“พระพยอม” โดนแฉ!! พลั้งปากพูดแค้นพัดยศ “ป๋า” หลุดวาทกรรมต่อหน้าญาติโยมในวัด โดยบ่นหลังไมค์ “พระสมัยนี้ต้องส่งส่วยให้พระผู้ใหญ่ ถึงจะได้พัดยศ สมัยก่อนพระราชาคณะดูแล แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นพระราชินีคณะไปแล้ว”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ มี น.ส.กมลพร วรกุล นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้เชิญ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และนายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีข้อมูลของ พระพยอม กัลยาโณ ที่วันนี้มีความคืบหน้าและเรื่องราวเด็ดต่อยอดจากเมื่อวานนี้
น.ส.กมลพร กล่าวเปิดประเด็นว่า แกนนำคนเสื้อแดงประกาศว่า วันที่ 19 ก.พ.นี้จะบุกไปหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม เพื่อจี้ให้ผู้บริหาตอบคำถามเรื่องเช็คของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการหาเหตุมาโจมตี พล.อ.เปรม โดยความจริงแล้วเท่าที่ตนทราบมา เงินทุกบาททุกสตางค์ในมูลนิธิ พล.อ.เปรม ล้วนแล้วแต่ถูกใช้ เพื่อทำพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น และส่งไปช่วยเหลือเด็กกับสตรีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายประพันธ์กล่าวประเด็นเดียวกันว่า เรื่องเช็คเป็นการกล่าวหา พล.อ.เปรม ด้วยข้อมูลที่มั่ว โดยถือเป็นความสามารถของแกนนำคนเสื้อแดงลิ้นสองแฉก ที่ชอบโกหกจนเชื่อว่าที่พูดมานั้นเป็นความจริง เอาเป็นว่ากรณีเช็ค พล.อ.เปรม ตนถือว่าแกนนำคนเสื้อแดงมีเป็นบุคคลที่มีจิตใจต่ำที่กระทำเช่นนี้
น.ส.กมลพร กล่าวเสริมว่า แกนนำคนเสื้อแดงได้เปิดเผยอีกว่า มีเช็คอีก 4-5 ใบ ที่ส่งถึงมือ พล.อ.เปรม ซึ่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ได้เชื่อมั่นว่า เช็คดังกล่าวเชื่อมโยงกับ 2 ใบแรกก่อนหน้านี้ โดยกรณีนี้ ถือว่า พล.อ.เปรม ได้รับเงินเดือน และเป็นบุคคลมีรายได้ ดังนั้น ต้องเสียภาษี
นายประพันธ์กล่าวประเด็นนี้ว่า คำพูดของนายณัฐวุฒิ ที่กล่าวหาว่า พล.อ.เปรม เป็นลูกจ้างของผู้อื่น แต่ตนเห็นแย้งว่า หากเป็นเช่นนั้นแล้วทำไม พล.อ.เปรม ไม่ได้เงินเดือนเท่ากันทุกเดือน เช็คดังกล่าว ก็มีหลักฐานและได้รับการยืนยันอย่างถูกต้องแล้วว่า เป็นการร่วมกันทำบุญ ฉะนั้น สิ่งที่มันน่าคิดคือ สำเนาเช็คหลุดไปถึงมือ นายณัฐวุฒิ ได้อย่างไร ส่วนประเด็นเรื่องการเสียภาษี ตนคิดว่านายณัฐวุฒิ คงไม่มีความรู้ดีพอ จึงไม่ทราบว่าเงินบริจาคไม่ถือเป็นรายได้บุคคล ดังนั้นไม่ต้องเสียภาษี
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ตนอยากถามกลับไปที่พระพยอมว่า ที่ระบุว่าไม่ทราบ ไม่รู้ ไม่เห็นกรณีเช็คดังกล่าว มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อหน้าอาคารที่พักภายในวัดสวนแก้ว มีการปักป้ายชื่อมูลนิธีรัฐบุรุษอย่างชัดเจน ฉะนั้น พระพยอมต้องชี้แจงให้สังคมทราบว่า ความจริงเป็นอย่างไร ทำไมสำเนาเช็คถึงไปอยู่ในมือนายณัฐวุฒิ เพื่อนำไปใช้โจมตีให้ร้ายบุคคลสำคัญ หากพระพยอมไม่ชี้แจง ก็ถือขาดจากความเป็นพระ เพราะเท่ากับโกหกมุสา คนก็จะคิดได้ว่า พระพยอมสมรู้ร่วมคิดกับแกนนำเสื้อแดง เพื่อบิดเบือนข้อมูลป้ายสี พล.อ.เปรม
“พระพยอมมีปัญหาแล้วทำไมไม่ออกมาพูดความจริง ทำไมไม่ชี้แจงว่าทำไมเช็คถึงอยู่ในมือนายณัฐวุฒิ การที่ไม่ออกมาพูดก็ถือว่าเป็นการมุสาแล้ว แถมมีการเปรยว่าอาคารหลังที่สร้างมันทรุดไปหน่อยแล้ว ต้องเสียเงินมาซ่อมแซมอีก” นายประพันธ์ กล่าว
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงข้อมูลที่ประสบมาด้วยตัวเองเมื่อหลายปีก่อนว่า ตนเคยไปที่วัดสวนแก้ว ซึ่งบัดนี้ เต็มไปด้วยธุรกิจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขายของเก่า ที่มีคนนำมาบริจาค ก็จะขายไปในราคาถูก เพื่อนำรายได้เข้าวัด ซึ่งตนสงสัยว่าในเมื่อมีคนเข้าออกวัดสวนแก้ว เพื่อซื้อของเก่าดังกล่าว แต่ทำไมก่อนหน้านี้ถึงมีข่าวเรื่องปัญหาที่ดิน จนนำมาซึ่งอนุสาวรีย์ถุงกล้วยแขก แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น ตนเคยได้ยินมากับหูว่า พระพยอมหลังจากเทศน์ให้ญาติโยมไม่กี่คนฟังเสร็จ ก็เคยพลั้งปากระบุถึงเรื่องราวที่ฟังแล้วน่าตกตะลึง คือ พระพยอมพูดเชิงบ่นว่า "พัดยศไม่เป็นธรรม พระต้องหาเงินไปส่งส่วยพระผู้ใหญ่ จึงจะได้พัดยศ โดยสมัยก่อนผู้ดูแลพัดยศเป็นพระราชาคณะ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นพระราชินีคณะไปแล้ว"
“คำพูดดังกล่าวมันแปลความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจาก พระพยอมต้องการเสียดสี พล.อ.เปรม โดยใครๆ ก็ทราบว่าพัดยศ สมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้ดูแล แต่จากคำพูดของพระพยอม แปลว่าแค้นเคือง พล.อ.เปรม และกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังพระสังฆราช”
อนึ่ง พัดยศ หมายถึงพัดเกียรติยศอันเป็นเครื่องราชสักการะอย่างหนึ่งที่พระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานแด่พระภิกษุผู้มีฐานันดรในคณะสงฆ์
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ มี น.ส.กมลพร วรกุล นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้เชิญ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และนายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีข้อมูลของ พระพยอม กัลยาโณ ที่วันนี้มีความคืบหน้าและเรื่องราวเด็ดต่อยอดจากเมื่อวานนี้
น.ส.กมลพร กล่าวเปิดประเด็นว่า แกนนำคนเสื้อแดงประกาศว่า วันที่ 19 ก.พ.นี้จะบุกไปหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม เพื่อจี้ให้ผู้บริหาตอบคำถามเรื่องเช็คของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการหาเหตุมาโจมตี พล.อ.เปรม โดยความจริงแล้วเท่าที่ตนทราบมา เงินทุกบาททุกสตางค์ในมูลนิธิ พล.อ.เปรม ล้วนแล้วแต่ถูกใช้ เพื่อทำพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น และส่งไปช่วยเหลือเด็กกับสตรีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายประพันธ์กล่าวประเด็นเดียวกันว่า เรื่องเช็คเป็นการกล่าวหา พล.อ.เปรม ด้วยข้อมูลที่มั่ว โดยถือเป็นความสามารถของแกนนำคนเสื้อแดงลิ้นสองแฉก ที่ชอบโกหกจนเชื่อว่าที่พูดมานั้นเป็นความจริง เอาเป็นว่ากรณีเช็ค พล.อ.เปรม ตนถือว่าแกนนำคนเสื้อแดงมีเป็นบุคคลที่มีจิตใจต่ำที่กระทำเช่นนี้
น.ส.กมลพร กล่าวเสริมว่า แกนนำคนเสื้อแดงได้เปิดเผยอีกว่า มีเช็คอีก 4-5 ใบ ที่ส่งถึงมือ พล.อ.เปรม ซึ่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ได้เชื่อมั่นว่า เช็คดังกล่าวเชื่อมโยงกับ 2 ใบแรกก่อนหน้านี้ โดยกรณีนี้ ถือว่า พล.อ.เปรม ได้รับเงินเดือน และเป็นบุคคลมีรายได้ ดังนั้น ต้องเสียภาษี
นายประพันธ์กล่าวประเด็นนี้ว่า คำพูดของนายณัฐวุฒิ ที่กล่าวหาว่า พล.อ.เปรม เป็นลูกจ้างของผู้อื่น แต่ตนเห็นแย้งว่า หากเป็นเช่นนั้นแล้วทำไม พล.อ.เปรม ไม่ได้เงินเดือนเท่ากันทุกเดือน เช็คดังกล่าว ก็มีหลักฐานและได้รับการยืนยันอย่างถูกต้องแล้วว่า เป็นการร่วมกันทำบุญ ฉะนั้น สิ่งที่มันน่าคิดคือ สำเนาเช็คหลุดไปถึงมือ นายณัฐวุฒิ ได้อย่างไร ส่วนประเด็นเรื่องการเสียภาษี ตนคิดว่านายณัฐวุฒิ คงไม่มีความรู้ดีพอ จึงไม่ทราบว่าเงินบริจาคไม่ถือเป็นรายได้บุคคล ดังนั้นไม่ต้องเสียภาษี
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ตนอยากถามกลับไปที่พระพยอมว่า ที่ระบุว่าไม่ทราบ ไม่รู้ ไม่เห็นกรณีเช็คดังกล่าว มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อหน้าอาคารที่พักภายในวัดสวนแก้ว มีการปักป้ายชื่อมูลนิธีรัฐบุรุษอย่างชัดเจน ฉะนั้น พระพยอมต้องชี้แจงให้สังคมทราบว่า ความจริงเป็นอย่างไร ทำไมสำเนาเช็คถึงไปอยู่ในมือนายณัฐวุฒิ เพื่อนำไปใช้โจมตีให้ร้ายบุคคลสำคัญ หากพระพยอมไม่ชี้แจง ก็ถือขาดจากความเป็นพระ เพราะเท่ากับโกหกมุสา คนก็จะคิดได้ว่า พระพยอมสมรู้ร่วมคิดกับแกนนำเสื้อแดง เพื่อบิดเบือนข้อมูลป้ายสี พล.อ.เปรม
“พระพยอมมีปัญหาแล้วทำไมไม่ออกมาพูดความจริง ทำไมไม่ชี้แจงว่าทำไมเช็คถึงอยู่ในมือนายณัฐวุฒิ การที่ไม่ออกมาพูดก็ถือว่าเป็นการมุสาแล้ว แถมมีการเปรยว่าอาคารหลังที่สร้างมันทรุดไปหน่อยแล้ว ต้องเสียเงินมาซ่อมแซมอีก” นายประพันธ์ กล่าว
น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงข้อมูลที่ประสบมาด้วยตัวเองเมื่อหลายปีก่อนว่า ตนเคยไปที่วัดสวนแก้ว ซึ่งบัดนี้ เต็มไปด้วยธุรกิจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขายของเก่า ที่มีคนนำมาบริจาค ก็จะขายไปในราคาถูก เพื่อนำรายได้เข้าวัด ซึ่งตนสงสัยว่าในเมื่อมีคนเข้าออกวัดสวนแก้ว เพื่อซื้อของเก่าดังกล่าว แต่ทำไมก่อนหน้านี้ถึงมีข่าวเรื่องปัญหาที่ดิน จนนำมาซึ่งอนุสาวรีย์ถุงกล้วยแขก แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น ตนเคยได้ยินมากับหูว่า พระพยอมหลังจากเทศน์ให้ญาติโยมไม่กี่คนฟังเสร็จ ก็เคยพลั้งปากระบุถึงเรื่องราวที่ฟังแล้วน่าตกตะลึง คือ พระพยอมพูดเชิงบ่นว่า "พัดยศไม่เป็นธรรม พระต้องหาเงินไปส่งส่วยพระผู้ใหญ่ จึงจะได้พัดยศ โดยสมัยก่อนผู้ดูแลพัดยศเป็นพระราชาคณะ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นพระราชินีคณะไปแล้ว"
“คำพูดดังกล่าวมันแปลความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจาก พระพยอมต้องการเสียดสี พล.อ.เปรม โดยใครๆ ก็ทราบว่าพัดยศ สมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้ดูแล แต่จากคำพูดของพระพยอม แปลว่าแค้นเคือง พล.อ.เปรม และกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังพระสังฆราช”
อนึ่ง พัดยศ หมายถึงพัดเกียรติยศอันเป็นเครื่องราชสักการะอย่างหนึ่งที่พระมหากษัตริย์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานแด่พระภิกษุผู้มีฐานันดรในคณะสงฆ์