เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าทักษิณกำลังดำเนินกลยุทธ์สงครามสารสนเทศขั้นแตกหักกับรัฐบาลและกลุ่มต่อต้านเขา ทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุ่มปัญญาชนต่อต้านทักษิณ ที่ไม่สังกัดพรรคและกลุ่ม เพราะทักษิณไม่ลดราวาศอก ฟาดหางฟาดหัวอย่างเต็มพิกัดในห้วงครึ่งปีที่ผ่านมา เพราะสาเหตุหลายประการ เช่น กลุ่มปัญญาชนคนชั้นกลางที่ไม่เคยสนใจปัญหาทักษิณแต่เรื่องการก้าวล่วงพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พวกเขาให้ความสนใจและวิเคราะห์รายละเอียดคำสัมภาษณ์ของทักษิณที่ให้กับ TIMES ONLINE ซึ่งชัดเจนมากที่ทักษิณกล้าวิจารณ์ วิเคราะห์ ให้สื่อต่างชาติฟังและก้าวล่วงพระราชอำนาจเกี่ยวกับกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันติวงศ์ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดมีศักดิ์เท่ากับรัฐธรรมนูญ และเป็นพระราชอำนาจอันบริสุทธิ์และสมบูรณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ทำให้มีคนเกลียดเขามากขึ้น หรือการที่ทักษิณยอมเสียศักดิ์ศรีของอดีตผู้นำประเทศไปสวามิภักดิ์ต่อผู้นำประเทศเขมรที่มีความขัดแย้งหลายระดับกับอำนาจอธิปไตยของไทย
หรือประการสำคัญยิ่งที่ทักษิณยิ่งดิ้นสุดฤทธิ์ก็คือ กระบวนการยุติธรรมที่จะถึงวันพิพากษา ซึ่งทักษิณรู้ดีว่าพยานหลักฐานทางนิตินัยมัดตัวเขาแน่นหนา ว่าความร่ำรวยของเขาได้มาอย่างผิดกฎหมายและด้วยการใช้อำนาจรัฐตักตวงหรือคดโกงโดยตรงหรือทางอ้อม ซึ่งประชาชนชาวไทยที่รักความยุติธรรม ความชอบธรรม และความซื่อสัตย์สุจริตก็จะได้รับฟังกลโกงของทักษิณอีกวาระหนึ่ง แต่ครั้งนี้คงไม่เหมือนคดีซุกหุ้นที่หลายคนเห็นใจเพราะครั้งนี้ทุกคนคงสมน้ำหน้าเขาที่เงินจะถูกยึดและติดตารางเพิ่มขึ้น
สงครามสารสนเทศ คือ การบริหารจัดการใช้ข้อมูลข่าวสารที่จะเอาชนะศัตรู โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบิดเบือนข้อมูล การทำให้ข้อมูลไม่สมบูรณ์ การโฆษณาชวนเชื่อ การอ้างข้อมูลเท็จ การทำลายชื่อเสียงของศัตรู หรือการใช้ข้อมูลทำลายขวัญมวลชน เช่น การปล่อยข่าวหุ้น ธนาคารหมดเงิน เป็นต้น และการสงครามทุกกรณีต้องใช้เงิน จึงเห็นได้จากการที่ทั้งทหารโดยเฉพาะเพื่อนรุ่นที่เสียอำนาจ นักการเมืองทั้งเก่า ใหม่ หนุ่มและแก่ถูกซื้อไปเข้าค่ายทักษิณหลายคนเพื่อสร้างกระแสมวลชนและขู่ศัตรูการเมือง
โดยธรรมชาติแล้วสงครามสารสนเทศจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสงครามจิตวิทยา ดังนั้น การสร้างข้อมูลเท็จ การสร้างเรื่องไร้สาระที่เอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายตนและทำลายฝ่ายศัตรู ในทางทหารแล้วสงครามสารสนเทศ จะเกี่ยวข้องการทำลาย การแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารผ่านระบบสื่อผสม ที่ปัจจุบันอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เรียกว่า ไซเบอร์สเปซ หรือการครอบครองอาณาจักรกระแสคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งมวลด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ระบบส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และการใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และการควบคุมธรรมชาติของพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้กลยุทธ์ไซเบอร์สเปซ จะมีขอบเขตในการควบคุมระบบสัญญาณที่ไวต่อคลื่นไฟฟ้า แสง และอุณหภูมิ อุปกรณ์การเชื่อมสัญญาณคลื่น การส่งสัญญาณ ขบวนการส่งสัญญาณ และการควบคุมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ในสงครามสารสนเทศนี้ ทักษิณได้ใช้ระบบไซเบอร์สเปซอย่างเต็มพิกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้อาวุธไซเบอร์ในการสร้างพลังมวลชนคนเสื้อแดงด้วยการโฟนอิน การส่งข้อมูลผ่านระบบ SMS ที่เจาะใจสาวกและผู้ตามของเขา และทักษิณ ใช้ระบบสงครามสารสนเทศด้วยอาวุธไซเบอร์สเปซ สั่งการให้สาวกและผู้ตาม ปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งข้อความสั้นๆ แต่เกิดผล เช่น กรณีสงกรานต์เดือด พ.ศ. 2552 ที่ทักษิณหวังจะให้เกิดจลาจล จนพัฒนาเป็นสงครามกลางเมืองในกรุงเทพมหานคร แล้วทักษิณ หวังจะใช้มวลชนและสถานการณ์ยึดอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีระบบอาวุธไซเบอร์สเปซ สร้างความชอบธรรมภายในราชอาณาจักรและสากล ว่าเขาคือผู้นำที่มวลชนต้องการ แต่แผนยุทธศาสตร์ชั่วนั้นล้มเหลว
ทำให้ทักษิณต้องสถาปนายุทธศาสตร์ขั้นแตกหักใหม่ด้วยการสวามิภักดิ์กับฮุนเซน นายกรัฐมนตรีเขมร ด้วยหวังขยายผลและเพิ่มความเข้มข้นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับเขมร จนอาจเกิดสงครามการเมืองขั้นแตกหัก และมีการปิดพรมแดน มีการเพิ่มกำลังทหารของทั้งสองฝ่าย และในที่สุดทหารฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจหมดความอดทนและมีการปะทะกันเป็นสงครามย่อยชายแดน ซึ่งอาจพัฒนาให้เหมือนกับกรณี “บ้านร่มเกล้า” สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเป็น ผบ.ทบ.
และเมื่อขยายผลหรือพัฒนาในระดับบ้านร่มเกล้าแล้ว และกำลังทางอากาศอาจถูกสั่งปฏิบัติการ เมื่อนั้นทั้งทักษิณ และฮุนเซน ก็จะใช้เวทีโลกประณามรัฐบาลไทย ทักษิณและพวกที่จัดตั้งไว้แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพ่อค้าชายแดน และแนวร่วมที่เสียประโยชน์ก็จะกลายเป็นทัพหน้าถล่มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนต้องยุบสภา หรืออีกสถานการณ์หนึ่งก็คือการยึดอำนาจรัฐโดยตรงด้วยการใช้กำลังปวงชนคนเสื้อแดงของทักษิณ
แต่เหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นตามขั้นตอนที่ทักษิณคาดหวัง เพราะรัฐบาลนี้ใช้ยุทธศาสตร์บันไดทีละขั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ได้ปิดพรมแดน ทั้งๆ ที่การปิดพรมแดนนั้นไทยได้เปรียบ เนื่องจากสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนเขมรบริเวณชายแดนและใกล้เคียงต้องนำเข้าจากไทย และรายได้จากการค้านั้นไม่มากมาย ซึ่งรัฐบาลสามารถที่จะชดใช้ความเสียหายให้กับบรรดาพ่อค้าขายปลีกได้
