ASTVผู้จัดการรายวัน - เสธ.แดง สุดด้าน แกนนำแก๊งแดงทั้งด่า ทั้งไล่ยังขออยู่ต่อ อ้างไม่โกรธ เปรียบจตุพร เป็น เตียวหุย ที่ดุดัน แต่หลังรบชนะเจอกันแน่ ขณะที่ พท.ร้อนตัว แถลงจุดยืน ตัดหาง พัลลภ-เสธ.แดง สุเทพ ระบุคนเสื้อแดงแตกผลพวงมาจากการแบ่งแยกปกครองของ ทักษิณ ส่วน ปณิธาน เผยรัฐบาลส่งกองกำลังผสมตำรวจ ทหารและอส. 3-5 กองร้อยลงพื้นที่ 38 จังหวัด ป้องกันเสื้อแดงเผาเมือง
พล.ต.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าว ว่า แม้จะถูกนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ออกมาขับไล่ โดยเปรียบเป็นของปลอมหรือหมาเน่า ตนไม่โกรธ เพราะแม้จะไม่เอาตน แต่ตนยังเอากลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนเดิม จะไล่ก็ไม่ไป คนอย่างนายจตุพร เหมือนกับ เตียวหุย เป็นนักรบของเล่าปี่ ซึ่งในที่นี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นเข้าใจบุคลิก เตียวหุย ต้องมีท่าทีดุดันเป็นธรรมดา ตนไม่เอามาเป็นอารมณ์ เพราะต้องเป็นการ์ดคุ้มครองประชาชนคนเสื้อแดงต่อ
ส่วนที่นายจตุพรอ้างว่าบอกเรื่องนี้กับพ.ต.ท.ทักษิณแล้วนั้น พล.ต.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่เป็นไร ไม่เอาตน ตนก็เอาเสื้อแดงอยู่ดี ไม่หนีไปไหน ไม่ให้ไปรบ ก็จะออกรบด้วย ส่วนหากได้รับชัยชนะในการล้มรัฐบาลและระบบอำมาตย์เมื่อไร นายจตุพรกับตนต้องมาเจอกันแน่
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า การที่แกนนำเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่า ตนกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ถอนตัวจากฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะการออกมาเนื่องจาก อุดมการณ์มันเปลี่ยนไป และ พล.อ.พัลลภ คงตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับเสื้อแดงอีกแล้ว แต่หากมาขอร้องเมื่อไรก็พร้อมจะช่วย เนื่องจากต่อไปนี้ พล.อ.พัลลภ จะอยู่อย่างพระลักษมณ์ ซึ่งต้องคู่พระราม คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย หากพระรามเรียกเมื่อใดตนก็พร้อมไปรบเมื่อนั้น
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่าจะไม่เข้าไปร่วมประชุมหารือกับแกนนำ นปช.ที่จะ ประชุมวันที่ 9 ก.พ. แต่ยังยืนยันร่วมตามแนวทางกับ พล.อ.พัลลภ โดยจะทำตามคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว
สุชาติอ้างพัลลภอยากขอโทษตู่
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าปัญหาระหว่าง นายจตุพร พล.อ.พัลลภ และ พล.ต.ขัตติยะ ไม่ถือเป็นความ แตกแยก ในพรรคเพื่อไทย พล.อ.พัลลภและพล.ต.ขัตติยะ เป็นทหาร เลยแสดงความเป็นห่วงประชาชน ไม่มีเรื่องอื่น ส่วนตัวได้คุยกับทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เจตนาของพล.อ.พัลลภ ไม่ได้ต้องการมาแทรกแซง แต่คิดแบบผู้ใหญ่ แค่เดินขบวนคงไม่ได้รับชัยชนะ จึงอยากจะมาช่วยให้ถึงเส้นชัยเท่านั้นเอง
ทั้งนี้นายจตุพร และแกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นก็เป็นแกนนำที่ต่อสู้มา 3 ปี ทิศทางการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไรเขาเป็นผู้กำหนด โดยไม่เกี่ยวกับพล.อ.พัลลภ และพรรคเพื่อไทย
ส่วนกรณีที่นายจตุพรยังคลางแคลงใจพล.อ.พัลลภ ที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเคยคิดลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ในฐานะที่ตนก็สนิทกับ พล.อ.พัลลภ ก็คุยกันตลอด คงไม่มีความแคลงใจกันแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และยังบอกอีกว่าที่ผ่านมาได้ไปก้าวก่ายงานของ 3 เกลอ อยากจะไปขอโทษนายจตุพรด้วยซ้ำ
พท.ร้อนตัวตัดหางพัลลภ-เสธ.แดง
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าในการประชุมคณะยุทธศาสตร์และการเมืองพรรคเพื่อไทยมีการวิเคราะห์ถึงความเคลื่อนไหวของ พล.อ.พัลลภ และ พล.ต.ขัตติยะ ที่ใช้ความรุนแรงไม่เป็นผลดีต่อทั้งพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง พรรคจึงคิดว่าต้องแสดงจุดยืนของพรรคในการต่อสู้ ตามหลักการระบอบประชาธิปไตย และต่อต้านการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะการที่พล.อ.พัลลภ ออกมาเสนอแนวคิดตั้งกองทัพประชาชนฯนั้น แม้พรรคเคารพในการนำเสนอเพราะถือเป็นสมาชิกพรรค แต่พรรคมีความกังวลว่าประชาชนจะเกิดความสับสน และเสียแนวร่วมของพรรคและกลุ่มเสื้อแดง รวมทั้งอาจเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ฝ่ายตรงข้าม ใช้โจมตี หรือสร้างสถานการณ์ได้ ทำให้สถานการณ์รุนแรง
ดังนั้น จึงควรที่ประคับประคองสถานการณ์ให้เป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญ หากเหตุการณ์รุนแรงและทำรัฐประหารก็จะไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนโดยรวมและอาจทำให้มีใช้กำลังปราบคนเสื้อแดง ดังนั้น ที่ประชุมได้มีแนวคิด เสนอให้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทำความเข้าใจประชาชน ไม่ให้นำไปสู่การเผชิญหน้า
สุเทพชี้แดงแตกผลพวงแยกปกครอง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความขัดแย้งของพรรคเพื่อไทย และกลุ่มเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจจะทำให้รัฐบาลได้เปรียบว่า ตนไม่ได้มองว่า ใครจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่ตนก็ไม่ได้แปลกใจ ที่เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้น ในพรรคเพื่อไทย
ผมได้ศึกษาการทำงานของพ.ต.ท.ทักษิณ มาโดยตลอด พบว่าคุณทักษิณ ยึดหลักการแบ่งแยกและปกครอง ซึ่งเป็นทฤษฎีหนึ่งในทางรัฐศาสตร์ ผู้นำหลายคนก็ใช้วิธีนั้น ดังนั้นคุณทักษิณจะมีคนที่จะใช้งานหลากหลาย ปัญหาคือ เมื่อยู่ในอำนาจก็สามารถเลือกใช้คนเหล่านี้ได้ แต่พอวันนี้ไม่มีอำนาจและกำลังอยู่ในช่วงที่คิดว่าตัวเองมีทางเลือกไม่มาก เพราะฉะนั้นเวลาใครไปเสนอมาตรการใด ๆ ที่จะล้มรัฐบาลหรือสู้กับรัฐบาล คุณทักษิณ ก็จะรับเอาไว้หมด จนเกิดปัญหา แต่สิ่งที่กังวลก็คือการขาดเอกภาพในการดำเนินการมันก็อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้
นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ว่าจุดประสงค์ของคนกลุ่มนี้จะไปถึงขั้นไหนก็ตาม แล้วแต่ที่เขาจะเพ้อฝันไป แต่รัฐบาลก็จะพยายามดูแลควบคุม รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทหารจะเป็นกำลังส่วนหนึ่งของรัฐบาลที่จะใช้ในการดูแลความสงบของบ้านเมือง เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงขู่หรือจะทำจริง นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่สังเกต เขาก็พยายามที่จะทำ แต่คงไม่สำเร็จเพราะหลายจังหวัดมีประชาชนต่อต้าน ไม่เอาด้วย รวมพลได้แค่ 10 คน หรือ 100 คน แต่ก็มีบางจังหวัดที่รวมคนได้เป็นหมื่น เราก็ต้องดูแลติดตามความหนักเบาของสถานการณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งรัฐบาลจะพยายามดูแลให้เกิดความสงบให้ได้
ใช้3-5กองร้อยคุมแต่ละจังหวัด
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการเตรียมรับมือการเคลื่อนไหวชุมนุมของ กลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่องในการประชุม ครม.เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนก็อนุมัติให้เสริมกำลังเจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่ 38 จังหวัด โดยในแต่ละจังหวัดก็จะมีกองกำลังผสม ตำรวจ ทหารและพลเรือน ประจำอยู่ประมาณ 3-5 กองร้อย และมีกองหนุนในแต่ละจังหวัดที่ตั้งขึ้นมาตามสถานการณ์อีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้เกิด ความพร้อมในการตรวจสอบสถานการณ์ตามขั้นตอนปกติและใช้กฎหมายปกติ ซึ่งในบางจังหวัดอาจต้องเข้มข้นกว่าบางจังหวัด ในส่วนของกรุงเทพฯก็จะมีการตั้งด่านเกือบ 200 ด่าน ในบริเวณจุดทางเข้าออกทั้งในส่วนพื้นที่ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสถานที่สำคัญๆ เครื่อข่ายคมนาคม เพื่อป้องกันการแปรปรวน ขณะนี้ถือว่าอยู่ในขั้นการเตรียมการเฝ้าระวังตามปกติ
ตั้งด้าน200จุดทั่วกรุงเทพฯ
ที่รัฐบาลให้ความสำคัญคือบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลซึ่งเข้าใจว่าจะมีคนเข้ามาชุมนุมมาก ในต่างจังหวัดเราประเมินว่ากลุ่มคนที่จะมาชุมนุมไม่เพิ่มมากขึ้น เท่าไหร่ พื้นที่ละไม่กี่พันคน ในส่วนของกรุงเทพฯนั้นจะมีการทยอยตั้งด่านประมาณ 160-200 ด่าน ใช้กองกำลังผสมประมาณ 54 กองร้อย และจะมีกองหนุนอีกจำนวนหนึ่ง
นายปณิธาน กล่าวว่า การตั้งด่านนั้นเครึ่งเดือนแรกของเดือน ก.พ.จะเป็นการประจำกำลังพล การจัดระเบียบ การกำหนดแผนต่างๆ จะทำอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มทยอยเข้าพื้นที่ แต่เมือ่ผ่านวันที่ 15 ก.พ.แล้วก็จะเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาได้ เพราะเหตุการณ์เดือน เม.ย.2552 ที่ผ่านมา พบว่าต้องใช้เวลา นานมาก หลังการสั่งการกว่ากำลังพลจะออกมา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมมาประชิดสี่แยกและสถานที่สำคัญๆ ครั้งนี้จึงสั่งการให้กำลังพลประจำจุด จุดระบบและออกมาเป็นระยะๆก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวการชุมนุม”นายปณิธาน กล่าว
คาดหลัง26ก.พ.ยังมีเคลื่อนไหวต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลประเมินหรือไม่ว่าหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 ก.พ.เหตุการณ์จะทวีความรุนแรงต่อเนื่องไปอีกนานแค่ไหน นายปณิธาน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ให้นโยบายไปแล้วว่าคงต้องมีการเฝ้าระวังต่อไปสักระยะหนึ่ง ดังนั้นการให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่พนักงานตำรวจ ก็คงต้องมีอยู่ แต่เราจะพยายามให้กฎหมายปกติเป็นหลัก และใช้กรอบการทำงานที่ตรวจสอบได้
จากการประเมินสถานการณ์คิดว่าหลังวันที่ 26 ก.พ.คงจะมีบางกลุ่มเดินหน้า เคลื่อนไหวต่อไปโดยแยกตัวออกมาเคลื่อนไหวอย่างอิสระจากเรื่องของคดีมากขึ้น ตรงนี้รัฐก็ต้องคอยดูพัฒนาการว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอยู่ในกรอบของกฎหมาย หรือไม่ ทั้งนี้รัฐบาลยินดีที่จะให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนกับบางกลุ่มที่อาจจะมีแนวคิดในเชิง การเมืองที่ต้องการให้เปลี่ยนแปลง ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นส่วนอื่นๆ หลังจากวันที่ 26 ก.พ.อาจมีผลกระทบหรือพยายามจะก่อเหตุให้มีความรุนแรงมากขึ้น การดำเนินการของรัฐบาลก็ต้องเข้มข้นมากขึ้น
ชี้เป้าหมายแดงให้คุมสถานการณ์ไม่ได้
นายปณิธาน กล่าวว่า มีการวิเคราะห์จากนักวิชาการถึงความเคลื่อนไหวที่ให้เกิด ความรุนแรงมากขึ้นมีเป้าหมายว่าหากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมดูแลความสงบ เรียบร้อยได้หรือใช้กำลังเกินกว่าเหตุก็จะทำให้เป็นเงื่อนไขให้ผู้มาชุมนุม เข้ามาชุมนุมมากขึ้นทำให้เกิดสถานการณ์รุกรามบานปลาย เรื่องนี้รัฐบาลก็ระมัดระวังอยู่ มีการจัดระบบและดำเนินการเป็นขั้นตอนอยู่ 2-3 ขั้นตอนคือการใช้กฎหมายปกติ ใช้กฎหมายพิเศษธรรมดา และการใช้กฎหมายพิเศษที่เข้มขั้น โดยแต่ละกรอบจะมีเจ้าหน้าที่ดูแล มีฝ่ายการเมืองรัลบผิดชอบและมีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน
นายปณิธาน กล่าวถึงความขัดแย้งในกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลเป็นคนส่งพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง เข้าไปสร้างความปั่นป่วนว่า แนวทางของรัฐบาลในการดำเนินการมีการชี้แจงทุกขั้นตอน มีระบบมีความโปร่งใส ซึ่งความเกี่ยวพันกับบุคคลเหล่านั้นยืนยันว่าไม่มี สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นความขัดแย้งภายในและเข้าใจกันดีว่าสาเหตุน่าจะมาจากอะไร
ชี้จตุพรรับแล้วก๊กแดงป่วนช่วงเมษาฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากังวลถึงความขัดแย้งในหมู่แกนนำคนเสื้อแดงจนขยายตัวไปเรื่อยๆ อาจจะมีการซัดกันเองระหว่างคนเสื้อแดงแต่ละกลุ่มและสุดท้ายก็จะโยนความผิดมาให้รัฐบาล ซึ่งในขณะนี้ความขัดแย้งเริ่มปริแตกโดยทฤษฏีแก้ว 3 ประการ คือ 1.พรรคเพื่อไทย 2. มวลชนคนเสื้อแดง 3. กองกำลังติดอาวุธ ซึ่งปริร้าว อย่างละเอียดไม่มีชิ้นดี ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวอ้างมาจากแนวคิดของเหมา เจอตุง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พ.ค.ท.) เคยนำมาใช้ในอดีตและล่มสลายไปในที่สุด
นายเทพไทกล่าวว่า จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ความเป็นจริงหลังฉาก ของแกนนำคนเสื้อแดงเปิดเผยต่อสังคม เพราะมีการยอมรับจากนายจตุพร พรมหพันธ์ ส.ส.สัดส่วนและแกนนำ นปช. ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่พัทยา จ.ชลบุรี หรือเหตุการณ์รุมทำร้ายคณะของนายกฯที่กระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงเหตุการณ์ในช่วงสงกรานต์เลือด ล้วนเป็นฝีมือของฮาร์ทคอร์เสื้อแดงจริงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บรรดาแกนนำได้ออกมาปฏิเสธว่าเป็นการสร้างสถานการณ์และโยนให้รัฐบาลแต่เมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้นความจิงก็ปรากฏซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคม และต้องขอบคุณที่ทำให้ความจริงปรากฏขึ้น
แดงบุกอสส.เร่งสอบเขายายเทียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 ก.พ.) เวลา 12.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงนำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อพร้อมเครือข่ายประมาณ 200 คน ได้นำรถบรรทุกหกล้อซึ่งจัดทำเป็นเวที จอดหน้าบริเวณสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีที่ดินเขายายเที่ยง ที่ดินเขาสอยดาว และคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โดยมีกำลังจาก บก.น.2 จำนวน 50 นาย ร่วมกับตำรวจ สน.พหลโยธิน 20 นาย กองร้อยควบคุมฝูงชน 1 กองร้อย ดูแลความเรียบร้อย หลังจากแกนนำทยอยขึ้นไฮปาร์คจนเวลา 16.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงจึงยุติการชุมนุม
นครบาลประสานตร.ภูธรคุมเข้ม
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ห้องประชุมปารุสวัน 1 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รอง ผบช.น. พร้อม ผบก.น.1-9 ผบก.จร. ผบก.อคฝ. ผบก.ตปพ. ผบก.สส. ผบก.อก. ผบก.ประจำ บช.น. และผกก.สน.ในพื้นที่มีบุคคลสำคัญ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญในพื้นที่ที่มีบุคคลสำคัญ
ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำ บช.น.และโฆษก บช.น. เปิดเผยถึงผลสรุปการประชุมว่า การประชุมวันนี้เพื่อตรวจความพร้อมการรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญพื้นที่ กทม.พร้อมประสานงานตำรวจภูธรภาค 1, 2, 7 ที่มีบุคคลสำคัญอยู่ในพื้นเพื่อกำหนดมาตรการในการดูแลความปลอดภัยไปในทิศทางเดียวกัน
แม้วอ้อนจะกลับมาใช้หนี้ให้เสื้อแดง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า เมื่อค่ำวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา สภาแดงล้านนาและกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย จัดเวทีปราศรัยเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นผิดและได้เงิน 7.6 หมื่นล้านคืน ณ ลานหน้าโรงแรมแสนภูเพลส อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีนายจิรโรจน์ กีรติศักดิ์วรกุล ประธานกลุ่มพะเยารักประชาธิปไตย เป็นพิธีกรหลักบนเวทีและมีแกนนำจากจังหวัดต่างๆ ผลัดกันปราศรัย โดยเนื้อหายังมุงโจมตีการบริหารงานของรัฐบาล โจมตีทหาร และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งที่คนเสื้อแดงที่เข้าร่วมรับฟังส่วนใหญ่ไม่ใช่คนเชียงราย แต่มาจากจังหวัดต่างๆ ที่เป็นสมาชิกกลุ่มสภาแดงล้านนา
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินมาที่เวที โดยยืนยันว่าอีกไม่นานนักจะกลับประเทศไทยถ้าประชาชนช่วยพาเขากลับไป ซึ่งคาดว่าคงจะเป็นปีนี้หรือหลังสงกรานต์นี้แน่นอน จึงขอให้ประชาชนภาคเหนือและอีสานได้ไปร่วมชุมนุมกันที่กรุงเทพฯ เพื่อเอาประชาธิปไตยกลับคืนมา ซึ่งจะทำให้ตนได้กลับด้วย เมื่อตนกลับไปจะชดใช้หนี้ให้ประชาชนทั้งหมดภายใน 6 เดือนแรก ส่วน 6 เดือนหลังจะนำเงินไปเติมให้อีก
