xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊วา”ได้ฤกษ์ขายข้าวสต๊อกรัฐ ประมูลล๊อตแรก 3 แสนตัน 21 ม.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์
“พรทิวา”ไฟเขียวเปิดระบายข้าวในสต๊อกทั้งข้าวขาวและข้าวเหนียวรวม 3.75 แสนตัน ให้ยื่นเสนอราคาซื้อ 21 ม.ค.นี้ “วิจักร”มั่นใจได้ราคาดี หลังผลผลิตข้าวตึงตัว ต่างประเทศต้องการซื้อสูง ผู้ส่งออกแห่ยื่นประมูลแน่

นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้อนุมัติให้มีการเปิดระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล จำนวน 3.75 แสนตัน แยกเป็นข้าวขาว 5% จำนวน 3 แสนตัน และข้าวเหนียว 7.5 หมื่นตัน จากปริมาณสต๊อกทั้งหมดประมาณ 5.5 ล้านตัน เพื่อผ่อนคลายความตึงตัวของตลาดข้าวในประเทศและเพื่อตอบสนองความต้องการข้าวของตลาดต่างประเทศ และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวในสต๊อก โดยจะเปิดให้ผู้ส่งออกที่สนใจยื่นซองเสนอซื้อในวันที่ 21 ม.ค.นี้ และเปิดซองราคาในวันเดียวกัน และจะเจรจาต่อรองกับผู้ที่เสนอราคาซื้อที่อยู่ในเกณฑ์ในวันที่ 22 ม.ค.

“ตอนนี้ตลาดข้าวมีความตึงตัว เพราะผลผลิตข้าวนาปีได้ออกสู่ตลาดเกือบหมดแล้ว ปริมาณ 21.2 ล้านตัน คิดเป็น 92.28% ของปริมาณผลผลิตข้าวทั้งหมด ทำให้ผู้ส่งออกหาซื้อข้าวได้ยาก และข้าวนาปรังกว่าจะออกก็เดือนเม.ย.-มิ.ย. ขณะที่ความต้องการซื้อข้าวของต่างประเทศก็มีเข้ามามาก เพราะหลายประเทศผลผลิตเสียหายจากภัยธรรมชาติ บางประเทศห้ามส่งออก และเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ผู้ซื้อเลยมุ่งมาที่ไทย จึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่จะเปิดระบายในช่วงนี้ และคาดว่าจะมีผู้ส่งออกเสนอซื้อเป็นจำนวนมาก”นายวิจักรกล่าว

สำหรับเงื่อนไขในการเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อนั้น ให้เสนอราคาซื้อ ณ หน้าคลังสินค้าเป็นเงินบาท และเสนอราคาซื้อเต็มจำนวนที่เก็บในแต่ละโกดัง และต้องมีหลักประกันซองอัตรา 2% ของมูลค่าสินค้าที่ยื่นเสนอราคาซื้อ โดยผู้เสนอราคาซื้อสามารถขอดูสภาพข้าวสารในแต่ละโกดังได้ ทั้งนี้ เมื่อได้รับการคัดเลือกจะต้องทำสัญญาซื้อขายภายใน 10 วันนับจากวันที่กรมฯ ได้แจ้งผล ต้องวางหลักประกัน 5% ของมูลค่าข้าวสารที่ได้ตกลงซื้อขาย และต้องส่งออกข้าวสารที่ซื้อไปทั้งหมดภายใน 45 วันนับจากวันที่รับมอบข้าวสาร

นายวิจักรกล่าวว่า ในการเจรจาต่อรอง กรมฯ จะต่อรองกับผู้ที่เสนอราคาซื้อที่อยู่ในเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนดทุกราย โดยยึดราคาตลาดเป็นหลัก แต่ราคาที่ได้คงจะไม่เท่ากับราคาตลาด เพราะข้าวที่ขายเป็นข้าวเก่า ซึ่งมีเงื่อนไขในการคิดราคาอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าจะได้ราคาดี และจะขายให้กับผู้ที่ให้ราคาดีที่สุด

ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปการขายข้าวแล้ว กรมฯ จะทำเรื่องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และจะพิจารณาต่อว่าถ้าขายข้าวสารในครั้งนี้ได้ราคาดี และตลาดยังคงมีความต้องการซื้อสูง กรมฯ จะหารือกับระดับนโยบายเพื่อเปิดระบายต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเสนอซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ในวงการค้าข้าวจะรู้กันว่าหากเป็นข้าวเก่าจะหักราคาค่าเสื่อมออกปีละ 10 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งการขายข้าวครั้งนี้ เป็นข้าวนาปรังปี 2551 นาปี 2551/52 และนาปรัง 2552 ซึ่งถือว่าเป็นข้าวที่ไม่เก่ามาก จึงไม่น่าจะที่หักค่าเสื่อมได้มากนัก และราคาที่ได้น่าจะใกล้เคียงกับราคาตลาด

โดยราคาข้าวสาร 5% ส่งออก FOB ณ วันที่ 13 ม.ค.2553 ข้าวหอมมะลิ ตันละ 1,119 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 6 ม.ค. ตันละ 1,116 ตัน ข้าวขาว 100% ตันละ 609 เหรียญร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากตันละ 607 เหรียญสหรัฐ ข้าวขาว 5% ตันละ 577 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากตันละ 576เหรียญสหรัฐ ข้าวขาว 25% ตันละ 505 เหรียญสหรัฐ ลดลงจาก ตันละ 508 เหรียญสหรัฐ ข้าวเหนียว 10% ตันละ 779 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก ตันละ 777 เหรียญสหรัฐ

ส่วนราคาข้าวภายในประเทศ เฉลี่ยช่วงวันที่ 11-15 ม.ค. ที่ผ่านมา ข้าวเปลือก 2552/53 ตันละ 9,800-10,500 ข้าวเหนียว ตันละ 12,600-13,000 บาท

นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานกรรมการบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า การตัดสินใจระบายข้าวในช่วงนี้ค่อนข้างล่าช้าไปแล้ว เนื่องจากผู้ซื้อรายใหญ่และให้ราคารับซื้อที่ดีอย่างฟิลิปปินส์ได้ปิดการซื้อไปก่อนหน้านี้ จึงไม่เชื่อว่าจากนี้ไปจะมีคำสั่งซื้อเข้ามามาก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการประมูลครั้งนี้จะมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก แต่อาจจะเสนอราคาซื้อต่ำกว่าท้องตลาด หรือเฉลี่ยที่ตันละ 1.6-1.7 หมื่นบาท เพราะการซื้อจากรัฐมีเงื่อนไขมากกว่าการซื้อขายกับเอกชนด้วยกันเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น