เมื่อไม่เกิดแรงกระแทกของสงครามสารสนเทศและสงครามการเมือง ทำให้อีกหนึ่งบทของสงครามอัตตาคติของทักษิณล้มเหลว เพราะแผนบ้องตื้นนี้แม้คนที่ไม่ได้ศึกษาศิลปะการทำสงครามก็สามารถเข้าใจในเจตนารมณ์ของทักษิณได้ แม้กระทั่งการร่วมมือกันระหว่างทักษิณกับฮุนเซนสร้างสถานการณ์จับคนไทยชื่อ นายศิวลักษณ์ โชติพงษ์ อายุ 31 ปี ทำงานเป็นวิศวกรบริษัทกัมพูชา แอร์ แทรฟฟิค เซอร์วิส ในข้อหาจารกรรมเมื่อวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องน่าละอายมาก
ข้อหาจารกรรมตามปกติแล้วมีโทษรุนแรงมากถึงขั้นประหารชีวิต โดยเฉพาะในเวลาสงคราม เช่น มาตา ฮารี (Mata Hari) นักเริงระบำปลุกใจเสือป่า และเป็นจารสตรีชาวดัตช์ ที่สืบข่าวให้ฝ่ายเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกจับได้และถูกยิงเป้า
หลังจากการสมรสล้มเหลว มาตา ฮารี ยึดถืออาชีพสร้างความรื่นรมย์ด้วยการเริงระบำแบบอินเดียให้กับนักการเมือง นักการทูต และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ผู้ซึ่งพร้อมที่จะจ่ายให้เพียงขอได้อยู่กับเธอ แต่ในที่สุดเธอถูกตำรวจลับฝรั่งเศสที่เฝ้าติดตามเธอจับกุม เพราะกองทัพพันธมิตรประสบความพ่ายแพ้ต่อเนื่อง และศาลทหารตัดสินประหารชีวิตเธอในวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1917
แต่กรณี นายศิวลักษณ์ นั้น อาจจะเป็นเหมือนกรณี ลี ออสวอลด์ ที่มีตำนานเล่าขานว่าเขาเป็นเครื่องมือหนึ่งในขบวนการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 โดยมีผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ ลี ออสวอลด์ เหมาะที่จะเป็นเครื่องมือ เพราะเป็นอดีตนาวิกโยธิน ชนะเลิศการยิงปืนไรเฟิล สนับสนุนคาสโตรแห่งคิวบา มีอารมณ์เพี้ยน ตกงาน เคยไปรัสเซียแต่ไม่มีอุดมการณ์การเมืองที่ชัดเจน โดยในวันนั้น ลี ออสวอลด์ ถูกว่าจ้างให้แจกใบปลิวสนับสนุนคาสโตรที่เมืองดัลลัสในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่ขบวนรถของอดีตประธานาธิบดีเคนเนดี้จะผ่าน เมือง ลี ออสวอลด์ ถูกใช้ให้ไปเอาเอกสารในอาคารและในชั้นที่มีอาวุธปืนที่ใช้ยิงแล้วพร้อมปลอกกระสุนตกอยู่ ทำให้ ลี ออสวอลด์ เป็นผู้ต้องหาทันที แต่สองวันต่อมา ลี ออสวอลด์ ถูก แจ็ค รูบี้ มาเฟียท้องถิ่นยิงตาย ด้วยมูลเหตุที่ แจ็ค รูบี้ บอกว่า รัก และเทิดทูนเคนเนดี้มาก แต่ต่อมาไม่นานแจ็ค รูบี้ ก็ถูกวางยาพิษภายในคุก
เทคนิคการสร้างแพะนั้น เป็นเรื่องหมูๆ ที่นักยุทธศาสตร์ระดับประถมก็มักจะใช้ และน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนเมื่อ พล.อ.ชวลิต เสนอหน้าเจรจาช่วยเหลือ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองตรงต่อพรรคเพื่อไทย
แต่ข้อหาจารกรรมเพราะต้องการตารางเวลาบินเครื่องบินส่วนตัวของทักษิณนั้น เป็นเรื่องไร้สาระและไม่ใช่เรื่องยากที่รัฐบาลจะหาข้อมูลนี้ เพราะบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด หรือหน่วยข่าวกรองใดๆ ของรัฐบาล หรือแม้กระทั่งนักเล่นวิทยุสมัครเล่น ก็สามารถฟังการรายงานของเครื่องบินในห้วงอากาศเหนือประเทศไทยและบริเวณใกล้เคียงได้หรือใครก็ได้ที่มีเครื่องวิทยุกำลังรับสูงๆ ก็ดักฟังได้หรือรัฐบาลต้องการรู้จริงๆ ก็ใช้นักแฮกเข้าไปในแผนการบินของเครื่องบินทุกเครื่องที่จะมาลงที่กรุงพนมเปญได้ไม่ยากนัก เพราะคลื่นความถี่และแผนการบินการจราจรทางอากาศไม่ใช่ความลับ
ใครก็ได้ที่มีความสามารถทางคอมพิวเตอร์ก็แฮกเข้าดูข้อมูลของเครื่องบินทั้งหมดได้ แล้วสกัดเอาสายการบินตามตารางออก ก็จะเหลือเครื่องบินเช่าเหมาลำซึ่งมีรหัสเรียกขานเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว เครื่องบินทหารก็มีรหัสพิเศษ และเครื่องบินเอกชนในน่านฟ้าอาเซียนที่บินมาจากดูไบ ก็จะรู้ว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัวของทักษิณยกเว้นว่าทักษิณมีเครื่องบินเช่าหลายลำแล้วใช้กลลวงแบบแอร์ฟอร์ซวันของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีประมาณ 4 ลำเป็นกลลวงไม่มีใครรู้ว่าเครื่องไหนเป็นพาหนะประธานาธิบดียกเว้นเจ้าหน้าที่ รปภ.ลับ
การใช้บทแพะรับบาปนั้นจึงเป็นเรื่องน่าอายมากและหลักการของทักษิณ ในสงครามสารสนเทศ ผ่านระบบไซเบอร์สเปซ และบริบทแห่งการกล่าวร้าย มีลักษณะเหมือนพฤติกรรมของพรรคนาซี ที่ค่อยๆ สร้างอำนาจในเยอรมนีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หลักการที่เหมือนกันระหว่างฮิตเลอร์กับทักษิณ คือ พวกเดียวกันเป็นหนึ่ง รัฐบาลเดียว และผู้นำคนเดียว ที่ ดร.พอล โจเซฟ เกลเบลส์ ใช้เป็นวลีหาเสียงในปี 1933 เป็นเผด็จการแฝง
nidd_riddhagni@gmail.com
พวกเขาให้ความสนใจและวิเคราะห์รายละเอียดคำสัมภาษณ์ของทักษิณที่ให้กับ TIMES ONLINE ซึ่งชัดเจนมากที่ทักษิณกล้าวิจารณ์ วิเคราะห์ ให้สื่อต่างชาติฟังและก้าวล่วงพระราชอำนาจเกี่ยวกับกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันติวงศ์ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดมีศักดิ์เท่ากับรัฐธรรมนูญ และเป็นพระราชอำนาจอันบริสุทธิ์และสมบูรณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ทำให้มีคนเกลียดเขามากขึ้น หรือการที่ทักษิณยอมเสียศักดิ์ศรีของอดีตผู้นำประเทศไปสวามิภักดิ์ต่อผู้นำประเทศเขมรที่มีความขัดแย้งหลายระดับกับอำนาจอธิปไตยของไทย
หรือประการสำคัญยิ่งที่ทักษิณยิ่งดิ้นสุดฤทธิ์ก็คือ กระบวนการยุติธรรมที่จะถึงวันพิพากษา ซึ่งทักษิณรู้ดีว่าพยานหลักฐานทางนิตินัยมัดตัวเขาแน่นหนา ว่าความร่ำรวยของเขาได้มาอย่างผิดกฎหมายและด้วยการใช้อำนาจรัฐตักตวงหรือคดโกงโดยตรงหรือทางอ้อม ซึ่งประชาชนชาวไทยที่รักความยุติธรรม ความชอบธรรม และความซื่อสัตย์สุจริตก็จะได้รับฟังกลโกงของทักษิณอีกวาระหนึ่ง แต่ครั้งนี้คงไม่เหมือนคดีซุกหุ้นที่หลายคนเห็นใจเพราะครั้งนี้ทุกคนคงสมน้ำหน้าเขาที่เงินจะถูกยึดและติดตารางเพิ่มขึ้น
สงครามสารสนเทศ คือ การบริหารจัดการใช้ข้อมูลข่าวสารที่จะเอาชนะศัตรู โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบิดเบือนข้อมูล การทำให้ข้อมูลไม่สมบูรณ์ การโฆษณาชวนเชื่อ การอ้างข้อมูลเท็จ การทำลายชื่อเสียงของศัตรู หรือการใช้ข้อมูลทำลายขวัญมวลชน เช่น การปล่อยข่าวหุ้น ธนาคารหมดเงิน เป็นต้น และการสงครามทุกกรณีต้องใช้เงิน จึงเห็นได้จากการที่ทั้งทหารโดยเฉพาะเพื่อนรุ่นที่เสียอำนาจ นักการเมืองทั้งเก่า ใหม่ หนุ่มและแก่ถูกซื้อไปเข้าค่ายทักษิณหลายคนเพื่อสร้างกระแสมวลชนและขู่ศัตรูการเมือง
โดยธรรมชาติแล้วสงครามสารสนเทศจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสงครามจิตวิทยา ดังนั้น การสร้างข้อมูลเท็จ การสร้างเรื่องไร้สาระที่เอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายตนและทำลายฝ่ายศัตรู ในทางทหารแล้วสงครามสารสนเทศ จะเกี่ยวข้องการทำลาย การแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารผ่านระบบสื่อผสม ที่ปัจจุบันอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เรียกว่า ไซเบอร์สเปซ หรือการครอบครองอาณาจักรกระแสคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งมวลด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ระบบส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และการใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และการควบคุมธรรมชาติของพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้กลยุทธ์ไซเบอร์สเปซ จะมีขอบเขตในการควบคุมระบบสัญญาณที่ไวต่อคลื่นไฟฟ้า แสง และอุณหภูมิ อุปกรณ์การเชื่อมสัญญาณคลื่น การส่งสัญญาณ ขบวนการส่งสัญญาณ และการควบคุมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ในสงครามสารสนเทศนี้ ทักษิณได้ใช้ระบบไซเบอร์สเปซอย่างเต็มพิกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้อาวุธไซเบอร์ในการสร้างพลังมวลชนคนเสื้อแดงด้วยการโฟนอิน การส่งข้อมูลผ่านระบบ SMS ที่เจาะใจสาวกและผู้ตามของเขา และทักษิณ ใช้ระบบสงครามสารสนเทศด้วยอาวุธไซเบอร์สเปซ สั่งการให้สาวกและผู้ตาม ปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งข้อความสั้นๆ แต่เกิดผล เช่น กรณีสงกรานต์เดือด พ.ศ. 2552 ที่ทักษิณหวังจะให้เกิดจลาจล จนพัฒนาเป็นสงครามกลางเมืองในกรุงเทพมหานคร แล้วทักษิณ หวังจะใช้มวลชนและสถานการณ์ยึดอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีระบบอาวุธไซเบอร์สเปซ สร้างความชอบธรรมภายในราชอาณาจักรและสากล ว่าเขาคือผู้นำที่มวลชนต้องการ แต่แผนยุทธศาสตร์ชั่วนั้นล้มเหลว
ทำให้ทักษิณต้องสถาปนายุทธศาสตร์ขั้นแตกหักใหม่ด้วยการสวามิภักดิ์กับฮุนเซน นายกรัฐมนตรีเขมร ด้วยหวังขยายผลและเพิ่มความเข้มข้นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับเขมร จนอาจเกิดสงครามการเมืองขั้นแตกหัก และมีการปิดพรมแดน มีการเพิ่มกำลังทหารของทั้งสองฝ่าย และในที่สุดทหารฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจหมดความอดทนและมีการปะทะกันเป็นสงครามย่อยชายแดน ซึ่งอาจพัฒนาให้เหมือนกับกรณี “บ้านร่มเกล้า” สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเป็น ผบ.ทบ.
และเมื่อขยายผลหรือพัฒนาในระดับบ้านร่มเกล้าแล้ว และกำลังทางอากาศอาจถูกสั่งปฏิบัติการ เมื่อนั้นทั้งทักษิณ และฮุนเซน ก็จะใช้เวทีโลกประณามรัฐบาลไทย ทักษิณและพวกที่จัดตั้งไว้แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพ่อค้าชายแดน และแนวร่วมที่เสียประโยชน์ก็จะกลายเป็นทัพหน้าถล่มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนต้องยุบสภา หรืออีกสถานการณ์หนึ่งก็คือการยึดอำนาจรัฐโดยตรงด้วยการใช้กำลังปวงชนคนเสื้อแดงของทักษิณ
แต่เหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นตามขั้นตอนที่ทักษิณคาดหวัง เพราะรัฐบาลนี้ใช้ยุทธศาสตร์บันไดทีละขั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ได้ปิดพรมแดน ทั้งๆ ที่การปิดพรมแดนนั้นไทยได้เปรียบ เนื่องจากสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนเขมรบริเวณชายแดนและใกล้เคียงต้องนำเข้าจากไทย และรายได้จากการค้านั้นไม่มากมาย ซึ่งรัฐบาลสามารถที่จะชดใช้ความเสียหายให้กับบรรดาพ่อค้าขายปลีกได้
เมื่อไม่เกิดแรงกระแทกของสงครามสารสนเทศและสงครามการเมือง ทำให้อีกหนึ่งบทของสงครามอัตตาคติของทักษิณล้มเหลว เพราะแผนบ้องตื้นนี้แม้คนที่ไม่ได้ศึกษาศิลปะการทำสงครามก็สามารถเข้าใจในเจตนารมณ์ของทักษิณได้ แม้กระทั่งการร่วมมือกันระหว่างทักษิณกับฮุนเซนสร้างสถานการณ์จับคนไทยชื่อ นายศิวลักษณ์ โชติพงษ์ อายุ 31 ปี ทำงานเป็นวิศวกรบริษัทกัมพูชา แอร์ แทรฟฟิค เซอร์วิส ในข้อหาจารกรรมเมื่อวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องน่าละอายมาก
ข้อหาจารกรรมตามปกติแล้วมีโทษรุนแรงมากถึงขั้นประหารชีวิต โดยเฉพาะในเวลาสงคราม เช่น มาตา ฮารี (Mata Hari) นักเริงระบำปลุกใจเสือป่า และเป็นจารสตรีชาวดัตช์ ที่สืบข่าวให้ฝ่ายเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกจับได้และถูกยิงเป้า
หลังจากการสมรสล้มเหลว มาตา ฮารี ยึดถืออาชีพสร้างความรื่นรมย์ด้วยการเริงระบำแบบอินเดียให้กับนักการเมือง นักการทูต และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ผู้ซึ่งพร้อมที่จะจ่ายให้เพียงขอได้อยู่กับเธอ แต่ในที่สุดเธอถูกตำรวจลับฝรั่งเศสที่เฝ้าติดตามเธอจับกุม เพราะกองทัพพันธมิตรประสบความพ่ายแพ้ต่อเนื่อง และศาลทหารตัดสินประหารชีวิตเธอในวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1917
แต่กรณี นายศิวลักษณ์ นั้น อาจจะเป็นเหมือนกรณี ลี ออสวอลด์ ที่มีตำนานเล่าขานว่าเขาเป็นเครื่องมือหนึ่งในขบวนการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 โดยมีผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ ลี ออสวอลด์ เหมาะที่จะเป็นเครื่องมือ เพราะเป็นอดีตนาวิกโยธิน ชนะเลิศการยิงปืนไรเฟิล สนับสนุนคาสโตรแห่งคิวบา มีอารมณ์เพี้ยน ตกงาน