ที่สำคัญเอาผมกลับบ้านก่อนและเลือก ส.ส.ที่เป็นของผมให้ด้วย มาชุมนุมกันมากๆ อยู่จนกว่าจะชนะ
พล.ต.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าว ว่า แม้จะถูกนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ออกมาขับไล่ โดยเปรียบเป็นของปลอมหรือหมาเน่า ตนไม่โกรธ เพราะแม้จะไม่เอาตน แต่ตนยังเอากลุ่มคนเสื้อแดงเหมือนเดิม จะไล่ก็ไม่ไป คนอย่างนายจตุพร เหมือนกับ เตียวหุย เป็นนักรบของเล่าปี่ ซึ่งในที่นี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นเข้าใจบุคลิก เตียวหุย ต้องมีท่าทีดุดันเป็นธรรมดา ตนไม่เอามาเป็นอารมณ์ เพราะต้องเป็นการ์ดคุ้มครองประชาชนคนเสื้อแดงต่อ
ส่วนที่นายจตุพรอ้างว่าบอกเรื่องนี้กับพ.ต.ท.ทักษิณแล้วนั้น พล.ต.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่เป็นไร ไม่เอาตน ตนก็เอาเสื้อแดงอยู่ดี ไม่หนีไปไหน ไม่ให้ไปรบ ก็จะออกรบด้วย ส่วนหากได้รับชัยชนะในการล้มรัฐบาลและระบบอำมาตย์เมื่อไร นายจตุพรกับตนต้องมาเจอกันแน่
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า การที่แกนนำเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่า ตนกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ถอนตัวจากฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะการออกมาเนื่องจาก อุดมการณ์มันเปลี่ยนไป และ พล.อ.พัลลภ คงตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับเสื้อแดงอีกแล้ว แต่หากมาขอร้องเมื่อไรก็พร้อมจะช่วย เนื่องจากต่อไปนี้ พล.อ.พัลลภ จะอยู่อย่างพระลักษมณ์ ซึ่งต้องคู่พระราม คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย หากพระรามเรียกเมื่อใดตนก็พร้อมไปรบเมื่อนั้น
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่าจะไม่เข้าไปร่วมประชุมหารือกับแกนนำ นปช.ที่จะ ประชุมวันที่ 9 ก.พ. แต่ยังยืนยันร่วมตามแนวทางกับ พล.อ.พัลลภ โดยจะทำตามคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว
สุชาติอ้างพัลลภอยากขอโทษตู่
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าปัญหาระหว่าง นายจตุพร พล.อ.พัลลภ และ พล.ต.ขัตติยะ ไม่ถือเป็นความ แตกแยก ในพรรคเพื่อไทย พล.อ.พัลลภและพล.ต.ขัตติยะ เป็นทหาร เลยแสดงความเป็นห่วงประชาชน ไม่มีเรื่องอื่น ส่วนตัวได้คุยกับทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เจตนาของพล.อ.พัลลภ ไม่ได้ต้องการมาแทรกแซง แต่คิดแบบผู้ใหญ่ แค่เดินขบวนคงไม่ได้รับชัยชนะ จึงอยากจะมาช่วยให้ถึงเส้นชัยเท่านั้นเอง
ทั้งนี้นายจตุพร และแกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นก็เป็นแกนนำที่ต่อสู้มา 3 ปี ทิศทางการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไรเขาเป็นผู้กำหนด โดยไม่เกี่ยวกับพล.อ.พัลลภ และพรรคเพื่อไทย
