นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง 5 ผู้ต้องหาแก๊งค้าอาวุธสงครามว่า เราจะส่งตัวไปให้ประเทศของผู้ต้องหาทั้ง 5 เพราะเขาต้องการที่จะนำกลับไปดำเนินการสอบสวนเอง ถือว่าเรื่องของตัวบุคคลจบแล้ว ส่วนเรื่องอาวุธก็ต้องดำเนินการต่อไปตามที่ยูเอ็นแนะนำ
ส่วนที่มีคนสงสัยข้ออ้างที่อัยการระบุว่าเขาไม่ได้ขนอาวุธเช้าบ้านเรา แค่จอด เติมน้ำมันเท่านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีพันธะในการที่จะต้องปฏิบัติตามมาติยูเอ็น และเมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีการแจ้งเรื่องตามกฎหมายของเรา ก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ แต่เมื่อัยการได้ใช้ดุลพินิจในการสั่งเพื่อที่จะไม่ฟ้องก็เป็นเรื่องกฎหมายภายใน ซึ่งถือว่ายุติไป ขณะเดียวกันเราก็ได้ทำหน้าที่ตามข้อผูกพันของสหประชาชาติเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเขาฟ้องกลับจะทำอย่างไร นาอยภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ใครจะฟ้อง ไม่มี และไม่คิดว่าจะมีปัญหาอย่างนั้น เพราะสิ่งที่เราดำเนินการนั้นเป็นไปตาม มติยูเอ็นและเราก็ดูกฎหมายภายในของเราประกอบด้วย ส่วนเรื่องอาวุธนั้นยูเอ็น ซึ่งมีการรายงานไปและติดต่อประสานงานกันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าทาง ตม.ไม่ยอมส่งตัวกลับ นายกรัฐมนตร กล่าวว่า กำลังดำเนินการตามขั้นตอน เพราะได้ประสานกับประเทศที่จะรับตัวไปสอบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องสัญชาติที่แท้จริงของ 5 ผู้ต้องหานั้นกระทรวงการต่างประเทศมีการประสานกับประเทศที่เข้าจะรับตัวไปสอบอยู่แล้ว
สำหรับอาวุธนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีข้อกฎหมายอยู่ในการประชุม สมช. ก็มีการซักซ้อนกัน แต่เรื่องนี้ต้องฟังยูเอ็นด้วย มันต้องจำแนกประเภทของอาวุธ ทางยูเอ็น ก็ไม่ได้ตอบรายละเอียดมาทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าการส่งผู้ร้ายกลับประเทศตัวเองสหรัฐฯ มีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เรามีหน้าที่ทำตามมติยูเอ็น ซึ่งมุ่งที่ตัวอาวุธ ส่วนเรื่องการส่งตัวผู้ต้องหากลับไปเป็นเรื่องกฎหมายภายในของเรา
ส่วนที่นักวิชาการต่างประเทศท้วงติงมาว่าไม่เคยมีการตัดสินคดีพวกนี้มาก่อน จะส่งผลให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกประเทศต้องแยกกันระหว่าง การมีพันธะข้อผูกพันระหว่างประเทศ ซึ่งมุ่งเรื่องอาวุธ ส่วนเรื่องคนมันเป็นเรื่องกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ ตนมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไรและคิดว่าที่ทางอัยการพิจารณาออกมาน่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดแล้ว
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พิจารณา ตามมาตรฐานของกฎหมายระหว่างประเทศกับกฎหมายภายในประเทศในส่วนของรัฐบาล ทางอัยการก็มีดุลยพินิจออกมาสอดคล้องกัน ผู้ต้องหา และเครื่องบิน หรือสวนประกอบในการขนอาวุธเข้ามานั้น ในหลายประเทศก็มีการพิจารณา ตามความเหมาะสม ในหลายกรณีสั่งไม่ฟ้องอีกทั้งยังได้คืนอุปกรณ์การขน กลับไปตามที่มีผู้ร้องขอและในบางกรณีมีค่าใช้จ่าย ในการเรียกร้องกับผู้ทีมาร้องขอ แต่ในส่วนขอไทยทำตามมติยูเอ็นในเรื่องอาวุธ และหลายประเทศก็ทำเช่นเดียวกับไทยกรณีที่มีการจับอาวุธได้ ส่วนเครื่องบินที่ผ่านมามีในบางประเทศมีการขอรับคืน เพราะเขาอ้างว่าเป็นบริษัทขนส่ง หรือรับจ้างขนของ กับไทยเองก็กำลังดูอยู่ เพราะมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา
ส่วนที่มีคนสงสัยข้ออ้างที่อัยการระบุว่าเขาไม่ได้ขนอาวุธเช้าบ้านเรา แค่จอด เติมน้ำมันเท่านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีพันธะในการที่จะต้องปฏิบัติตามมาติยูเอ็น และเมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีการแจ้งเรื่องตามกฎหมายของเรา ก็ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ แต่เมื่อัยการได้ใช้ดุลพินิจในการสั่งเพื่อที่จะไม่ฟ้องก็เป็นเรื่องกฎหมายภายใน ซึ่งถือว่ายุติไป ขณะเดียวกันเราก็ได้ทำหน้าที่ตามข้อผูกพันของสหประชาชาติเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเขาฟ้องกลับจะทำอย่างไร นาอยภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ใครจะฟ้อง ไม่มี และไม่คิดว่าจะมีปัญหาอย่างนั้น เพราะสิ่งที่เราดำเนินการนั้นเป็นไปตาม มติยูเอ็นและเราก็ดูกฎหมายภายในของเราประกอบด้วย ส่วนเรื่องอาวุธนั้นยูเอ็น ซึ่งมีการรายงานไปและติดต่อประสานงานกันอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าทาง ตม.ไม่ยอมส่งตัวกลับ นายกรัฐมนตร กล่าวว่า กำลังดำเนินการตามขั้นตอน เพราะได้ประสานกับประเทศที่จะรับตัวไปสอบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องสัญชาติที่แท้จริงของ 5 ผู้ต้องหานั้นกระทรวงการต่างประเทศมีการประสานกับประเทศที่เข้าจะรับตัวไปสอบอยู่แล้ว
สำหรับอาวุธนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีข้อกฎหมายอยู่ในการประชุม สมช. ก็มีการซักซ้อนกัน แต่เรื่องนี้ต้องฟังยูเอ็นด้วย มันต้องจำแนกประเภทของอาวุธ ทางยูเอ็น ก็ไม่ได้ตอบรายละเอียดมาทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าการส่งผู้ร้ายกลับประเทศตัวเองสหรัฐฯ มีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เรามีหน้าที่ทำตามมติยูเอ็น ซึ่งมุ่งที่ตัวอาวุธ ส่วนเรื่องการส่งตัวผู้ต้องหากลับไปเป็นเรื่องกฎหมายภายในของเรา
ส่วนที่นักวิชาการต่างประเทศท้วงติงมาว่าไม่เคยมีการตัดสินคดีพวกนี้มาก่อน จะส่งผลให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกประเทศต้องแยกกันระหว่าง การมีพันธะข้อผูกพันระหว่างประเทศ ซึ่งมุ่งเรื่องอาวุธ ส่วนเรื่องคนมันเป็นเรื่องกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ ตนมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไรและคิดว่าที่ทางอัยการพิจารณาออกมาน่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดแล้ว
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พิจารณา ตามมาตรฐานของกฎหมายระหว่างประเทศกับกฎหมายภายในประเทศในส่วนของรัฐบาล ทางอัยการก็มีดุลยพินิจออกมาสอดคล้องกัน ผู้ต้องหา และเครื่องบิน หรือสวนประกอบในการขนอาวุธเข้ามานั้น ในหลายประเทศก็มีการพิจารณา ตามความเหมาะสม ในหลายกรณีสั่งไม่ฟ้องอีกทั้งยังได้คืนอุปกรณ์การขน กลับไปตามที่มีผู้ร้องขอและในบางกรณีมีค่าใช้จ่าย ในการเรียกร้องกับผู้ทีมาร้องขอ แต่ในส่วนขอไทยทำตามมติยูเอ็นในเรื่องอาวุธ และหลายประเทศก็ทำเช่นเดียวกับไทยกรณีที่มีการจับอาวุธได้ ส่วนเครื่องบินที่ผ่านมามีในบางประเทศมีการขอรับคืน เพราะเขาอ้างว่าเป็นบริษัทขนส่ง หรือรับจ้างขนของ กับไทยเองก็กำลังดูอยู่ เพราะมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา