ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”ชงกขช.อีกรอบเคาะหลักเกณฑ์หักค่าเสื่อมสภาพข้าว เสนอที่ตันละ 21 เหรียญสหรัฐ จับตา “ไตรรงค์” ขวางต่อ หวั่นเข้าทางงาบระบายข้าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ที่มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันนี้ (12 ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้พิจารณาเรื่องการหักค่าเสื่อมสภาพข้าวในสต๊อกรัฐบาลเป็นครั้งที่ 2 เพื่อนำมาเป็นเกณฑ์กำหนดราคากลางขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้ผู้ส่งออก โดยจะเสนอหักค่าเสื่อมที่ตันละ 21 เหรียญสหรัฐ จากก่อนหน้านี้ ที่ประชุมไม่เห็นชอบหลักเกณฑ์ ตามที่กรมการค้าต่างประเทศเสนอที่ตันละ 30 เหรียญสหรัฐ เพราะปัจจุบัน หักค่าเสื่อมที่ตันละ 10 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ที่จะเสนอใหม่ครั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้สำรวจจากการหักค่าเสื่อมของผู้ส่งออกแล้วนำมาถัวเฉลี่ยกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะหักที่ตันละประมาณ 20 เหรียญสหรัฐ ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบตามที่เสนอ กระทรวงพาณิชย์จะระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลด้วยวิธีการประมูลเป็นการทั่วไป หรือให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อเสนอราคาซื้อมายังกระทรวงพาณิชย์ได้ทันทีแต่หากไม่เห็นชอบ ก็ยังไม่สามารถเปิดระบายด้วยวิธีดังกล่าวได้ คงจะเปิดระบายได้เพียงในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) เท่านั้น
ด้านวงการค้าข้าว ระบุว่า เป็นไปได้ว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าวอาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม และทำให้นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ต้องเสียหน้าเป็นครั้งที่ 2 เพราะควรจะหักค่าเสื่อมเป็นขั้นบันได ไม่ใช่หักเท่ากันหมด เช่น ข้าวที่เก็บมาแล้ว 1 ปีหักค่าเสื่อมตันละ 10 เหรียญสหรัฐ ปีที่ 2 หักที่ 20 เหรียญสหรัฐ ปีที่ 3 หักที่ 30 เหรียญสหรัฐ เป็นต้น เพราะข้าวยิ่งเก็บคุณภาพก็จะยิ่งเสื่อมลง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ข้าวเก็บมาแล้ว 1 ปี กับ 5 ปีจะมีคุณภาพเท่ากัน และหักค่าเสื่อมเท่ากัน
นอกจากนี้ ยังพบว่า การที่นายไตรรงค์ ไม่อนุมัติหลักเกณฑ์กำหนดค่าเสื่อมดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์ เป็นเกมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการบีบให้กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเจ้ากระทรวงสังกัดพรรคภูมิใจไทย เปิดระบายข้าวผ่านเอเฟตเท่านั้น เพราะเกรงว่า การเปิดขายด้วยการประมูล หรือให้ผู้ส่งออกเสนอซื้อโดยตรง อาจทำให้พรรคภูมิใจไทยได้รับประโยชน์จากผู้ส่งออก แต่การขายในเอเฟต ซึ่งมีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ พรรคภูมิใจไทยจะไม่ได้ประโยชน์เลย อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาดูว่า นายไตรรงค์จะให้ความเห็นชอบเกณฑ์ดังกล่าวหรือไม่
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ที่มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันนี้ (12 ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้พิจารณาเรื่องการหักค่าเสื่อมสภาพข้าวในสต๊อกรัฐบาลเป็นครั้งที่ 2 เพื่อนำมาเป็นเกณฑ์กำหนดราคากลางขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้ผู้ส่งออก โดยจะเสนอหักค่าเสื่อมที่ตันละ 21 เหรียญสหรัฐ จากก่อนหน้านี้ ที่ประชุมไม่เห็นชอบหลักเกณฑ์ ตามที่กรมการค้าต่างประเทศเสนอที่ตันละ 30 เหรียญสหรัฐ เพราะปัจจุบัน หักค่าเสื่อมที่ตันละ 10 เหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ที่จะเสนอใหม่ครั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้สำรวจจากการหักค่าเสื่อมของผู้ส่งออกแล้วนำมาถัวเฉลี่ยกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะหักที่ตันละประมาณ 20 เหรียญสหรัฐ ซึ่งหากที่ประชุมเห็นชอบตามที่เสนอ กระทรวงพาณิชย์จะระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลด้วยวิธีการประมูลเป็นการทั่วไป หรือให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อเสนอราคาซื้อมายังกระทรวงพาณิชย์ได้ทันทีแต่หากไม่เห็นชอบ ก็ยังไม่สามารถเปิดระบายด้วยวิธีดังกล่าวได้ คงจะเปิดระบายได้เพียงในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) เท่านั้น
ด้านวงการค้าข้าว ระบุว่า เป็นไปได้ว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าวอาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม และทำให้นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ต้องเสียหน้าเป็นครั้งที่ 2 เพราะควรจะหักค่าเสื่อมเป็นขั้นบันได ไม่ใช่หักเท่ากันหมด เช่น ข้าวที่เก็บมาแล้ว 1 ปีหักค่าเสื่อมตันละ 10 เหรียญสหรัฐ ปีที่ 2 หักที่ 20 เหรียญสหรัฐ ปีที่ 3 หักที่ 30 เหรียญสหรัฐ เป็นต้น เพราะข้าวยิ่งเก็บคุณภาพก็จะยิ่งเสื่อมลง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ข้าวเก็บมาแล้ว 1 ปี กับ 5 ปีจะมีคุณภาพเท่ากัน และหักค่าเสื่อมเท่ากัน
นอกจากนี้ ยังพบว่า การที่นายไตรรงค์ ไม่อนุมัติหลักเกณฑ์กำหนดค่าเสื่อมดังกล่าวของกระทรวงพาณิชย์ เป็นเกมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการบีบให้กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเจ้ากระทรวงสังกัดพรรคภูมิใจไทย เปิดระบายข้าวผ่านเอเฟตเท่านั้น เพราะเกรงว่า การเปิดขายด้วยการประมูล หรือให้ผู้ส่งออกเสนอซื้อโดยตรง อาจทำให้พรรคภูมิใจไทยได้รับประโยชน์จากผู้ส่งออก แต่การขายในเอเฟต ซึ่งมีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ พรรคภูมิใจไทยจะไม่ได้ประโยชน์เลย อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาดูว่า นายไตรรงค์จะให้ความเห็นชอบเกณฑ์ดังกล่าวหรือไม่