ส่วนกรณีที่นายจตุพรยังคลางแคลงใจพล.อ.พัลลภ ที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองและเคยคิดลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ในฐานะที่ตนก็สนิทกับ พล.อ.พัลลภ ก็คุยกันตลอด คงไม่มีความแคลงใจกันแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และยังบอกอีกว่าที่ผ่านมาได้ไปก้าวก่ายงานของ 3 เกลอ อยากจะไปขอโทษนายจตุพรด้วยซ้ำ
พท.ร้อนตัวตัดหางพัลลภ-เสธ.แดง
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าในการประชุมคณะยุทธศาสตร์และการเมืองพรรคเพื่อไทยมีการวิเคราะห์ถึงความเคลื่อนไหวของ พล.อ.พัลลภ และ พล.ต.ขัตติยะ ที่ใช้ความรุนแรงไม่เป็นผลดีต่อทั้งพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง พรรคจึงคิดว่าต้องแสดงจุดยืนของพรรคในการต่อสู้ ตามหลักการระบอบประชาธิปไตย และต่อต้านการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะการที่พล.อ.พัลลภ ออกมาเสนอแนวคิดตั้งกองทัพประชาชนฯนั้น แม้พรรคเคารพในการนำเสนอเพราะถือเป็นสมาชิกพรรค แต่พรรคมีความกังวลว่าประชาชนจะเกิดความสับสน และเสียแนวร่วมของพรรคและกลุ่มเสื้อแดง รวมทั้งอาจเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ฝ่ายตรงข้าม ใช้โจมตี หรือสร้างสถานการณ์ได้ ทำให้สถานการณ์รุนแรง
ดังนั้น จึงควรที่ประคับประคองสถานการณ์ให้เป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญ หากเหตุการณ์รุนแรงและทำรัฐประหารก็จะไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนโดยรวมและอาจทำให้มีใช้กำลังปราบคนเสื้อแดง ดังนั้น ที่ประชุมได้มีแนวคิด เสนอให้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทำความเข้าใจประชาชน ไม่ให้นำไปสู่การเผชิญหน้า
สุเทพชี้แดงแตกผลพวงแยกปกครอง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความขัดแย้งของพรรคเพื่อไทย และกลุ่มเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจจะทำให้รัฐบาลได้เปรียบว่า ตนไม่ได้มองว่า ใครจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่ตนก็ไม่ได้แปลกใจ ที่เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้น ในพรรคเพื่อไทย
ผมได้ศึกษาการทำงานของพ.ต.ท.ทักษิณ มาโดยตลอด พบว่าคุณทักษิณ ยึดหลักการแบ่งแยกและปกครอง ซึ่งเป็นทฤษฎีหนึ่งในทางรัฐศาสตร์ ผู้นำหลายคนก็ใช้วิธีนั้น ดังนั้นคุณทักษิณจะมีคนที่จะใช้งานหลากหลาย ปัญหาคือ เมื่อยู่ในอำนาจก็สามารถเลือกใช้คนเหล่านี้ได้ แต่พอวันนี้ไม่มีอำนาจและกำลังอยู่ในช่วงที่คิดว่าตัวเองมีทางเลือกไม่มาก เพราะฉะนั้นเวลาใครไปเสนอมาตรการใด ๆ ที่จะล้มรัฐบาลหรือสู้กับรัฐบาล คุณทักษิณ ก็จะรับเอาไว้หมด จนเกิดปัญหา แต่สิ่งที่กังวลก็คือการขาดเอกภาพในการดำเนินการมันก็อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้
นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ว่าจุดประสงค์ของคนกลุ่มนี้จะไปถึงขั้นไหนก็ตาม แล้วแต่ที่เขาจะเพ้อฝันไป แต่รัฐบาลก็จะพยายามดูแลควบคุม รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทหารจะเป็นกำลังส่วนหนึ่งของรัฐบาลที่จะใช้ในการดูแลความสงบของบ้านเมือง เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงขู่หรือจะทำจริง นายสุเทพ กล่าวว่า เท่าที่สังเกต เขาก็พยายามที่จะทำ แต่คงไม่สำเร็จเพราะหลายจังหวัดมีประชาชนต่อต้าน ไม่เอาด้วย รวมพลได้แค่ 10 คน หรือ 100 คน แต่ก็มีบางจังหวัดที่รวมคนได้เป็นหมื่น เราก็ต้องดูแลติดตามความหนักเบาของสถานการณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งรัฐบาลจะพยายามดูแลให้เกิดความสงบให้ได้
