xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” อำมหิตเจตนาป่วนเมือง-เริ่มก่อสงครามทำลายล้าง!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผ่าประเด็นร้อน”

แม้จะมีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ในลักษณะข่มขู่ทำร้ายบุคคลสำคัญ รวมไปถึงการลอบวางระเบิดเพื่อก่อกวนสร้างสถานการณ์ความไม่ปลอดภัย ทำให้กระทบความเชื่อมั่น บ้านเมืองเสียหายทางเศรษฐกิจ หลังจากมีคำพิพากษายึดทรัพย์ของ ทักษิณ ชินวัตร ไปเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่หลายคนนึกไม่ถึงก็คือ จะมีการทำลายกระบวนการศาลอย่างตรงไปตรงมา

ก่อนหน้าจะมีการคำพิพากษาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทักษิณและเครือข่ายต่างยืนยันว่าพวกเขาจะเคารพในคำสั่งของศาลและเชื่อว่ามีความยุติธรรม แต่พอมีคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.63 หมื่นล้านบาท จากจำนวน 7.6 หมื่นล้านบาทเขาก็แสดงธาตุแท้ออกมาทันทีว่า “ศาลอยุติธรรม” และมี “ใบสั่ง”

จากนั้นก็สั่งการให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยออกมาแถลงแบบมีเจตนาให้มีเลศนัยหรือให้สังคมได้เข้าใจว่า คำตัดสินของศาลที่ออกมาดังกล่าวมี “คนชักใย” อยู่เบื้องหลัง พร้อมทั้งระบุในทำนองว่า “ความยุติธรรมในบ้านเมืองได้หมดสิ้นไปแล้ว” อย่างไรก็ดีเมื่อถูกซักว่าคนที่ชักใยเป็นใครเขาก็ทำอ้ำอึ้งไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร

ถัดมาก็เกิดเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดในเวลาไล่เลี่ยกัน ในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลอีก 3-4 จุด แต่ที่น่าสังเกตก็คือ เป้าหมายเจาะจงอยู่แค่ “ธนาคารกรุงเทพ” เป็นหลัก ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มคนในสังกัดของ ทักษิณ เช่นคนเสื้อแดงต่างชุมนุมโจมตีเชื่อมโยงไปถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอย่างรุนแรง ทั้งในกรณีที่ดินสนามกอล์ฟเขาสอยดาว และกรณีขุดคุ้ยเรื่องเช็คทำบุญที่วัดสวนแก้วของ “พระพยอม” เมื่อหลายปีก่อน

หากสังเกตให้ดี ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า และคนที่จุดพลุขึ้นมาให้เป็นเรื่องก็ยังเป็นคนเดิมนั่นคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หลังจากได้สร้างความปั่นป่วนในเรื่องจุดประเด็นเรื่อง “โบกี้รถไฟ” รวมไปถึงให้ข้อมูลเรื่องที่ดิน “เขายายเที่ยง” ถล่ม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อครั้งเป็นนายกฯ

นอกจากนี้ หากยังไม่ลืมก็คือ การเดินทางไปพบกับ “ฮุนเซน” ผู้นำกัมพูชาก่อนที่จะเข้ามาสร้างความปั่นป่วนในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชามึนตึงกันมาตั้งแต่นั้น

หลายคนจึงประเมินว่า การออกมาเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของ พล.อ.ชวลิต ดังกล่าวคงไม่ธรรมดาแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าโฟกัสไปยังจุดสำคัญก็จะเห็นอย่างชัดเจนว่าเป้าหมายพุ่งตรงไปที่ “ป๋าเปรม” เป็นหลัก

ขณะเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจก็คือ แม้ว่าภาพภายนอกของคนในสังกัดทักษิณจะออกมาในลักษณะแตกแยก ไม่ว่าจะเป็น “กลุ่มคนเสื้อแดง” สารพัดกลุ่ม แต่สังเกตความเคลื่อนไหวก็มีลักษณะแยกกันเดินรวมกันตี ต่างมีเป้าหมายทำเพื่อ ทักษิณ และที่สำคัญไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็จะ “ปัดความรับผิดชอบล่วงหน้า” เอาไว้แล้ว เช่น หากมีความรุนแรงก็ไม่ใช่กลุ่มของตัวเอง แต่เป็นฝีมือของ “มือที่ 3” หรือด่วนสรุปเอาไว้ก่อนว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลสร้างสถานการณ์

สิ่งที่ต้องจับตาพร้อมกันไปก็คือ ถ้อยคำการ “ปลุกระดม” ของบรรดาแกนนำ 3 เกลอ พยายามสร้างกระแสความขัดแย้งทาง “ชนชั้น” ระหว่าง “อำมาตย์” ที่ถูกสร้างให้เป็น “อภิสิทธิ์ชน” กับชนชั้นล่างหรือ “ไพร่” ซึ่งในที่นี้ไม่น่าเชื่อว่า ทักษิณ ที่มีทรัพย์สินนับแสนๆล้านบาทกลับถูกชูให้เป็น “หัวหน้าไพร่” ไปแล้ว

การสร้างกระแสบิดเบือนกำลังถูกนำไปขยายผลตามชนบทอย่างเอาจริงเอาจังอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะมีการชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพฯวันที่ 12 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

เมื่อเชื่อมโยงและปะติดปะต่อสถานการณ์และความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ ทักษิณ 4.63 หมื่นล้านบาท ทำให้มองเห็นภาพความน่ากลัวพร้อมๆกับเห็นความอำมหิตของ ทักษิณ ที่กำลังทำทุกทางเพื่อเป้าหมายให้ได้ทรัพย์สินทั้งหมดกลับคืนมาแม้ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่โกงชาติก็ตาม รวมไปถึงทำทุกทางเพื่อให้ได้กลับมายึดอำนาจรัฐอีกรอบ

จึงช่วยไม่ได้ที่สังคมทุกฝ่ายกำลังเป็นห่วงว่าเขากำลัง “หน้ามืด” ก่อสงคราม เนื่องจากเชื่อว่านี่คือหนทางที่จะได้ทุกสิ่งคืนมา โดยไม่สนใจความเสียหายที่จะเกิดขึ้นไม่ว่ากับใครก็ตาม

ซึ่งในที่นี้แม้ว่า เป้าหมายจะพุ่งไปที่ พล.อ.เปรม แต่หากพิจารณาให้รอบคอบรับรองว่าต้องไม่ใช่หยุดอยู่แค่นี้ ต้อง “เหนือ” กว่าแน่นอน เพราะหากกล่าวหาว่าศาลซึ่งพิจารณาคดีใน “พระปรมาภิไธย” ไม่ยุติธรรมหรือมีใบสั่ง รวมไปถึงการปลุกระดมในเรื่องของความขัดแย้งทางชนชั้น

ดังนั้น น่าเป็นห่วงการสร้างกระแสก่อสงคราม แม้จะยังมองไม่เห็นความชอบธรรมของฝ่าย ทักษิณและยังมองไม่เห็นชัยชนะ รวมทั้งเชื่อว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของพวกเขา แต่อีกด้านหนึ่งมันก็สร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองไม่น้อยเช่นเดียวกัน!!
กำลังโหลดความคิดเห็น