นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผย ความคืบหน้าในการพิจารณาคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทและเงินกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวน 29 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ที่อาจนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ว่า ขณะนี้คณะทำงานที่นายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตั้งขึ้นได้ประชุมกันอย่างต่อเนื่อง เท่าที่รับราบงานเบื้องต้นภายในเดือนก.พ.นี้คงไม่สามารถ พิจารณาได้แล้วเสร็จ แต่จะเร่งรัดในการดำเนินการให้เร็วที่สุด เนื่องจากเรื่องดังกล่าว ตนดูแล้วคิดว่าเรื่องจะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจะต้องสืบหาพยานหลักฐานเอกสารข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ต้องพร้อมที่จะให้ศาลวินิจฉัยได้เลย และขณะนี้มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินต้องดำเนินการตรวจสอบกับธนาคาร แต่การดำเนินการตามอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองนั้น ไม่ทราบว่าจะสอบถามไปยังธนาคารโดยตรงได้หรือไม่ เพราะว่านายทะเบียนไม่มีอำนาจเหมือน กกต.
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวของ กกต. พิจรณาเรื่องดังกล่าว ไม่รอบคอบใช่หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ตนอยากให้ดูหนังสือที่ทางดีเอสไอส่งมา ไม่ได้มีอะไรชัดเจนเลยว่า ใครทำผิดอย่างไร ประกอบกับเรื่องการตรวจสอบการทำงาน ของผู้บริหารของบริษัท ทีพีไอ โฟลีนฯ ที่เกี่ยวกับการยักยอกเงิน ดีเอสก็ยังตรวจสอบ ไม่เสร็จสิ้น ทั้งที่จริงเรื่องนี้ทางดีเอสไอน่าจะส่งศาลได้แล้ว แต่เเห็นเรื่องเงียบไป และยังไม่ได้สรุปว่ามีการยักยอกเงิน 258 ล้านจริงหรือไม่
ขอให้เห็นใจนายทะเบียนบ้าง ผมพึ่งได้รับสำนวนมาดู เพียง2 เดือนและเมื่อรับมาทำในฐานะนายทะเบียนก็ตั้งใจจะทำให้รอบคอบและเร็วที่สุด ดังนั้น ขอเวลาให้กับนายทะเบียนได้ศึกษาข้อเท็จจริง ยืนยันว่า การดำเนินการของผมจะเป็นมาตรฐานเดียว เมื่อเสร็จแล้วจะทำคำวินิจฉัยออกไป ส่วนคนจะมองว่าผมมี 2 มาตรฐานหรือหลายมาตรฐานก็เป็นเรื่องที่วิจารณ์กันได้ เพราะแม้แต่ศาลเองก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์กัน ผมไม่ได้โต้แย้ง แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายนายอภิชาติ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามการที่ตนเองลงมติครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการชี้นำ กกต. คนอื่นเหมือนอย่างที่มีคนพูดกัน เพราะตนไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชา และกกต. มีศักดิ์เท่าเทียมกันหมด
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ผ่านมา นายอภิชาต ได้แจ้งให้ที่ประชุม กกต.ทราบเป็นระยะ แต่ไม่ได้ลงลึกรายละเอียด เพราะอยู่ขั้นตอนการสอบสวน และรวบรวมข้อมูลอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้สำนวนดังกล่าวมีความชัดเจนภายในเดือนก.พ.นี้ เพราะไม่อยากให้มีการยืดเยื้อให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ส่วนการที่แกนนำเสื้อแดงระบุว่าการพิจารณาเงิน 258 ล้าน จะตัดสินยกคำร้องเพื่อเข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนไม่สามารถเร่งให้ประธาน กกต. ชี้ชัดกรณีดังกล่าวได้ เพราะอำนาจอยู่ที่นายทะเบียนพรรคการเมือง เชื่อว่าประชาชนเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนอยู่
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าขณะนี้ตนสนใจ เรื่องที่นายอภิชาต ส่งสัญญาณส่งคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ตนสนใจอันนั้นมากกว่า ตอนนี้บ้านเมืองกำลังสับสนวุ่นวาย เอาแก่นสารอะไรไม่ได้ ทำใจให้หนักแน่น เอาประเทศชาติไว้ก่อน ส่วนรัฐสภาก็ว่าเรื่องรัฐธรรมนูญกันไป และศาลฎีกาจะพิจารณาคดียึดทรัพย์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็พิจารณากันไป อย่าเอาเรื่องทั้งหมดมาผูกโยงกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวของ กกต. พิจรณาเรื่องดังกล่าว ไม่รอบคอบใช่หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ตนอยากให้ดูหนังสือที่ทางดีเอสไอส่งมา ไม่ได้มีอะไรชัดเจนเลยว่า ใครทำผิดอย่างไร ประกอบกับเรื่องการตรวจสอบการทำงาน ของผู้บริหารของบริษัท ทีพีไอ โฟลีนฯ ที่เกี่ยวกับการยักยอกเงิน ดีเอสก็ยังตรวจสอบ ไม่เสร็จสิ้น ทั้งที่จริงเรื่องนี้ทางดีเอสไอน่าจะส่งศาลได้แล้ว แต่เเห็นเรื่องเงียบไป และยังไม่ได้สรุปว่ามีการยักยอกเงิน 258 ล้านจริงหรือไม่
ขอให้เห็นใจนายทะเบียนบ้าง ผมพึ่งได้รับสำนวนมาดู เพียง2 เดือนและเมื่อรับมาทำในฐานะนายทะเบียนก็ตั้งใจจะทำให้รอบคอบและเร็วที่สุด ดังนั้น ขอเวลาให้กับนายทะเบียนได้ศึกษาข้อเท็จจริง ยืนยันว่า การดำเนินการของผมจะเป็นมาตรฐานเดียว เมื่อเสร็จแล้วจะทำคำวินิจฉัยออกไป ส่วนคนจะมองว่าผมมี 2 มาตรฐานหรือหลายมาตรฐานก็เป็นเรื่องที่วิจารณ์กันได้ เพราะแม้แต่ศาลเองก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์กัน ผมไม่ได้โต้แย้ง แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายนายอภิชาติ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามการที่ตนเองลงมติครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการชี้นำ กกต. คนอื่นเหมือนอย่างที่มีคนพูดกัน เพราะตนไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชา และกกต. มีศักดิ์เท่าเทียมกันหมด
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ผ่านมา นายอภิชาต ได้แจ้งให้ที่ประชุม กกต.ทราบเป็นระยะ แต่ไม่ได้ลงลึกรายละเอียด เพราะอยู่ขั้นตอนการสอบสวน และรวบรวมข้อมูลอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้สำนวนดังกล่าวมีความชัดเจนภายในเดือนก.พ.นี้ เพราะไม่อยากให้มีการยืดเยื้อให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ส่วนการที่แกนนำเสื้อแดงระบุว่าการพิจารณาเงิน 258 ล้าน จะตัดสินยกคำร้องเพื่อเข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนไม่สามารถเร่งให้ประธาน กกต. ชี้ชัดกรณีดังกล่าวได้ เพราะอำนาจอยู่ที่นายทะเบียนพรรคการเมือง เชื่อว่าประชาชนเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนอยู่
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าขณะนี้ตนสนใจ เรื่องที่นายอภิชาต ส่งสัญญาณส่งคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ตนสนใจอันนั้นมากกว่า ตอนนี้บ้านเมืองกำลังสับสนวุ่นวาย เอาแก่นสารอะไรไม่ได้ ทำใจให้หนักแน่น เอาประเทศชาติไว้ก่อน ส่วนรัฐสภาก็ว่าเรื่องรัฐธรรมนูญกันไป และศาลฎีกาจะพิจารณาคดียึดทรัพย์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็พิจารณากันไป อย่าเอาเรื่องทั้งหมดมาผูกโยงกัน