กกต.แจงนายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก เพื่อต้องการหาหลักฐานอื่นเพิ่มเติม กกต.ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน โต้ยุบ 3 พรรคเทียบกรณีเงิน 258 ล้านไม่ได้ ระบุกรณีนี้เกิดขึ้นนานแล้ว มีความซับซ้อน โยนดีเอสไอทำไมไม่สอบให้เสร็จตั้งแต่แรก ขณะเดียวกัน ปธ.กกต.ต้องดลงพื้นที่ตรวจเลือกตั้งซ่อมมหาสารคาม 27-28 ธ.ค.นี้ หวั่นเสื้อแดงป่วนไม่ปลอดภัย
วันนี้ (27 ธ.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ถูกหลายฝ่ายวิจารณ์ที่ กกต.เสียงข้างมากโยนให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้ตัดสินเงินบริจาค 258 ล้านบาท ที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้บริหารบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นการดำเนินการแบบ 2 มาตรฐาน ต่างจากโดยคดียุบพรรคอื่นที่ กกต.ทำด้วยความรวดเร็วว่า คดีของพรรคประชาธิปัตย์กับคดียุบพรรคอื่นๆ ในอดีตคงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะคดียุบพรรคในอดีต เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่งมีการพิจารณาในรูปแบบเต็มองค์คณะของกกต. ทั้ง 5 คน และคดีเลือกตั้งไม่ยากเย็น ไม่ซับซ้อนมาก เมื่อมีหลักฐานเป็นวิดีโอบันทึกภาพ และเหตุเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ไม่เหมือนกรณีนี้ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว หลักฐานต่างๆมีความซับซ้อนมาก
นอกจากนี้ การพิจารณาคดียุบพรรคจากการทุจริตเลือกตั้งอย่างพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัฌิมาธิปไตย เมื่อ กกต.มีมติเต็มองค์คณะตัดสินกรรมการบริหารพรรคคนนั้นๆ เรื่องก็ไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และใช้เวลาพิจารณาพอสมควร พอศาลมีคำตัดสินก็ส่งเรื่องกลับมายัง กกต. และนายทะเบียนก็เป็นผู้พิจารณาว่ามีเหตุให้ยุบพรรคแล้วถึงมาขอความเห็นชอบจาก กกต. ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ กกต.จะไม่เห็นชอบ เพราะมีการกรองมาจากศาลแล้วชั้นหนึ่ง
“ส่วนกรณีนี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งนายทะเบียนเป็นผู้พิจารณาโดยตรง และจะนำระยะเวลาการสอบสวนมาเทียบกันไม่ได้ ขนาดดีเอสไอสอบตั้งนานยังสอบสวนไม่เสร็จเลย ทำเสร็จ 75% แล้วส่งมาให้ กกต. เป็นเอกสาร 3 พันกว่าแผ่น มีใบสรุปสำนวน 10 แผ่นที่ยังสอบสวนไม่เสร็จด้วย ถามว่าทำไมตอนนั้นดีเอสไอไม่ทำต่อให้เสร็จ และด้านกิจการพรรคการเมืองเคยเสนอที่ประชุม กกต.ด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้เป็นคดีอาญา ดีเอสไอสามารถสอบสวนและฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ไปๆ มาๆ ตอนนี้มีการให้สัมภาษณ์ว่าหาก กกต.ยกคำร้อง ดีเอสไอจะทำต่อ ถามว่าทำไมท่านไม่ทำตั้งแต่แรกให้เสร็จ” นางสดศรีกล่าว
เมื่อถามว่า แต่ที่ผ่านมามีการตั้งคณะอนุกรรมการมาสอวบสวน มาตอนนี้นายทะเบียนพรรคยังตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนอีกชุดหนึ่ง นางสดศรีกล่าวว่า เป็นอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งเป็นสิทธิ กกต.ไม่มีสิทธิคัดค้าน นายทะเบียนฯ อาจจะต้องการหลักฐานอะไรเพิ่มเติม ก็คงต้องรอนายทะเบียนฯวินิจฉัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้งซ่อม เขต 1 จ.มหาสารคาม ซึ่งจะมีการเลือกตั้งช่วงหน้าในวันที่ 26-27 ธ.ค.นั้น นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง มีกำหนดการว่าจะเดินทางไปตรวจการเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการวางไว้ก่อนที่จะมีการลงมติกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท แต่เมื่อมีการพิจารณาไปแล้วทำให้มีคนวิพากวิจารณ์ ประกอบกับมีกลุ่มเสื้อแดงมาเผาโลงหน้าตึก กกต.พร้อมกับขู่ทำร้าย ทำให้นายอภิชาตได้ยกเลิกกำหนดการเดินทางไปตรวจการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.มหาสารคาม เนื่องจากเป็นพื้นที่ของคนเสื้อแดงจึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย