โดย...ไสว บุญมา
ผู้ใดทำนายว่าเมืองไทยจะล่มสลายคล้ายเฮติ ผู้นั้นคงได้รับพรชนิดนอนไม่หลับจากทั่วสารทิศ แต่ก่อนที่จะให้พรชนิดนั้นแก่ผม กรุณาอ่านต่อไปให้จบนะครับ ในสมัยที่ผมยังทำงานในธนาคารโลก เป็นเวลาหลายปีผมมีความรับผิดชอบเกี่ยวกับกลุ่มประเทศในทะเลคาริบเบียนซึ่งรวมทั้งเฮติและกายอานาซึ่งผมกล่าวถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน ในบรรดาประเทศในทวีปอเมริกาทั้งหมด เฮติยากจนที่สุดราว 80% ของประชากรยากจนมากและประเทศตกอยู่ในภาวะล่มสลายจนองค์การสหประชาชาติต้องส่งทหารเข้าไปประจำการเพื่อป้องกันมิให้ประชาชนฆ่าแกงกันเอง ความยากจนและภาวะล่มสลายมีความสัมพันธ์กันสูงมากและเกิดจากสาเหตุพื้นฐานร่วมกัน
ผู้ที่มีโอกาสเปิดหนังสือของอัล กอร์เรื่อง An Inconvenient Truth อาจจำภาพถ่ายทางอากาศขนาดใหญ่ซึ่งตีพิมพ์เต็มหน้า 222-223 ได้ ภาพนั้นเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเฮติกับสาธารณรัฐโดมินิกัน สองประเทศนั้นตั้งอยู่บนเกาะเดียวกันซึ่งมีภูมิอากาศร้อนชื้นและเคยเต็มไปด้วยป่าไม้ เฮติครอบคลุมซีกตะวันตกของเกาะและโดมินิกันครอบคลุมซีกตะวันออก ภาพนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทางซีกของเฮติพื้นที่ส่วนใหญ่ได้กลายเป็นสีน้ำตาล ส่วนทางซีกของโดมินิกันยังเป็นสีเขียวชอุ่ม หนังสือเล่มนั้นมีคำอธิบายเพียงสั้นๆ เพราะผู้เขียนคงต้องการให้ภาพบอกเรื่องราวเอง
ผู้ต้องการอ่านรายละเอียดอาจไปเปิดหนังสือชื่อ “ล่มสลาย” ซึ่งคนไทยที่มีการศึกษาทุกคนควรอ่าน ต้นฉบับของหนังสือชื่อ Collapse เขียนโดยศาสตราจารย์จาร์เรด ไดอะมอนด์ คำอธิบายได้แก่เฮติตัดไม้ทำลายป่าจนในขณะนี้มีพื้นที่ป่าเหลืออยู่เพียง 1% ของเนื้อที่ของประเทศเท่านั้น ส่วนโดมินิกันยังรักษาป่าไว้ได้มาก ข้อมูลนี้อาจชี้ว่า ผู้ใดทำลายป่าให้หมดไป ผู้นั้นจะถูกทำลายอย่างแน่นอน
การสรุปเช่นนั้นอาจทำได้และก็ไม่ผิดเพราะย้อนไปในประวัติศาสตร์ หลายสังคมล่มสลายเพราะทำลายป่า ไม่ว่าจะเป็นสังคมมายาในอเมริกากลาง อานาซาซีในอเมริกาเหนือ หรืออีสเตอร์ในทะเลใต้ แต่มันอาจง่ายเกินไปเนื่องจากยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ในเฮติอีก ในเบื้องแรกเนื่องจากประชากรของเฮติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ตอนนี้เนื้อที่จึงมีอัตราความหนาแน่นของประชากรสูงมาก จริงอยู่ความหนาแน่นนั้นโดยตัวของมันเองอาจไม่สร้างปัญหาหนักหนาสาหัสนักหากไม่ถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยร้ายแรงอื่นๆ
สำหรับเฮติปัจจัยร้ายแรงที่สุดได้แก่ความแตกแยกในสังคมและการปกครองโดยระบบเผด็จการ จากวันได้เอกราชเมื่อปี 2347 จนถึงวันนี้เฮติมีรัฐประหารแล้วถึง 32 ครั้ง ผู้นำเผด็จการล้วนฉ้อฉลและโหดร้าย กลุ่มที่ร้ายที่สุดมาจากครอบครัวดูวาล์เยร์ซึ่งมีอำนาจอยู่ 29 ปี เริ่มจากปี พ. ศ. 2500 อันเป็นช่วงต้นของยุคที่ประเทศกำลังพัฒนาเริ่มเร่งรัดพัฒนาประเทศกันอย่างจริงจัง
ในยุคของการเร่งรัดพัฒนาประเทศนั้น การพัฒนาของเกาหลีใต้และไต้หวันบ่งว่าระบบเผด็จการมิใช่อุปสรรคสำคัญของการพัฒนาเสมอไป อย่างไรก็ตามถ้ามองความเป็นไปในฟิลิปปินส์และเฮติ มันเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงยิ่งนัก ระบบเผด็จการในเฮติชั่วช้ากว่าในฟิลิปปินส์ในยุคของเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส หลายเท่าและครองอำนาจอยู่ยาวนานกว่า ครอบครัวดูวาล์เยร์ใช้อำนาจบาตรใหญ่ผ่านกองทัพและตำรวจลับซึ่งจะจับใครไปฆ่าตัดตอนเมื่อไรก็ได้
ในภาวะเช่นนี้ชาวเฮติที่มีการศึกษาและความสามารถจึงหนีไปอยู่เสียที่อื่นในขณะที่การลงทุนในเฮติแทบไม่มีเลย เมื่อขาดการลงทุนการพัฒนาย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ยังผลให้ชาวเฮติส่วนใหญ่ยากจนและต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อนำที่ดินมาใช้ผลิตอาหาร
ท่ามกลางความยากจนนั้นผู้มีอำนาจสามารถยักยอกเอารายได้ของรัฐและความช่วยเหลือจากต่างประเทศไปเข้ากระเป๋าตัวเองได้แล้วใช้จ่ายกันอย่างไม่อั้น ฉะนั้นพวกเขามีความเป็นอยู่อย่างหรูหราฟุ้งเฟ้อจนก่อให้เกิดความเกลียดชังอย่างรุนแรง ตัวอย่างของความฟุ้งเฟ้อที่ถูกอ้างถึงบ่อยๆ ได้แก่เรื่องภรรยาของประธานาธิบดีซื้อเสื้อกันหนาวขนสัตว์ชั้นเยี่ยมให้ตัวเองและเพื่อนๆ เนื่องจากเฮติเป็นเมืองร้อนเช่นเดียวกับเมืองไทยจึงไม่เหมาะแก่การใช้เสื้อชนิดนั้น
ภรรยาของประธานาธิบดีแก้ปัญหาด้วยการสั่งให้พนักงานของรัฐทำความเย็นของห้องที่จะมีงานราตรีจนหนาวปานตู้เย็นเพื่อให้พวกที่มีเสื้อกันหนาวราคาแพงเหล่านั้นมีโอกาสสวมเสื้อไปเดินกรีดกราย แม้ครอบครัวนั้นจะถูกขับไล่ออกไปนอกประเทศหลัง 29 ปี แต่เฮติก็พัฒนาไม่ได้เพราะสังคมตกอยู่ในภาวะแตกแยกร้ายแรงจนถึงขั้นล่มสลาย ในขณะนี้จึงต้องมีทหารขององค์การสหประชาชาติเข้าไปตั้งอยู่เพื่อช่วยค้ำชูเสถียรภาพของรัฐบาล
คนไทยคงมองว่าเมืองไทยไม่มีทางเป็นเช่นนั้น แต่นั่นเป็นการมองด้วยความประมาทยิ่ง แผ่นดินไหวในเฮติเมื่อไม่นานมานี้ชี้บ่งว่าภัยธรรมชาติอาจสร้างความเสียหายแบบคาดไม่ถึง เมืองไทยจะมีแผ่นดินไหวหรือไม่ยากที่จะหยั่งรู้ แต่คลื่นยักษ์เมื่อปี 2547 ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าภัยธรรมชาติอาจเกิดเมื่อไรก็ได้
ถ้าเราไม่พร้อม ความเสียหายร้ายแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ในอนาคต ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กรุงเทพฯ จะทรุดลงต่อไป นั่นหมายความว่ากรุงเทพฯ จะจมบาดาลปีละนานหลายเดือนในช่วงฤดูฝน มีคนไทยสักกี่คนที่พร้อมรับเหตุการณ์ชนิดนั้น? การสร้างบ้านสร้างเมืองยังดำเนินต่อไปเสมือนว่าภัยธรรมชาติร้ายแรงไม่มีทางจะเกิดขึ้นและบ้านนี้เมืองนี้มีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครองตลอดกาล อีกไม่นานจะรู้ว่าท่านจะคุ้มครองผู้ที่มีแต่ความประมาทเป็นที่ตั้งหรือไม่
ประชากรไทยยังเพิ่มขึ้นและจำนวนมากยังยากจนต่อไปซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ทำลายป่ากันเพิ่มขึ้น ยิ่งกว่านั้นคนที่มีอันจะกินแล้วจำนวนมากก็หน้าด้านพากันทำลายป่าไม่ว่าจะเป็นเพื่อการกสิกรรมพืชเชิงเดี่ยว สถานที่ท่องเที่ยวจำพวกรีสอร์ต หรือบ้านพักตากอากาศ อีกไม่ช้าป่าย่อมจะหมดไป คนไทยอาจยังไม่ถึงกับใกล้อดข้าวตายคล้ายชาวเฮติ แต่เมื่อไรคนจนจำนวนมากซื้อข้าวไม่ได้ เมื่อนั้นสังคมไทยจะเกิดจลาจลอย่างกว้างขวางจนมีคนตายเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในเฮติเมื่อปี 2551
ผู้มีเงินในเมืองไทยมักใช้เงินกันแบบฟุ้งเฟ้อเพื่ออวดอ้างความมั่งมีกันอย่างแพร่หลาย จริงอยู่ตอนนี้ดูจะไม่มีผู้ขาดสตินำเอาเหล้าองุ่นขวดละแสนบาทมาเปิดดื่มอวดกันเช่นเดียวกับในวันที่ นช.ทักษิณ เรืองอำนาจ แต่พฤติกรรมในแนวเดียวกันก็หาหมดไปไม่ การกระทำเช่นนั้นเป็นการสร้างความแตกแยกเพราะคนไทยส่วนใหญ่มีความประทับใจว่า ความร่ำรวยมักได้มาด้วยความไม่เป็นธรรมและจากความฉ้อฉลของชนชั้นผู้นำและผู้มีอำนาจ
เรามีรัฐประหารและการปราบประชาชนจนนองเลือดหลายต่อหลายครั้งหลังเปลี่ยนการปกครองเมื่อปี 2475 และจะมีต่อไปหากความแตกแยกของคนไทยไม่ได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้องและทันกาล เป็นเวลาหลายปี ที่สังคมของเรามีความแตกร้าวลึกมากชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน รากเหง้าของความแตกร้าวคือพฤติกรรมจำพวกนอกคอกที่ออกมาจากเข่งห้าเหลี่ยมของ นช.ทักษิณ สำหรับท่านที่อาจลืมไป เข่งห้าเหลี่ยมได้แก่ อัตตาธิปไตย (ข้าฯ แน่แต่เพียงผู้เดียว) ธนาธิปไตย (ใช้เงินนำหน้าในทุกกรณี) ขโมยาธิปไตย (โกงจนเป็นสันดาน) ญาติกาธิปไตย (เพื่อประโยชน์ของครอบครัว ตัวเอง ญาติและพวกพ้อง) และประชานิยมาธิปไตย (ซื้อความจงรักภักดีและความพอใจด้วยนโยบายประชานิยมแบบเข้มข้น)
ในช่วงนี้ผู้ที่มีตาย่อมเห็นอาการของความแตกร้าวที่ทาสของ นช.ทักษิณ พยายามโหมกระพือให้ร้ายแรงยิ่งขึ้นกันอย่างทั่วถึงแล้ว ความแตกร้าวนี้ถ้ามีต่อไปจะทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงเป็นลูกโซ่ ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมือง จนในที่สุดเมืองไทยก็จะกลายเป็นสังคมที่ปกครองไม่ได้คล้ายเฮติ การคิดว่าสิ่งที่กล่าวมานี้เป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวยังผลให้พวกเราไม่ต่อต้านความสามานย์ของ นช.ทักษิณและทาสอย่างกว้างขวางย่อมไม่ต่างกับการขุดหลุมฝังตัวเอง ในอีกนัยหนึ่ง ความแตกร้าวซึ่งพวกเขาก่อขึ้นนี้จะมีค่าเท่ากับฟางเส้นสุดท้ายที่จะทำให้สังคมไทยเป็นเช่นเดียวกับเฮติ
ผู้ใดทำนายว่าเมืองไทยจะล่มสลายคล้ายเฮติ ผู้นั้นคงได้รับพรชนิดนอนไม่หลับจากทั่วสารทิศ แต่ก่อนที่จะให้พรชนิดนั้นแก่ผม กรุณาอ่านต่อไปให้จบนะครับ ในสมัยที่ผมยังทำงานในธนาคารโลก เป็นเวลาหลายปีผมมีความรับผิดชอบเกี่ยวกับกลุ่มประเทศในทะเลคาริบเบียนซึ่งรวมทั้งเฮติและกายอานาซึ่งผมกล่าวถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน ในบรรดาประเทศในทวีปอเมริกาทั้งหมด เฮติยากจนที่สุดราว 80% ของประชากรยากจนมากและประเทศตกอยู่ในภาวะล่มสลายจนองค์การสหประชาชาติต้องส่งทหารเข้าไปประจำการเพื่อป้องกันมิให้ประชาชนฆ่าแกงกันเอง ความยากจนและภาวะล่มสลายมีความสัมพันธ์กันสูงมากและเกิดจากสาเหตุพื้นฐานร่วมกัน
ผู้ที่มีโอกาสเปิดหนังสือของอัล กอร์เรื่อง An Inconvenient Truth อาจจำภาพถ่ายทางอากาศขนาดใหญ่ซึ่งตีพิมพ์เต็มหน้า 222-223 ได้ ภาพนั้นเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเฮติกับสาธารณรัฐโดมินิกัน สองประเทศนั้นตั้งอยู่บนเกาะเดียวกันซึ่งมีภูมิอากาศร้อนชื้นและเคยเต็มไปด้วยป่าไม้ เฮติครอบคลุมซีกตะวันตกของเกาะและโดมินิกันครอบคลุมซีกตะวันออก ภาพนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทางซีกของเฮติพื้นที่ส่วนใหญ่ได้กลายเป็นสีน้ำตาล ส่วนทางซีกของโดมินิกันยังเป็นสีเขียวชอุ่ม หนังสือเล่มนั้นมีคำอธิบายเพียงสั้นๆ เพราะผู้เขียนคงต้องการให้ภาพบอกเรื่องราวเอง
ผู้ต้องการอ่านรายละเอียดอาจไปเปิดหนังสือชื่อ “ล่มสลาย” ซึ่งคนไทยที่มีการศึกษาทุกคนควรอ่าน ต้นฉบับของหนังสือชื่อ Collapse เขียนโดยศาสตราจารย์จาร์เรด ไดอะมอนด์ คำอธิบายได้แก่เฮติตัดไม้ทำลายป่าจนในขณะนี้มีพื้นที่ป่าเหลืออยู่เพียง 1% ของเนื้อที่ของประเทศเท่านั้น ส่วนโดมินิกันยังรักษาป่าไว้ได้มาก ข้อมูลนี้อาจชี้ว่า ผู้ใดทำลายป่าให้หมดไป ผู้นั้นจะถูกทำลายอย่างแน่นอน
การสรุปเช่นนั้นอาจทำได้และก็ไม่ผิดเพราะย้อนไปในประวัติศาสตร์ หลายสังคมล่มสลายเพราะทำลายป่า ไม่ว่าจะเป็นสังคมมายาในอเมริกากลาง อานาซาซีในอเมริกาเหนือ หรืออีสเตอร์ในทะเลใต้ แต่มันอาจง่ายเกินไปเนื่องจากยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ในเฮติอีก ในเบื้องแรกเนื่องจากประชากรของเฮติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ตอนนี้เนื้อที่จึงมีอัตราความหนาแน่นของประชากรสูงมาก จริงอยู่ความหนาแน่นนั้นโดยตัวของมันเองอาจไม่สร้างปัญหาหนักหนาสาหัสนักหากไม่ถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยร้ายแรงอื่นๆ
สำหรับเฮติปัจจัยร้ายแรงที่สุดได้แก่ความแตกแยกในสังคมและการปกครองโดยระบบเผด็จการ จากวันได้เอกราชเมื่อปี 2347 จนถึงวันนี้เฮติมีรัฐประหารแล้วถึง 32 ครั้ง ผู้นำเผด็จการล้วนฉ้อฉลและโหดร้าย กลุ่มที่ร้ายที่สุดมาจากครอบครัวดูวาล์เยร์ซึ่งมีอำนาจอยู่ 29 ปี เริ่มจากปี พ. ศ. 2500 อันเป็นช่วงต้นของยุคที่ประเทศกำลังพัฒนาเริ่มเร่งรัดพัฒนาประเทศกันอย่างจริงจัง
