ธปท.เปิดแผนฉุกเฉินรับมือแดงถ่อย สั่งแบงก์อัดเงินสาขา-ตู้เอทีเอ็ม

"ธปท."สั่งแบงก์เตรียมพร้อมสำรองเงินสดเพิ่ม เร่งกระจายพันธบัตรไปยังสาขา-ตู้เอทีเอ็ม ทั้งก่อนและหลังวันศาลชี้ขาดยึดทรัพย์ทักษิณ 26 ก.พ.นี้ เพื่อรับมือหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ต้องปิดทำการ และยังเป็นวันหยุดต่อเนื่อง 3 วัน

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ และได้สั่งการไปยังศูนย์จัดการธนบัตรทั่วประเทศ ให้เตรียมพร้อมในการบริหารจัดการธนบัตรทั้งในช่วงก่อน และหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 นี้ ซึ่งเป็นวันที่ศาลตัดสินคดียึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยให้สำรองเงินสดเป็นระยะเวลา 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 นี้ และวางแนวทางในการกระจายธนบัตรไปยังสาขาธนาคารพาณิชย์ และตู้เบิกถอนเงินอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) ทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้มีเงินสดพร้อมเบิกจ่ายได้ตลอดเวลา

ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงก่อนที่จะถึงวันตัดสินคดียึดทรัพย์ฯ จะเป็นช่วงที่ประชาชนส่วนหนึ่งเริ่มมีความไม่มั่นใจในสถานการณ์ และอาจต้องการถือเงินสดในมือเพิ่มขึ้นเพื่อใช้จ่าย ขณะที่ช่วงหลังคดียึดทรัพย์เป็นวันหยุดยาว ที่หยุดต่อเนื่อง 3 วัน เสาร์-อาทิตย์ และวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยวันมาฆบูชา ทำให้ ธปท.ต้องขอความร่วมมือให้ศูนย์บริหารจัดการธนบัตร และธนาคารพาณิชย์สำรองเงินสดเพิ่มขึ้น รวมทั้งวางแผนล่วงหน้าในการเข้าไปเติมเงินใส่ในตู้เอทีเอ็ม หรือการกระจายธนบัตรไปยังสาขาของธนาคารพาณิชย์ ทั้งในกรณีปกติ และในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น หรือมีความจำเป็นต้องเพิ่มวันหยุด เหมือนในช่วงเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการเงินสดของประชาชน

โดยนโยบายที่ ธปท.กำชับให้ธนาคารพาณิชย์เตรียมสภาพคล่องเงินสดไว้รองรับความต้องการเบิกถอนของประชาชนให้เพียงพอนั้น ไม่ได้กำหนดเป็นหลักเกณฑ์ตายตัวว่า ต้องเพิ่มจากปกติกี่เท่า หรือต้องมีวงเงินสดสำรองปริมาณเท่าไร เพราะถ้าหากเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นต้องปิดทำการ จะได้ไม่ติดขัดในการปฎิบัติในกรณีฉุกเฉิน

ธปท. ยอมรับว่า ช่วงที่มีเหตุการณ์ที่ที่สร้างความหวั่นใจ เป็นธรรมดาที่คนส่วนใหญ่จะอยากถือเงินสดมากขึ้น และจะยิ่งหวั่นวิตกมากขึ้น ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติแล้วเบิกเงินสดไม่ได้ หรือตู้เอทีเอ็มเงินหมด ดังนั้น ธปท.จึงเตรียมการไว้ล่วงหน้า โดยได้รับทราบว่า ธนาคารพาณิชย์ และศูนย์บริการจัดการเงินสด ได้เตรียมความพร้อมและวางแผนรองรับในเรื่องนี้ไว้แล้ว เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องเงินขาดตู้เอทีเอ็ม หรือเบิกเงินสดไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกรณีปกติ หรือเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้น

นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า การมีแผนฉุกเฉินรองรับเหตุการณ์ไม่ปกติ เช่น เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง เหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคระบาด อย่างไข้หวัดนก หรือ ไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นเรื่องปกติที่ ธปท.ได้ซักซ้อม และระบุในแผนการกำกับสถาบันการเงินอยู่แล้วว่า จะต้องมีการเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างไรบ้าง ทั้งด้านสภาพคล่อง ด้านการบริหารจัดการเงินสด รวมถึงการตัดสินใจเปิดหรือปิดสาขงธนาคารพาณิชย์ที่มีความเสี่ยง โดยหากมีกรณีฉุกเฉิน สามารถตัดสินใจปิดสาขาหรือปิดธนาคารทั้งหมดได้ก่อน ไม่ต้องขออนุญาต แล้วค่อยรายงานให้ ธปท.รับทราบภายหลังได้ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องพยายามให้กระทบลูกค้าน้อยที่สุด