โดย...ไสว บุญมา
ทองคำกำลังเป็นข่าวใหญ่รายวันเพราะราคาของมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นมันยังสร้างความเกรียวกราวเป็นครั้งคราวอีกด้วย เช่น เมื่อปลายปีที่แล้ว อินเดียซื้อทองคำจำนวน 200 ตันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมาเก็บไว้ในคลัง และเมื่อตอนต้นปีนี้ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงตามหาบัวได้ร่วมกันส่งมอบให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยอีก 450 กิโลกรัม
การส่งมอบล่าสุดนี้นับเป็นครั้งที่ 15 ซึ่งเมื่อรวมกับครั้งก่อนๆ แล้ว ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงตาได้มอบให้รัฐบาลไทยแล้วถึง 11 ตัน ตามราคาทองคำที่ซื้อขายกันในปัจจุบัน ทองคำจำนวน 11 ตันมีค่ากว่าหมื่นล้านบาทซึ่งนับว่ามากโข แต่แน่นอน มันยังไม่มากเท่ากับสินทรัพย์ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากส่วนที่ศาลกำลังพิจารณาว่าได้มาด้วยความฉ้อโกงหรือไม่ก็มีค่ากว่า 7.6 หมื่นล้านบาทเข้าไปแล้ว
ราคาที่เพิ่มขึ้นไปทำให้ผู้ที่ซื้อทองคำเก็บไว้เป็นเวลา 5 ปีมีความรู้สึกมั่งคั่งกันถ้วนหน้าเพราะค่าของมันเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าของเงินทุน แต่พวกเขาคงไม่เฉลียวใจเลยว่าความมั่งคั่งนั้นวางอยู่บนฐานของความเสียหายร้ายแรงซึ่งมักไม่ค่อยเป็นข่าวใหญ่ การนำเรื่องความเลวร้ายของทองคำมาเล่าวันนี้ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เราเห็นว่ามีค่านั้นอาจมีความเลวร้ายที่อาจมองไม่ค่อยเห็นแฝงอยู่ หรือถ้าจะพูดว่าทองคำอาจมีดอกผลที่คนจำนวนมากมองไม่เห็นเช่นเดียวกับความร่ำรวยของ นช.ทักษิณ ก็คงได้
ผู้สนใจในเรื่องราวของทองคำคงทราบแล้วว่า ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ได้แก่จีน แอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย รัสเซีย และเปรู เมื่อเร็วๆ นี้มีสำนักข่าวหลายแห่งส่งพนักงานไปดูการทำเหมืองทองคำที่เปรูและนำเรื่องราวมาเล่าไว้ในสื่อต่างๆ เนื้อเรื่องชี้ให้เห็นปัญหาของการทำเหมืองทองคำในเขตป่าอะเมซอนซึ่งผมเคยไปดูมาจึงรู้ว่ามันมีผลเสียหายร้ายแรงขนาดไหน ป่าอะเมซอนเป็นป่าดงดิบขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในเขตของประเทศบราซิลเป็นส่วนมาก นอกจากนั้นมันยังครอบคลุมไปถึงอีกหลายประเทศรวมทั้งเปรูและกายอานาอีกด้วย
รายงานการทำเหมืองทองคำในเปรูไม่ต่างกับการทำเหมืองทองคำที่ผมเห็นในกายอานายกเว้นมันมีขนาดใหญ่โตกว่าเท่านั้น นั่นหมายความว่าความเสียหายร้ายแรงที่ตามมาย่อมสูงกว่าในกายอานาด้วย ราคาของทองคำที่พุ่งขึ้นไปทำให้การขุดค้นหาทองคำและการทำเหมืองแพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว
การขุดค้นหาทองคำและการทำเหมืองดังกล่าวเป็นการทำที่ไม่มีใบอนุญาต และขาดการควบคุมของรัฐบาลและเป็นกิจการขนาดเล็กจำพวกร่อนทรายหาทองคำตามลำธารไปจนถึงการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ไถ ขุด เจาะพ่นน้ำและร่อนหาแร่ทอง พวกร่อนทรายไม่ต้องตัดต้นไม้หรือทำลายชายฝั่งของลำน้ำเพื่อค้นหาแร่ ฉะนั้นกิจการของพวกเขามักไม่มีผลกระทบทางลบในด้านการตัดไม้ทำลายป่า
อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการแยกละอองทองคำออกจากทราย พวกเขาใช้ปรอทผสมกับทรายเพื่อให้ละอองของทองเกาะปรอท หลังจากแยกปรอทออกจากทรายซึ่งทำได้ไม่ยากนัก พวกเขาก็จะเผาปรอทโดยการเอามันใส่ลงในภาชนะจำพวกกระทะแล้วนำขึ้นลนไฟ ปรอทจะระเหยไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งทองไว้ที่ก้นภาชนะ ผู้เผาปรอทมักสูดควันอันแสนจะเป็นอันตรายเข้าไปในปอด นอกจากนั้นในกระบวนการนี้มักมีปรอทตกหล่นอยู่ตามต้นน้ำ สารอันเป็นอันตรายสูงนั้นจะถูกสัตว์น้ำตัวเล็กๆ กินเข้าไปและเมื่อปลาใหญ่กว่ากินปลาเล็ก ปรอทก็จะเข้าไปอยู่ในวงจรอาหารซึ่งในที่สุดชาวบ้านที่กินปลาจะได้รับอันตราย
พวกที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่จะทำลายสิ่งแวดล้อมสูงมากเนื่องจากพวกเขาจะตัดต้นไม้ทำลายป่าดงดิบ ไถ ขุด เจาะพื้นดินและพ่นน้ำเข้าตามฝั่งลำธาร รายงานตามหนังสือพิมพ์มีรูปการพังทลายของพื้นดินประกอบและอ้างว่าถ้าอยากจะเห็น “แผลเป็น” ของการตัดต้นไม้พร้อมกับการทำลายสิ่งแวดล้อมจะต้องนั่งเครื่องบินขึ้นไปวนเวียนดูจึงจะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร
ย้อนไปเมื่อสมัยผมไปกายอานาบ่อยๆ ผมนั่งเครื่องบินไปวนดู “แผลเป็น” ดังกล่าวจึงนึกออกทันทีว่ามันน่าวิตกขนาดไหน นอกจากจะตัดต้นไม้จนเตียนโล่งหมดแล้ว การขุดดินเป็นสระเล็กใหญ่ยังก่อให้เกิดการพังทลายจนสายน้ำลำธารกลายเป็นสีโคลนยังผลให้ปลาตายอย่างกว้างขวางอีกด้วย นักขุดแร่พวกนี้มักใช้วิธีแยกทองด้วยการใช้ปรอทเช่นกัน ฉะนั้น พวกเขาสร้างความเสียหายเช่นเดียวกับพวกร่อนทรายในด้านการทิ้งปรอทไว้ในสิ่งแวดล้อม
นอกจากการทำเหมืองที่ไม่มีใบอนุญาตและขาดการควบคุมจะสร้างผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและทำอันตรายให้แก่ผู้กินปลาที่มีปรอทอยู่ในตัวแล้ว การทำเหมืองแร่ที่มีใบอนุญาตก็อาจทำอันตรายได้สูงด้วยเช่นกัน ในกรณีที่ผมเห็นในกายอานา ผู้ประกอบการเหมืองทองคำใช้กระบวนการแยกทองที่ต้องใช้ไซยาไนด์ซึ่งเป็นอันตรายสูงมากในตัวของมันเองอยู่แล้ว กระบวนการนั้นเกิดน้ำผสมไซยาไนด์เป็นผลพลอยได้จำนวนมาก แต่หากทิ้งน้ำนั้นไว้ในสระที่ปลอดภัย สารไซยาไนด์จะค่อยๆ ระเหยไปโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง
แต่ถ้าผู้ประกอบการมักง่ายและลักลอบปล่อยน้ำผสมไซยาไนด์ออกไปตามแม่น้ำลำคลอง อันตรายร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับสัตว์น้ำและคน หรือถ้าก้นของสระน้ำปูด้วยแผ่นพลาสติกที่ไม่หนาพอ เพียงไม่นานก้นสระนั้นก็จะรั่วยังผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงเช่นกัน
ผู้ประกอบการในกายอานาไม่ได้มักง่ายเช่นนั้น แต่การที่กายอานามีฝนตกหนักเป็นครั้งคราว เมื่อฝนตกหนักเกินความคาดหมาย น้ำในสระที่มีไซยาไนด์ผสมอยู่ก็ล้นออกมา หรือเขื่อนรอบสระอาจจะพังทลาย ปล่อยไซยาไนด์ออกไปจำนวนมาก เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในกายอานา และในปี 2543 โรมาเนียก็ประสบปัญหาในทำนองเดียวกันเมื่อสระดังกล่าวแตก น้ำผสมไซยาไนด์ที่ไหลออกไปตามแม่น้ำลำคลองทำให้ปลาตายไปราว 150 ตัน นอกจากนั้นแหล่งน้ำดื่มน้ำใช้ยังถูกทำลายไปจำนวนมากอีกด้วย
ทองคำทำประโยชน์ได้หลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ นั่นหมายความว่าการทำลายสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นโดยไม่มีความจำเป็น ข้อมูลบ่งว่ามนุษย์เรานำทองคำออกมาจากแหล่งธรรมชาติแล้วประมาณ 1.6 แสนตัน เราใช้ราว 12% ในอุตสาหกรรมจำพวกอิเล็กทรอนิกส์และในการทำฟันราว 78% ทำเครื่องประดับและ 10% เก็บไว้ในรูปของทองแท่งทั้งในคลังของรัฐบาลและเพื่อการเก็งกำไรของเอกชน
ในสมัยก่อนทองคำมีความสำคัญต่อระบบการเงินมากเนื่องจากรัฐบาลทั่วไปตรึงค่าเงินไว้กับทองคำ และใครก็ตามที่มีเงินจะซื้อทองคำจากรัฐบาลได้ด้วยราคาตามที่กำหนด ฉะนั้น รัฐบาลจะพิมพ์เงินออกมาได้ก็ต่อเมื่อมีทองคำเก็บไว้ในคลังเป็นหลักประกัน แต่ในสมัยนี้ไม่มีการทำเช่นนั้นอีกแล้ว ทองคำจำนวนมากที่รัฐบาลทั่วโลกเก็บไว้จึงไม่มีความจำเป็นอะไรทั้งสิ้น
นอกจากจะกระตุ้นให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว ราคาของทองคำที่พุ่งขึ้นไปยังอาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่เศรษฐกิจซึ่งเมื่อระเบิดออกมาจะทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงเช่นเดียวกับการระเบิดของฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเมื่อปี 2540 และในอเมริกาเมื่อปี 2550 นอจากนั้นราคาที่พุ่งขึ้นไปยังทำให้ผู้มีทองคำไว้ในครอบครองรู้สึกมั่งคั่ง ความรู้สึกนั้นมักนำไปสู่การใช้จ่ายแบบคึกคะนองซึ่งนำไปสู่การบริโภคแบบไร้เหตุผลอันเป็นการทำลายทรัพยากรและก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน
อีกด้านหนึ่งทองส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ทำเครื่องประดับซึ่งไม่ใช่การบริโภคที่มีความจำเป็นเช่นกัน ร้ายยิ่งกว่านั้นมันอาจสร้างอันตรายจากพวกวายร้ายที่คอยจ้องแย่งชิง ยิ่งกว่านั้น ยังมีการสร้างตลาดค้าทองคำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน รวมทั้งตลาดล่วงหน้าซึ่งล้วนไม่สร้างประโยชน์มากนักนอกจากเป็นแหล่งแสวงหารายได้ของนักเก็งกำไรเท่านั้น เมืองไทยจึงไม่ควรให้มีตลาดล่วงหน้าทองคำ แต่ก็มีจนได้
เมื่อรวมอันตรายและความเสียหายจากหลายด้านซึ่งทองคำทำให้เกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองทองคำจากด้านนี้บ้างพร้อมกับหาทางจำกัดราคาของมันโดยการเลิกใช้เครื่องประดับทำด้วยทองคำ และเลิกเก็บไว้ในรูปของทองแท่งเพื่อเก็งกำไรและในคลังของประเทศ นั่นจะเป็นการช่วยทะนุถนอมโลกใบนี้ให้มีโอกาสอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ทองคำกำลังเป็นข่าวใหญ่รายวันเพราะราคาของมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นมันยังสร้างความเกรียวกราวเป็นครั้งคราวอีกด้วย เช่น เมื่อปลายปีที่แล้ว อินเดียซื้อทองคำจำนวน 200 ตันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมาเก็บไว้ในคลัง และเมื่อตอนต้นปีนี้ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงตามหาบัวได้ร่วมกันส่งมอบให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยอีก 450 กิโลกรัม
การส่งมอบล่าสุดนี้นับเป็นครั้งที่ 15 ซึ่งเมื่อรวมกับครั้งก่อนๆ แล้ว ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงตาได้มอบให้รัฐบาลไทยแล้วถึง 11 ตัน ตามราคาทองคำที่ซื้อขายกันในปัจจุบัน ทองคำจำนวน 11 ตันมีค่ากว่าหมื่นล้านบาทซึ่งนับว่ามากโข แต่แน่นอน มันยังไม่มากเท่ากับสินทรัพย์ของ นช.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากส่วนที่ศาลกำลังพิจารณาว่าได้มาด้วยความฉ้อโกงหรือไม่ก็มีค่ากว่า 7.6 หมื่นล้านบาทเข้าไปแล้ว
ราคาที่เพิ่มขึ้นไปทำให้ผู้ที่ซื้อทองคำเก็บไว้เป็นเวลา 5 ปีมีความรู้สึกมั่งคั่งกันถ้วนหน้าเพราะค่าของมันเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าของเงินทุน แต่พวกเขาคงไม่เฉลียวใจเลยว่าความมั่งคั่งนั้นวางอยู่บนฐานของความเสียหายร้ายแรงซึ่งมักไม่ค่อยเป็นข่าวใหญ่ การนำเรื่องความเลวร้ายของทองคำมาเล่าวันนี้ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เราเห็นว่ามีค่านั้นอาจมีความเลวร้ายที่อาจมองไม่ค่อยเห็นแฝงอยู่ หรือถ้าจะพูดว่าทองคำอาจมีดอกผลที่คนจำนวนมากมองไม่เห็นเช่นเดียวกับความร่ำรวยของ นช.ทักษิณ ก็คงได้
ผู้สนใจในเรื่องราวของทองคำคงทราบแล้วว่า ผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ได้แก่จีน แอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย รัสเซีย และเปรู เมื่อเร็วๆ นี้มีสำนักข่าวหลายแห่งส่งพนักงานไปดูการทำเหมืองทองคำที่เปรูและนำเรื่องราวมาเล่าไว้ในสื่อต่างๆ เนื้อเรื่องชี้ให้เห็นปัญหาของการทำเหมืองทองคำในเขตป่าอะเมซอนซึ่งผมเคยไปดูมาจึงรู้ว่ามันมีผลเสียหายร้ายแรงขนาดไหน ป่าอะเมซอนเป็นป่าดงดิบขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในเขตของประเทศบราซิลเป็นส่วนมาก นอกจากนั้นมันยังครอบคลุมไปถึงอีกหลายประเทศรวมทั้งเปรูและกายอานาอีกด้วย
รายงานการทำเหมืองทองคำในเปรูไม่ต่างกับการทำเหมืองทองคำที่ผมเห็นในกายอานายกเว้นมันมีขนาดใหญ่โตกว่าเท่านั้น นั่นหมายความว่าความเสียหายร้ายแรงที่ตามมาย่อมสูงกว่าในกายอานาด้วย ราคาของทองคำที่พุ่งขึ้นไปทำให้การขุดค้นหาทองคำและการทำเหมืองแพร่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว
การขุดค้นหาทองคำและการทำเหมืองดังกล่าวเป็นการทำที่ไม่มีใบอนุญาต และขาดการควบคุมของรัฐบาลและเป็นกิจการขนาดเล็กจำพวกร่อนทรายหาทองคำตามลำธารไปจนถึงการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ไถ ขุด เจาะพ่นน้ำและร่อนหาแร่ทอง พวกร่อนทรายไม่ต้องตัดต้นไม้หรือทำลายชายฝั่งของลำน้ำเพื่อค้นหาแร่ ฉะนั้นกิจการของพวกเขามักไม่มีผลกระทบทางลบในด้านการตัดไม้ทำลายป่า
อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการแยกละอองทองคำออกจากทราย พวกเขาใช้ปรอทผสมกับทรายเพื่อให้ละอองของทองเกาะปรอท หลังจากแยกปรอทออกจากทรายซึ่งทำได้ไม่ยากนัก พวกเขาก็จะเผาปรอทโดยการเอามันใส่ลงในภาชนะจำพวกกระทะแล้วนำขึ้นลนไฟ ปรอทจะระเหยไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งทองไว้ที่ก้นภาชนะ ผู้เผาปรอทมักสูดควันอันแสนจะเป็นอันตรายเข้าไปในปอด นอกจากนั้นในกระบวนการนี้มักมีปรอทตกหล่นอยู่ตามต้นน้ำ สารอันเป็นอันตรายสูงนั้นจะถูกสัตว์น้ำตัวเล็กๆ กินเข้าไปและเมื่อปลาใหญ่กว่ากินปลาเล็ก ปรอทก็จะเข้าไปอยู่ในวงจรอาหารซึ่งในที่สุดชาวบ้านที่กินปลาจะได้รับอันตราย
พวกที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่จะทำลายสิ่งแวดล้อมสูงมากเนื่องจากพวกเขาจะตัดต้นไม้ทำลายป่าดงดิบ ไถ ขุด เจาะพื้นดินและพ่นน้ำเข้าตามฝั่งลำธาร รายงานตามหนังสือพิมพ์มีรูปการพังทลายของพื้นดินประกอบและอ้างว่าถ้าอยากจะเห็น “แผลเป็น” ของการตัดต้นไม้พร้อมกับการทำลายสิ่งแวดล้อมจะต้องนั่งเครื่องบินขึ้นไปวนเวียนดูจึงจะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร
ย้อนไปเมื่อสมัยผมไปกายอานาบ่อยๆ ผมนั่งเครื่องบินไปวนดู “แผลเป็น” ดังกล่าวจึงนึกออกทันทีว่ามันน่าวิตกขนาดไหน นอกจากจะตัดต้นไม้จนเตียนโล่งหมดแล้ว การขุดดินเป็นสระเล็กใหญ่ยังก่อให้เกิดการพังทลายจนสายน้ำลำธารกลายเป็นสีโคลนยังผลให้ปลาตายอย่างกว้างขวางอีกด้วย นักขุดแร่พวกนี้มักใช้วิธีแยกทองด้วยการใช้ปรอทเช่นกัน ฉะนั้น พวกเขาสร้างความเสียหายเช่นเดียวกับพวกร่อนทรายในด้านการทิ้งปรอทไว้ในสิ่งแวดล้อม
นอกจากการทำเหมืองที่ไม่มีใบอนุญาตและขาดการควบคุมจะสร้างผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและทำอันตรายให้แก่ผู้กินปลาที่มีปรอทอยู่ในตัวแล้ว การทำเหมืองแร่ที่มีใบอนุญาตก็อาจทำอันตรายได้สูงด้วยเช่นกัน ในกรณีที่ผมเห็นในกายอานา ผู้ประกอบการเหมืองทองคำใช้กระบวนการแยกทองที่ต้องใช้ไซยาไนด์ซึ่งเป็นอันตรายสูงมากในตัวของมันเองอยู่แล้ว กระบวนการนั้นเกิดน้ำผสมไซยาไนด์เป็นผลพลอยได้จำนวนมาก แต่หากทิ้งน้ำนั้นไว้ในสระที่ปลอดภัย สารไซยาไนด์จะค่อยๆ ระเหยไปโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง
แต่ถ้าผู้ประกอบการมักง่ายและลักลอบปล่อยน้ำผสมไซยาไนด์ออกไปตามแม่น้ำลำคลอง อันตรายร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับสัตว์น้ำและคน หรือถ้าก้นของสระน้ำปูด้วยแผ่นพลาสติกที่ไม่หนาพอ เพียงไม่นานก้นสระนั้นก็จะรั่วยังผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงเช่นกัน