ในยุคของการเร่งรัดพัฒนาประเทศนั้น การพัฒนาของเกาหลีใต้และไต้หวันบ่งว่าระบบเผด็จการมิใช่อุปสรรคสำคัญของการพัฒนาเสมอไป อย่างไรก็ตามถ้ามองความเป็นไปในฟิลิปปินส์และเฮติ มันเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงยิ่งนัก ระบบเผด็จการในเฮติชั่วช้ากว่าในฟิลิปปินส์ในยุคของเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส หลายเท่าและครองอำนาจอยู่ยาวนานกว่า ครอบครัวดูวาล์เยร์ใช้อำนาจบาตรใหญ่ผ่านกองทัพและตำรวจลับซึ่งจะจับใครไปฆ่าตัดตอนเมื่อไรก็ได้
ในภาวะเช่นนี้ชาวเฮติที่มีการศึกษาและความสามารถจึงหนีไปอยู่เสียที่อื่นในขณะที่การลงทุนในเฮติแทบไม่มีเลย เมื่อขาดการลงทุนการพัฒนาย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ยังผลให้ชาวเฮติส่วนใหญ่ยากจนและต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อนำที่ดินมาใช้ผลิตอาหาร
ท่ามกลางความยากจนนั้นผู้มีอำนาจสามารถยักยอกเอารายได้ของรัฐและความช่วยเหลือจากต่างประเทศไปเข้ากระเป๋าตัวเองได้แล้วใช้จ่ายกันอย่างไม่อั้น ฉะนั้นพวกเขามีความเป็นอยู่อย่างหรูหราฟุ้งเฟ้อจนก่อให้เกิดความเกลียดชังอย่างรุนแรง ตัวอย่างของความฟุ้งเฟ้อที่ถูกอ้างถึงบ่อยๆ ได้แก่เรื่องภรรยาของประธานาธิบดีซื้อเสื้อกันหนาวขนสัตว์ชั้นเยี่ยมให้ตัวเองและเพื่อนๆ เนื่องจากเฮติเป็นเมืองร้อนเช่นเดียวกับเมืองไทยจึงไม่เหมาะแก่การใช้เสื้อชนิดนั้น
ภรรยาของประธานาธิบดีแก้ปัญหาด้วยการสั่งให้พนักงานของรัฐทำความเย็นของห้องที่จะมีงานราตรีจนหนาวปานตู้เย็นเพื่อให้พวกที่มีเสื้อกันหนาวราคาแพงเหล่านั้นมีโอกาสสวมเสื้อไปเดินกรีดกราย แม้ครอบครัวนั้นจะถูกขับไล่ออกไปนอกประเทศหลัง 29 ปี แต่เฮติก็พัฒนาไม่ได้เพราะสังคมตกอยู่ในภาวะแตกแยกร้ายแรงจนถึงขั้นล่มสลาย ในขณะนี้จึงต้องมีทหารขององค์การสหประชาชาติเข้าไปตั้งอยู่เพื่อช่วยค้ำชูเสถียรภาพของรัฐบาล
คนไทยคงมองว่าเมืองไทยไม่มีทางเป็นเช่นนั้น แต่นั่นเป็นการมองด้วยความประมาทยิ่ง แผ่นดินไหวในเฮติเมื่อไม่นานมานี้ชี้บ่งว่าภัยธรรมชาติอาจสร้างความเสียหายแบบคาดไม่ถึง เมืองไทยจะมีแผ่นดินไหวหรือไม่ยากที่จะหยั่งรู้ แต่คลื่นยักษ์เมื่อปี 2547 ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าภัยธรรมชาติอาจเกิดเมื่อไรก็ได้
ถ้าเราไม่พร้อม ความเสียหายร้ายแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ในอนาคต ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กรุงเทพฯ จะทรุดลงต่อไป นั่นหมายความว่ากรุงเทพฯ จะจมบาดาลปีละนานหลายเดือนในช่วงฤดูฝน มีคนไทยสักกี่คนที่พร้อมรับเหตุการณ์ชนิดนั้น? การสร้างบ้านสร้างเมืองยังดำเนินต่อไปเสมือนว่าภัยธรรมชาติร้ายแรงไม่มีทางจะเกิดขึ้นและบ้านนี้เมืองนี้มีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครองตลอดกาล อีกไม่นานจะรู้ว่าท่านจะคุ้มครองผู้ที่มีแต่ความประมาทเป็นที่ตั้งหรือไม่
ประชากรไทยยังเพิ่มขึ้นและจำนวนมากยังยากจนต่อไปซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ทำลายป่ากันเพิ่มขึ้น ยิ่งกว่านั้นคนที่มีอันจะกินแล้วจำนวนมากก็หน้าด้านพากันทำลายป่าไม่ว่าจะเป็นเพื่อการกสิกรรมพืชเชิงเดี่ยว สถานที่ท่องเที่ยวจำพวกรีสอร์ต หรือบ้านพักตากอากาศ อีกไม่ช้าป่าย่อมจะหมดไป คนไทยอาจยังไม่ถึงกับใกล้อดข้าวตายคล้ายชาวเฮติ แต่เมื่อไรคนจนจำนวนมากซื้อข้าวไม่ได้ เมื่อนั้นสังคมไทยจะเกิดจลาจลอย่างกว้างขวางจนมีคนตายเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในเฮติเมื่อปี 2551
ผู้มีเงินในเมืองไทยมักใช้เงินกันแบบฟุ้งเฟ้อเพื่ออวดอ้างความมั่งมีกันอย่างแพร่หลาย จริงอยู่ตอนนี้ดูจะไม่มีผู้ขาดสตินำเอาเหล้าองุ่นขวดละแสนบาทมาเปิดดื่มอวดกันเช่นเดียวกับในวันที่ นช.ทักษิณ เรืองอำนาจ แต่พฤติกรรมในแนวเดียวกันก็หาหมดไปไม่ การกระทำเช่นนั้นเป็นการสร้างความแตกแยกเพราะคนไทยส่วนใหญ่มีความประทับใจว่า ความร่ำรวยมักได้มาด้วยความไม่เป็นธรรมและจากความฉ้อฉลของชนชั้นผู้นำและผู้มีอำนาจ
เรามีรัฐประหารและการปราบประชาชนจนนองเลือดหลายต่อหลายครั้งหลังเปลี่ยนการปกครองเมื่อปี 2475 และจะมีต่อไปหากความแตกแยกของคนไทยไม่ได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้องและทันกาล เป็นเวลาหลายปี ที่สังคมของเรามีความแตกร้าวลึกมากชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน รากเหง้าของความแตกร้าวคือพฤติกรรมจำพวกนอกคอกที่ออกมาจากเข่งห้าเหลี่ยมของ นช.ทักษิณ สำหรับท่านที่อาจลืมไป เข่งห้าเหลี่ยมได้แก่ อัตตาธิปไตย (ข้าฯ แน่แต่เพียงผู้เดียว) ธนาธิปไตย (ใช้เงินนำหน้าในทุกกรณี) ขโมยาธิปไตย (โกงจนเป็นสันดาน) ญาติกาธิปไตย (เพื่อประโยชน์ของครอบครัว ตัวเอง ญาติและพวกพ้อง) และประชานิยมาธิปไตย (ซื้อความจงรักภักดีและความพอใจด้วยนโยบายประชานิยมแบบเข้มข้น)
ในช่วงนี้ผู้ที่มีตาย่อมเห็นอาการของความแตกร้าวที่ทาสของ นช.ทักษิณ พยายามโหมกระพือให้ร้ายแรงยิ่งขึ้นกันอย่างทั่วถึงแล้ว ความแตกร้าวนี้ถ้ามีต่อไปจะทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงเป็นลูกโซ่ ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมือง จนในที่สุดเมืองไทยก็จะกลายเป็นสังคมที่ปกครองไม่ได้คล้ายเฮติ การคิดว่าสิ่งที่กล่าวมานี้เป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวยังผลให้พวกเราไม่ต่อต้านความสามานย์ของ นช.ทักษิณและทาสอย่างกว้างขวางย่อมไม่ต่างกับการขุดหลุมฝังตัวเอง ในอีกนัยหนึ่ง ความแตกร้าวซึ่งพวกเขาก่อขึ้นนี้จะมีค่าเท่ากับฟางเส้นสุดท้ายที่จะทำให้สังคมไทยเป็นเช่นเดียวกับเฮติ