ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”สรุปผลประมูลข้าวล๊อตแรก 3.75 แสนตัน เคาะขายเฉพาะข้าวขาว 2.9 แสนตัน หลังต่อรองราคาได้ใกล้เคียงราคาตลาด ส่วนข้าวเหนียวจ่อล้มประมูล เหตุถูกกดราคาหนัก “พรทิวา” ไม่ฟันธงขายหรือไม่ขาย ลือหึ่ง! ล้มประมูล อ้างถูกกดราคา แต่ผู้ส่งออกสวนทันควันถูกบีบจ่ายใต้โต๊ะ
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งถึงผลการประมูลซื้อข้าวสารตามโครงการรับจำนำของรัฐบาล เพื่อการส่งออก ปริมาณรวม 3.75แสนตัน เมื่อวันที่ 21ม.ค.ว่า คณะทำงานเจรจาต่อรองการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่มีนายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน ได้ดำเนินการเจรจาเสร็จสิ้นแล้ว และมีมติให้ขายข้าวขาว 5% นาปรัง ปีการผลิต 2551, ข้าวขาว 5% นาปี ปีการผลิต 2551/52 และข้าวขาว 5% ปีการผลิต 2552 ปริมาณรวม 2.9 แสนตัน ส่วนอีก 1 หมื่นตัน เป็นข้าวในโกดังหนึ่งที่ได้รับความเสียหายมากจนไม่มีเอกชนรายใดเสนอซื้อ
ทั้งนี้ ในการเจรจาต่อรองสามารถเจรจาต่อรองได้ราคาตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยข้าวจากโครงการรับจำนำปี 2551 ราคาจำหน่ายเฉลี่ยที่ตันละ 1.55-1.62 หมื่นบาท ข้าวจากโครงการรับจำนำปี 2552 และราคาตันละ 1.62-1.65 หมื่นบาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่เสนอซื้อเฉลี่ยตันละ 100-500 บาท
โดยราคาที่ได้ ถือเป็นราคาที่น่าพอใจ แม้ในความเป็นจริง เมื่อคำนวนจากราคารับจำนำเฉลี่ยตันละ 2 หมื่นบาท แต่ขายได้เพียงตันละ 1.5-1.6 หมื่นบาท รัฐจะขาดทุนเฉลี่ยตันละ 4 พันบาท แต่หากเทียบกับราคาตลาดขณะนี้พบว่าเป็นราคาที่ใกล้เคียงกัน โดยราคาตลาดข้าวตันละ 1.69-1.7 หมื่นบาทสำหรับข้าวใหม่
สำหรับผู้ส่งออกที่ได้เข้าร่วมการประมูลข้าวครั้งนี้มีหลายราย แต่ผลการประมูลเฉลี่ยได้รายละไม่เกิน 1 แสนตัน โดยในการเสนอซื้อมีบริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด เสนอซื้อข้าวมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ บริษัท เอเชีย โกลเด้นไรซ์ จำกัด บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด และบริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มีมติให้ยกเลิกการประมูลข้าวเหนียวขาว 10% นาปี ปีการผลิต 2551/52 เพื่อการส่งออก ปริมาณขาย 75,949 ตัน เนื่องจากการเจรจาต่อรองแล้ว ไม่ได้ราคาตามเกณฑ์ที่กำหนด แม้จะมีมีผู้สนใจเสนอราคา 15 ราย เสนอราคาสูงสุดตันละ 17,110 บาท เสนอราคาต่ำสุด ตันละ 10,000 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะทำงานเจรจาต่อรองฯ จะนำข้อสรุปดังกล่าวเสนอต่อนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป หากได้รับความเห็นชอบจะเรียกเอกชนที่ชนะการประมูลมาทำสัญญากับองค์การคลังสินค้า (อคส.)
ด้านนางพรทิวากล่าวว่า จะยังไม่เสนอผลการประมูลข้าวให้ครม. พิจารณาในวันนี้ เพราะยังไม่ได้รับผลการพิจารณาระบายข้าวจากคณะทำงานฯ โดยที่ผ่านมา ได้มอบนโยบายให้คณะทำงานฯ ไปแล้ว หากเห็นว่าราคาควรขายก็ขาย ไม่ควรขายก็ไม่ขาย และไม่ได้กำหนดเวลา เพราะได้หารือกับนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ว่า จะไม่ใช้ราคาจำนำเป็นเกณฑ์เพราะถึงอย่างไรก็ขาดทุนแน่นอน โดยราคาจำนำสูงถึงตันละ 2.1-2.3 หมื่นบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ตามกรอบการประมูลข้าวที่กำหนดไว้เดิม คือ เปิดประมูลวันที่ 21 ม.ค. เจรจาต่อรองวันที่ 22 ม.ค. สรุปผลวันที่ 25 ม.ค. เสนอให้นางพรทิวา นำเสนอครม.วันที่ 26 ม.ค. แต่จากท่าทีล่าสุดมีแนวโน้มว่าจะไม่มีการเสนอครม.พิจารณาในวันนี้ และมีกระแสข่าวว่าจะมีการสั่งการล้มประมูลข้าวทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะข้าวเหนียวโดยกระทรวงพาณิชย์ให้เห็นผลว่าผู้ส่งออกมีการรวมหัวกันกดราคา ขณะที่ผู้ส่งออกให้เหตุผลว่า เป็นเพราะเจรจาเรื่องการจ่ายค่าใต้โต๊ะไม่ได้ข้อยุติ จึงไม่อนุมัติขาย เพราะรู้ว่าผู้ส่งออกมีความต้องการข้าวมาก และยอมเสนอราคาใกล้เคียงกับราคาตลาดแล้ว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งถึงผลการประมูลซื้อข้าวสารตามโครงการรับจำนำของรัฐบาล เพื่อการส่งออก ปริมาณรวม 3.75แสนตัน เมื่อวันที่ 21ม.ค.ว่า คณะทำงานเจรจาต่อรองการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่มีนายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน ได้ดำเนินการเจรจาเสร็จสิ้นแล้ว และมีมติให้ขายข้าวขาว 5% นาปรัง ปีการผลิต 2551, ข้าวขาว 5% นาปี ปีการผลิต 2551/52 และข้าวขาว 5% ปีการผลิต 2552 ปริมาณรวม 2.9 แสนตัน ส่วนอีก 1 หมื่นตัน เป็นข้าวในโกดังหนึ่งที่ได้รับความเสียหายมากจนไม่มีเอกชนรายใดเสนอซื้อ
ทั้งนี้ ในการเจรจาต่อรองสามารถเจรจาต่อรองได้ราคาตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยข้าวจากโครงการรับจำนำปี 2551 ราคาจำหน่ายเฉลี่ยที่ตันละ 1.55-1.62 หมื่นบาท ข้าวจากโครงการรับจำนำปี 2552 และราคาตันละ 1.62-1.65 หมื่นบาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่เสนอซื้อเฉลี่ยตันละ 100-500 บาท
โดยราคาที่ได้ ถือเป็นราคาที่น่าพอใจ แม้ในความเป็นจริง เมื่อคำนวนจากราคารับจำนำเฉลี่ยตันละ 2 หมื่นบาท แต่ขายได้เพียงตันละ 1.5-1.6 หมื่นบาท รัฐจะขาดทุนเฉลี่ยตันละ 4 พันบาท แต่หากเทียบกับราคาตลาดขณะนี้พบว่าเป็นราคาที่ใกล้เคียงกัน โดยราคาตลาดข้าวตันละ 1.69-1.7 หมื่นบาทสำหรับข้าวใหม่
สำหรับผู้ส่งออกที่ได้เข้าร่วมการประมูลข้าวครั้งนี้มีหลายราย แต่ผลการประมูลเฉลี่ยได้รายละไม่เกิน 1 แสนตัน โดยในการเสนอซื้อมีบริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด เสนอซื้อข้าวมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ บริษัท เอเชีย โกลเด้นไรซ์ จำกัด บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด และบริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้มีมติให้ยกเลิกการประมูลข้าวเหนียวขาว 10% นาปี ปีการผลิต 2551/52 เพื่อการส่งออก ปริมาณขาย 75,949 ตัน เนื่องจากการเจรจาต่อรองแล้ว ไม่ได้ราคาตามเกณฑ์ที่กำหนด แม้จะมีมีผู้สนใจเสนอราคา 15 ราย เสนอราคาสูงสุดตันละ 17,110 บาท เสนอราคาต่ำสุด ตันละ 10,000 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะทำงานเจรจาต่อรองฯ จะนำข้อสรุปดังกล่าวเสนอต่อนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป หากได้รับความเห็นชอบจะเรียกเอกชนที่ชนะการประมูลมาทำสัญญากับองค์การคลังสินค้า (อคส.)
ด้านนางพรทิวากล่าวว่า จะยังไม่เสนอผลการประมูลข้าวให้ครม. พิจารณาในวันนี้ เพราะยังไม่ได้รับผลการพิจารณาระบายข้าวจากคณะทำงานฯ โดยที่ผ่านมา ได้มอบนโยบายให้คณะทำงานฯ ไปแล้ว หากเห็นว่าราคาควรขายก็ขาย ไม่ควรขายก็ไม่ขาย และไม่ได้กำหนดเวลา เพราะได้หารือกับนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ว่า จะไม่ใช้ราคาจำนำเป็นเกณฑ์เพราะถึงอย่างไรก็ขาดทุนแน่นอน โดยราคาจำนำสูงถึงตันละ 2.1-2.3 หมื่นบาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ตามกรอบการประมูลข้าวที่กำหนดไว้เดิม คือ เปิดประมูลวันที่ 21 ม.ค. เจรจาต่อรองวันที่ 22 ม.ค. สรุปผลวันที่ 25 ม.ค. เสนอให้นางพรทิวา นำเสนอครม.วันที่ 26 ม.ค. แต่จากท่าทีล่าสุดมีแนวโน้มว่าจะไม่มีการเสนอครม.พิจารณาในวันนี้ และมีกระแสข่าวว่าจะมีการสั่งการล้มประมูลข้าวทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะข้าวเหนียวโดยกระทรวงพาณิชย์ให้เห็นผลว่าผู้ส่งออกมีการรวมหัวกันกดราคา ขณะที่ผู้ส่งออกให้เหตุผลว่า เป็นเพราะเจรจาเรื่องการจ่ายค่าใต้โต๊ะไม่ได้ข้อยุติ จึงไม่อนุมัติขาย เพราะรู้ว่าผู้ส่งออกมีความต้องการข้าวมาก และยอมเสนอราคาใกล้เคียงกับราคาตลาดแล้ว