ผู้ประกอบการในกายอานาไม่ได้มักง่ายเช่นนั้น แต่การที่กายอานามีฝนตกหนักเป็นครั้งคราว เมื่อฝนตกหนักเกินความคาดหมาย น้ำในสระที่มีไซยาไนด์ผสมอยู่ก็ล้นออกมา หรือเขื่อนรอบสระอาจจะพังทลาย ปล่อยไซยาไนด์ออกไปจำนวนมาก เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในกายอานา และในปี 2543 โรมาเนียก็ประสบปัญหาในทำนองเดียวกันเมื่อสระดังกล่าวแตก น้ำผสมไซยาไนด์ที่ไหลออกไปตามแม่น้ำลำคลองทำให้ปลาตายไปราว 150 ตัน นอกจากนั้นแหล่งน้ำดื่มน้ำใช้ยังถูกทำลายไปจำนวนมากอีกด้วย
ทองคำทำประโยชน์ได้หลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ นั่นหมายความว่าการทำลายสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นโดยไม่มีความจำเป็น ข้อมูลบ่งว่ามนุษย์เรานำทองคำออกมาจากแหล่งธรรมชาติแล้วประมาณ 1.6 แสนตัน เราใช้ราว 12% ในอุตสาหกรรมจำพวกอิเล็กทรอนิกส์และในการทำฟันราว 78% ทำเครื่องประดับและ 10% เก็บไว้ในรูปของทองแท่งทั้งในคลังของรัฐบาลและเพื่อการเก็งกำไรของเอกชน
ในสมัยก่อนทองคำมีความสำคัญต่อระบบการเงินมากเนื่องจากรัฐบาลทั่วไปตรึงค่าเงินไว้กับทองคำ และใครก็ตามที่มีเงินจะซื้อทองคำจากรัฐบาลได้ด้วยราคาตามที่กำหนด ฉะนั้น รัฐบาลจะพิมพ์เงินออกมาได้ก็ต่อเมื่อมีทองคำเก็บไว้ในคลังเป็นหลักประกัน แต่ในสมัยนี้ไม่มีการทำเช่นนั้นอีกแล้ว ทองคำจำนวนมากที่รัฐบาลทั่วโลกเก็บไว้จึงไม่มีความจำเป็นอะไรทั้งสิ้น
นอกจากจะกระตุ้นให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว ราคาของทองคำที่พุ่งขึ้นไปยังอาจทำให้เกิดภาวะฟองสบู่เศรษฐกิจซึ่งเมื่อระเบิดออกมาจะทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงเช่นเดียวกับการระเบิดของฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเมื่อปี 2540 และในอเมริกาเมื่อปี 2550 นอจากนั้นราคาที่พุ่งขึ้นไปยังทำให้ผู้มีทองคำไว้ในครอบครองรู้สึกมั่งคั่ง ความรู้สึกนั้นมักนำไปสู่การใช้จ่ายแบบคึกคะนองซึ่งนำไปสู่การบริโภคแบบไร้เหตุผลอันเป็นการทำลายทรัพยากรและก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน
อีกด้านหนึ่งทองส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ทำเครื่องประดับซึ่งไม่ใช่การบริโภคที่มีความจำเป็นเช่นกัน ร้ายยิ่งกว่านั้นมันอาจสร้างอันตรายจากพวกวายร้ายที่คอยจ้องแย่งชิง ยิ่งกว่านั้น ยังมีการสร้างตลาดค้าทองคำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน รวมทั้งตลาดล่วงหน้าซึ่งล้วนไม่สร้างประโยชน์มากนักนอกจากเป็นแหล่งแสวงหารายได้ของนักเก็งกำไรเท่านั้น เมืองไทยจึงไม่ควรให้มีตลาดล่วงหน้าทองคำ แต่ก็มีจนได้
เมื่อรวมอันตรายและความเสียหายจากหลายด้านซึ่งทองคำทำให้เกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมองทองคำจากด้านนี้บ้างพร้อมกับหาทางจำกัดราคาของมันโดยการเลิกใช้เครื่องประดับทำด้วยทองคำ และเลิกเก็บไว้ในรูปของทองแท่งเพื่อเก็งกำไรและในคลังของประเทศ นั่นจะเป็นการช่วยทะนุถนอมโลกใบนี้ให้มีโอกาสอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน