xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“พระพยอม” แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ “ป๋าเปรม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผลพวงจากการที่ “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาปูดข่าวเรื่องเช็คจำนวน 2 ใบมูลค่าใบละ 1.8 ล้านบาทที่ “นางกัลยาณี พรรณเชษฐ์” ประธานบริษัทเอ็มเอ็มซี สิทธิผล หนึ่งในสมาชิก “คณะ11” เซ็นสั่งจ่ายให้กับ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น ได้ทำให้เกิดคำถามสำคัญ 2 ข้อคือ

หนึ่ง-สำเนาเช็คที่นายณัฐวุฒินำมาเปิดเผยนั้นเป็นความจริงหรือไม่

และสอง-นายณัฐวุฒิได้สำเนาเช็คทั้ง 2 ใบมาจากไหน

ในข้อแรกคงไม่ต้องสงสัยกันอีกต่อไป เพราะได้มีการออกมายอมรับจาก “นายวัชระ พรรณเชษฐ์” ผู้เป็นลูกชายของนางกัลยาณีแล้วว่า เป็นเช็คที่นางกัลยาณีสั่งจ่ายเพื่อทำบุญก่อสร้างอาคารวัดสวนแก้วจริง โดยเป็นเงินที่บริจาคเพื่อสร้างบ้านทักษะชีวิตสำหรับรองรับคนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดและไม่มีที่พักอาศัยให้มาอยู่ชั่วคราวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีการจ่ายเป็นงวดๆ มีหลักฐานเป็นใบอนุโมทนาบัตร ตั้งแต่ปี 2547 ส่วนสาเหตุที่ต้องสั่งจ่ายชื่อพล.อ.เปรม เพราะต้องการให้เป็นผู้รวบรวมดูแลในการทำบุญครั้งนั้น และติดตามความคืบหน้าในการก่อสร้าง

แต่คำถามที่สองนั้น ยังคงเป็นปริศนาที่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบต่อไป ซึ่งถ้าหากวิเคราะห์กันด้วยเหตุและด้วยผลแล้ว จะพบความจริงประการหนึ่งว่า จุดที่น่าจะทำให้สำเนาเช็ครั่วออกมาถึงมือนายณัฐวุฒิได้น่าจะมีเพียงแค่ 3 จุดเท่านั้น

ทั้งนี้ จุดแรกก็คือหลุดออกมาจาก “ธนาคาร
กรุงเทพ” เอง เพราะเป็นเช็คของธนาคารกรุงเทพ สาขาหัวหมาก แต่นั่นดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าใดนัก เพราะเป็นที่รับรู้กันดีว่า ธนาคารกรุงเทพกับพล.อ.เปรมนั้นมีความสนิทสนมชิดเชื้อกันขนาดไหน ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนปล่อยสำเนาเช็คให้หลุดออกมา

ขณะที่จุดที่สองก็คือ “บริษัท เอ็มเอ็นเอช โฮลดิ้ง จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทที่รับเหมาก่อสร้าง

ส่วนจุดที่สามนั้นเป็นจุดถือว่า มีโอกาสและความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงนั่นก็คือหลุดออกมาจาก “พระราชธรรมนิเทศ” หรือ “พระพยอม กัลยาโณ” แห่งวัดสวนแก้ว เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันว่า มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ “กลุ่มคนเสื้อแดง”

ดังนั้น พระพยอมจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างมิอาจเห็นเป็นอื่นได้

คำถามที่ตามมาคือ ถ้าพระพยอมเป็นคนหยิบสำเนาเช็คให้กับนายณัฐวุฒิจริง พระพยอมมีเหตุผลในการทำเพื่ออะไร?

ถ้าหากยังไม่ลืมเชื่อว่า สังคมคงจำกันได้กับการที่พระพยอมให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้วัดสวนแก้วเป็นสถานที่จัดงาน “ความจริงวันนี้สัญจร” ของ 3 เกลอหัวขวดเมื่อปี 2551

ถ้ายังไม่ลืม สังคมคงจำกันได้ว่า พระพยอมนั้นเป็นคอลัมนิสต์ประจำในหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ที่มีจุดยืนสนับสนุน นช.ทักษิณ และเคยเขียนบทความที่มีความเห็นอกเห็นใจ 3 นายตำรวจที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีที่ตำรวจใช้ความรุนแรงปราบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด

ถ้ายังไม่ลืม สังคมคงจำกันได้ว่า พระพยอมเคยไปร่วมรายการของสถานีโทรทัศน์ดีทีวี

ถ้ายังไม่ลืมเมื่อ “อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” ถูกกลุ่มเสื้อแดงล้อมบ้านจะรุมทำร้าย พระพยอมกลับเขียนบทความเห็นด้วยในทำนองอาจารย์เจิมศักดิ์สมควรโดน

และสำหรับกรณีการสร้างบ้านทักษะชีวิตนั้น หากพิจารณาคำให้สัมภาษณ์หรือข้อเขียนในหนังสือพิมพ์โลกวันนี้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวของพระพยอมจะพบว่า มีนัยสำคัญที่ส่อให้เห็นเจตนาลึกๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติในเชิงลบที่มีต่อ พล.อ.เปรม

“ไม่ทราบว่าใช้เงินสร้างเท่าไหร่ไม่รู้ แต่สุดท้ายก็เกิดการทรุดจนต้องซ่อมอีกกว่าล้านบาท”

“ขอย้อนไปในตอนที่มีการบริจาค ตอนนั้น พล.อ.เปรมยังเป็นคนที่มีภาพลักษณ์สง่างาม ไม่เคยมีใครไปขุดคุ้ย ไม่มีใครไปพูดจาอะไรในทางที่ไม่ดีไม่งามกับท่าน ใครๆก็นับถือ อาตมายังรู้สึกว่าบุญหล่นทับวัดเลยเมื่อนายทหารลูกน้องของท่านติดต่อเข้ามาว่าป๋าเปรมจะทำบุญสร้างที่พักให้เด็กๆและที่พักชั่วคราวให้กับผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดแล้วหาที่พักไม่ได้”

“ส่วนเรื่องที่ว่าท่าน (พล.อ.เปรม) จะได้เงินใคร มาจากไหน อันนี้อาตมาไม่ทราบ และไม่มีหน้าที่ที่จะต้องไปสงสัยทุก วันนี้อาตมาไม่รู้ว่าในทางกฎหมายแล้วนักการเมือง องคมนตรี หรือข้าราชการ จะรับเงินหรือสิ่งของที่มีมูลค่ามากกว่าเท่าใดไม่ได้ ซึ่งไม่เคยรู้เลย และเมื่อไม่รู้เรื่องก็จะไปเอาเรื่องให้มาเป็นเรื่องทำไม เพราะถ้าทำไปอย่างที่เขากล่าวหาก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดีกับตัวอาตมาและวัดสวนแก้วเอง”

ทำไมพระพยอมถึงเลือกใช้คำที่เสมือนต้องการให้เห็นว่า การก่อสร้างบ้านทักษะชีวิตของพล.อ.เปรมมีปัญหาการก่อสร้างที่ไม่ได้คุณภาพ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว พระพยอมน่าจะมีทัศนคติในเชิงบวกต่อ พล.อ.เปรม เพราะการที่มูลนิธิรัฐบุรุษฯ ของพล.อ.เปรมบริจาคเงินจำนวนไม่น้อยให้กับวัดสวนแก้ว น่าจะเป็นเพราะมีความรู้สึกที่ดีต่อพระพยอมไม่น้อย

ทั้งนี้ หากย้อนหลังไปตรวจสอบสถานการณ์ของพระพยอมในช่วงที่ผ่านมา ก็จะพบความจริงประการหนึ่งว่า หลังจากที่พระพยอมมีความเอนเอียงไปในทางเสื้อสีแดง ทำให้วัดสวนแก้วได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ทำให้ภาระที่พระพยอมและวัดสวนแก้วแบกรับเอาไว้เป็นภาระที่หนักหนาสาหัสมากขึ้นทุกวัน

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้พระพยอมจำต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง

พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวว่าเช็คดังกล่าวออกมาจากพระพยอม เจ้าอาวาสวัดสวนแก้วว่า “ตนเองไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่อยากทะเลาะกับพระ คือสร้างให้ก็จบไปแล้ว ไม่มีนัยอะไร ไม่มีข้อใดต้องสงสัย และได้ตอบไปตามข้อเท็จจริง เหมือนอย่างที่บอกว่า พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังปฏิวัติ แต่ความจริงไม่ใช่ แต่ท่านก็ไม่เคยออกมาพูด ซึ่งข้อเท็จจริงไม่เป็นอย่างนั้น”
กำลังโหลดความคิดเห็น