เคยไปรัสเซียแต่ไม่มีอุดมการณ์การเมืองที่ชัดเจน โดยในวันนั้น ลี ออสวอลด์ ถูกว่าจ้างให้แจกใบปลิวสนับสนุนคาสโตรที่เมืองดัลลัสในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่ขบวนรถของอดีตประธานาธิบดีเคนเนดี้จะผ่าน เมือง ลี ออสวอลด์ ถูกใช้ให้ไปเอาเอกสารในอาคารและในชั้นที่มีอาวุธปืนที่ใช้ยิงแล้วพร้อมปลอกกระสุนตกอยู่ ทำให้ ลี ออสวอลด์ เป็นผู้ต้องหาทันที แต่สองวันต่อมา ลี ออสวอลด์ ถูก แจ็ค รูบี้ มาเฟียท้องถิ่นยิงตาย ด้วยมูลเหตุที่ แจ็ค รูบี้ บอกว่า รัก และเทิดทูนเคนเนดี้มาก แต่ต่อมาไม่นานแจ็ค รูบี้ ก็ถูกวางยาพิษภายในคุก
เทคนิคการสร้างแพะนั้น เป็นเรื่องหมูๆ ที่นักยุทธศาสตร์ระดับประถมก็มักจะใช้ และน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนเมื่อ พล.อ.ชวลิต เสนอหน้าเจรจาช่วยเหลือ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองตรงต่อพรรคเพื่อไทย
แต่ข้อหาจารกรรมเพราะต้องการตารางเวลาบินเครื่องบินส่วนตัวของทักษิณนั้น เป็นเรื่องไร้สาระและไม่ใช่เรื่องยากที่รัฐบาลจะหาข้อมูลนี้ เพราะบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด หรือหน่วยข่าวกรองใดๆ ของรัฐบาล หรือแม้กระทั่งนักเล่นวิทยุสมัครเล่น ก็สามารถฟังการรายงานของเครื่องบินในห้วงอากาศเหนือประเทศไทยและบริเวณใกล้เคียงได้หรือใครก็ได้ที่มีเครื่องวิทยุกำลังรับสูงๆ ก็ดักฟังได้หรือรัฐบาลต้องการรู้จริงๆ ก็ใช้นักแฮกเข้าไปในแผนการบินของเครื่องบินทุกเครื่องที่จะมาลงที่กรุงพนมเปญได้ไม่ยากนัก เพราะคลื่นความถี่และแผนการบินการจราจรทางอากาศไม่ใช่ความลับ
ใครก็ได้ที่มีความสามารถทางคอมพิวเตอร์ก็แฮกเข้าดูข้อมูลของเครื่องบินทั้งหมดได้ แล้วสกัดเอาสายการบินตามตารางออก ก็จะเหลือเครื่องบินเช่าเหมาลำซึ่งมีรหัสเรียกขานเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว เครื่องบินทหารก็มีรหัสพิเศษ และเครื่องบินเอกชนในน่านฟ้าอาเซียนที่บินมาจากดูไบ ก็จะรู้ว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัวของทักษิณยกเว้นว่าทักษิณมีเครื่องบินเช่าหลายลำแล้วใช้กลลวงแบบแอร์ฟอร์ซวันของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีประมาณ 4 ลำเป็นกลลวงไม่มีใครรู้ว่าเครื่องไหนเป็นพาหนะประธานาธิบดียกเว้นเจ้าหน้าที่ รปภ.ลับ
การใช้บทแพะรับบาปนั้นจึงเป็นเรื่องน่าอายมากและหลักการของทักษิณ ในสงครามสารสนเทศ ผ่านระบบไซเบอร์สเปซ และบริบทแห่งการกล่าวร้าย มีลักษณะเหมือนพฤติกรรมของพรรคนาซี ที่ค่อยๆ สร้างอำนาจในเยอรมนีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หลักการที่เหมือนกันระหว่างฮิตเลอร์กับทักษิณ คือ พวกเดียวกันเป็นหนึ่ง รัฐบาลเดียว และผู้นำคนเดียว ที่ ดร.พอล โจเซฟ เกลเบลส์ ใช้เป็นวลีหาเสียงในปี 1933 เป็นเผด็จการแฝง
nidd_riddhagni@gmail.com