ASTVผู้จัดการรายวัน-ผู้นำเข้ารถยนต์เก่ามาแปรสภาพแล้วส่งออกต่อป่วน หลัง“พรทิวา” ไม่เซ็นใบอนุญาตนำเข้าให้ อ้างหวั่นนำมาขายต่อในประเทศ ทำผู้นำเข้าเสียหายยับ ลือหึ่ง! เรียกเงินใต้โต๊ะแลกลายเซ็น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ผู้นำเข้ารถยนต์ที่ใช้แล้วจากต่างประเทศเพื่อนำมาปรับสภาพและส่งออกต่อ ไม่ต่ำกว่า 20 ราย ได้ร้องเรียนมายังกระทรวงพาณิชย์ว่า ไม่ได้รับความสะดวกในการนำเข้ารถยนต์ เพราะนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ยอมลงนามออกใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ให้ ส่งผลให้ผู้นำเข้าได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
จึงได้เรียกร้องให้รมว.พาณิชย์เร่งออกใบอนุญาตดังกล่าวโดยเร็ว
ผู้นำเข้ารายหนึ่ง ระบุว่า นำเข้ารถยนต์เก่าจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป เพื่อนำมาปรับสภาพแล้วส่งออกต่อไปประเทศอื่นๆ เช่น พม่า ลาว กัมพูชา ซึ่งแต่ละปีจะนำเข้าหลายร้อยคัน และตามขั้นตอนการปฏิบัติ ก่อนที่เรือขนส่งรถยนต์จะมาถึงไทยประมาณ 4-5 วัน ผู้นำเข้าจะต้องทำเรื่องขอใบอนุญาตนำเข้ามายังกรมการค้าต่างประเทศ
เมื่อเรือขนส่งมาถึงไทยก็จะได้ใบอนุญาตพอดี โดยที่ผ่านมา ไม่มีปัญหา เพราะอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในใบอนุญาตนำเข้า
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้รับทราบเป็นการภายในว่า นางพรทิวาได้เรียกอำนาจคืนและต้องลงนามอนุญาตเอง ทำให้จนถึงขณะนี้ มีรถยนต์ตกค้างที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และแหลมฉบังนานนับเดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้ใบอนุญาตนำเข้า และเมื่อสอบถามมายังกรมการค้าต่างประเทศ ก็ได้รับคำตอบแต่แค่ว่า รมว.พาณิชย์ อยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งที่แต่เดิม ใช้เวลาในการอนุมัติเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ส่งผลให้ผู้นำเข้าเกิดความเสียหายทางธุรกิจอย่างมาก เพราะไม่สามารถนำรถยนต์ออกไปปรับปรุงสภาพและส่งออกได้ และยังต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอีกวันละหลายหมื่นบาท
ทั้งนี้ ผู้นำเข้าบางรายอ้างว่า ได้มีการเจรจาเพื่อเรียกรับเงินใต้โต๊ะ เพื่อแลกกับการเซ็นออกใบอนุญาตให้นำเข้าแล้วหลายราย
รายงานข่าวแจ้งว่า กรมการค้าต่างประเทศ ได้ให้เหตุผลที่นางพรทิวายังไม่ออกใบอนุญาตนำเข้าให้ เพราะเกรงว่า ผู้นำเข้าอาจลักลอบนำรถยนต์เก่าเหล่านั้นออกมาขายในประเทศ แทนการส่งออก ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิดตามพ.ร.บ.การนำเข้ามาซึ่งสินค้าในราชอาณาจักรพ.ศ.2522 เพราะกรมการค้าต่างประเทศไม่อนุญาตให้นำเข้ารถยนต์ใช้แล้วจากต่างประเทศ เข้ามาใช้ในประเทศไทย เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ยกเว้น การนำเข้ามาของคนต่างชาติ หรือนำเข้ามาใช้เอง หรือนำเข้าใช้ในส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์การสาธารณกุศล หรือเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ผู้นำเข้ารถยนต์ที่ใช้แล้วจากต่างประเทศเพื่อนำมาปรับสภาพและส่งออกต่อ ไม่ต่ำกว่า 20 ราย ได้ร้องเรียนมายังกระทรวงพาณิชย์ว่า ไม่ได้รับความสะดวกในการนำเข้ารถยนต์ เพราะนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ยอมลงนามออกใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ให้ ส่งผลให้ผู้นำเข้าได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
จึงได้เรียกร้องให้รมว.พาณิชย์เร่งออกใบอนุญาตดังกล่าวโดยเร็ว
ผู้นำเข้ารายหนึ่ง ระบุว่า นำเข้ารถยนต์เก่าจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป เพื่อนำมาปรับสภาพแล้วส่งออกต่อไปประเทศอื่นๆ เช่น พม่า ลาว กัมพูชา ซึ่งแต่ละปีจะนำเข้าหลายร้อยคัน และตามขั้นตอนการปฏิบัติ ก่อนที่เรือขนส่งรถยนต์จะมาถึงไทยประมาณ 4-5 วัน ผู้นำเข้าจะต้องทำเรื่องขอใบอนุญาตนำเข้ามายังกรมการค้าต่างประเทศ
เมื่อเรือขนส่งมาถึงไทยก็จะได้ใบอนุญาตพอดี โดยที่ผ่านมา ไม่มีปัญหา เพราะอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในใบอนุญาตนำเข้า
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้รับทราบเป็นการภายในว่า นางพรทิวาได้เรียกอำนาจคืนและต้องลงนามอนุญาตเอง ทำให้จนถึงขณะนี้ มีรถยนต์ตกค้างที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และแหลมฉบังนานนับเดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้ใบอนุญาตนำเข้า และเมื่อสอบถามมายังกรมการค้าต่างประเทศ ก็ได้รับคำตอบแต่แค่ว่า รมว.พาณิชย์ อยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งที่แต่เดิม ใช้เวลาในการอนุมัติเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ส่งผลให้ผู้นำเข้าเกิดความเสียหายทางธุรกิจอย่างมาก เพราะไม่สามารถนำรถยนต์ออกไปปรับปรุงสภาพและส่งออกได้ และยังต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอีกวันละหลายหมื่นบาท
ทั้งนี้ ผู้นำเข้าบางรายอ้างว่า ได้มีการเจรจาเพื่อเรียกรับเงินใต้โต๊ะ เพื่อแลกกับการเซ็นออกใบอนุญาตให้นำเข้าแล้วหลายราย
รายงานข่าวแจ้งว่า กรมการค้าต่างประเทศ ได้ให้เหตุผลที่นางพรทิวายังไม่ออกใบอนุญาตนำเข้าให้ เพราะเกรงว่า ผู้นำเข้าอาจลักลอบนำรถยนต์เก่าเหล่านั้นออกมาขายในประเทศ แทนการส่งออก ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิดตามพ.ร.บ.การนำเข้ามาซึ่งสินค้าในราชอาณาจักรพ.ศ.2522 เพราะกรมการค้าต่างประเทศไม่อนุญาตให้นำเข้ารถยนต์ใช้แล้วจากต่างประเทศ เข้ามาใช้ในประเทศไทย เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ยกเว้น การนำเข้ามาของคนต่างชาติ หรือนำเข้ามาใช้เอง หรือนำเข้าใช้ในส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์การสาธารณกุศล หรือเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบก่อน
