปได้ทำสัญญากับบริษัทดังกล่าวไว้ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2551 แต่ในทางปฎิบัติ หนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทูเดย์ กลับลงโฆษณาให้ในวันที่ 15 ตุลาคม 2552 ซึ่งไม่ตรงกับวันที่ทีพีซีต้องการ และเนื้อหาที่ลงยังไม่อัพเดท เพราะเป็นการลงบทสัมภาษณ์นายสรจักรซึ่งในวันที่ลงตีพิมพ์นั้นได้ลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดทีพีซีไปนานแล้ว
หากมีหนังสือแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ตนก็จะเดินหน้าตั้งกรรมการเข้ามาร่วมทำงาน ประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายบุคคล ผู้แทนททท. เป็นต้น โดยจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาภายใต้กรอบของกฎหมายที่ถูกต้อง ก่อนทำการฟ้องกลับ คาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน เพราะมีข้อมูลอยู่แล้ว และที่สำคัญ คดีนี้ เป็นสัญญาที่พูดกันแบบปากเปล่ากับบริษัทเอเย่นต์ หนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ จึงไม่สามารถฟ้องทีพีซีได้
รายงานข่าวแจ้งว่าจากความผิดพลาดของการบริหารงานในช่วงที่ผ่านๆมาของบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ทำให้ นายชุมพล สิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ได้สั่งการให้คณะผู้บริหารในชุดปัจจุบัน ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการทำงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาทั้งหมด เพื่อเช็คว่ามีโครงการใดส่อในทางทุจริตบ้าง เพื่อจะได้ดำเนินการกับผู้กระทำผิด
ไม่วาจะเป็นโครงการการติดตั้งระบบไอที รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท สัญญาเช่าป้ายโฆษณาที่สนามบินสุวรรณภูมิ โครงการเข้าทำสัญญากับสนามพัฒนา กอล์ฟ จ.ชลบุรี รวมถึงลงโฆษณากับหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเกือบทุกโครงการการตรวจสอบก็ยังไม่สำเร็จสมบูรณ์100% เสียที ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่มีผลความคืบหน้า โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อระบบไอที ซึ่งมีนายสรรเสริญ นาควงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเป็นประธาน ก็ยังไม่มีผลความคืบหน้าใดๆมารายงานแก่บอร์ดทีพีซี