ใช้3-5กองร้อยคุมแต่ละจังหวัด
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการเตรียมรับมือการเคลื่อนไหวชุมนุมของ กลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่องในการประชุม ครม.เมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนก็อนุมัติให้เสริมกำลังเจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่ 38 จังหวัด โดยในแต่ละจังหวัดก็จะมีกองกำลังผสม ตำรวจ ทหารและพลเรือน ประจำอยู่ประมาณ 3-5 กองร้อย และมีกองหนุนในแต่ละจังหวัดที่ตั้งขึ้นมาตามสถานการณ์อีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้เกิด ความพร้อมในการตรวจสอบสถานการณ์ตามขั้นตอนปกติและใช้กฎหมายปกติ ซึ่งในบางจังหวัดอาจต้องเข้มข้นกว่าบางจังหวัด ในส่วนของกรุงเทพฯก็จะมีการตั้งด่านเกือบ 200 ด่าน ในบริเวณจุดทางเข้าออกทั้งในส่วนพื้นที่ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นสถานที่สำคัญๆ เครื่อข่ายคมนาคม เพื่อป้องกันการแปรปรวน ขณะนี้ถือว่าอยู่ในขั้นการเตรียมการเฝ้าระวังตามปกติ
ตั้งด้าน200จุดทั่วกรุงเทพฯ
ที่รัฐบาลให้ความสำคัญคือบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลซึ่งเข้าใจว่าจะมีคนเข้ามาชุมนุมมาก ในต่างจังหวัดเราประเมินว่ากลุ่มคนที่จะมาชุมนุมไม่เพิ่มมากขึ้น เท่าไหร่ พื้นที่ละไม่กี่พันคน ในส่วนของกรุงเทพฯนั้นจะมีการทยอยตั้งด่านประมาณ 160-200 ด่าน ใช้กองกำลังผสมประมาณ 54 กองร้อย และจะมีกองหนุนอีกจำนวนหนึ่ง
นายปณิธาน กล่าวว่า การตั้งด่านนั้นเครึ่งเดือนแรกของเดือน ก.พ.จะเป็นการประจำกำลังพล การจัดระเบียบ การกำหนดแผนต่างๆ จะทำอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มทยอยเข้าพื้นที่ แต่เมือ่ผ่านวันที่ 15 ก.พ.แล้วก็จะเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาได้ เพราะเหตุการณ์เดือน เม.ย.2552 ที่ผ่านมา พบว่าต้องใช้เวลา นานมาก หลังการสั่งการกว่ากำลังพลจะออกมา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมมาประชิดสี่แยกและสถานที่สำคัญๆ ครั้งนี้จึงสั่งการให้กำลังพลประจำจุด จุดระบบและออกมาเป็นระยะๆก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวการชุมนุม”นายปณิธาน กล่าว
คาดหลัง26ก.พ.ยังมีเคลื่อนไหวต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลประเมินหรือไม่ว่าหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 ก.พ.เหตุการณ์จะทวีความรุนแรงต่อเนื่องไปอีกนานแค่ไหน นายปณิธาน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ให้นโยบายไปแล้วว่าคงต้องมีการเฝ้าระวังต่อไปสักระยะหนึ่ง ดังนั้นการให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่พนักงานตำรวจ ก็คงต้องมีอยู่ แต่เราจะพยายามให้กฎหมายปกติเป็นหลัก และใช้กรอบการทำงานที่ตรวจสอบได้
จากการประเมินสถานการณ์คิดว่าหลังวันที่ 26 ก.พ.คงจะมีบางกลุ่มเดินหน้า เคลื่อนไหวต่อไปโดยแยกตัวออกมาเคลื่อนไหวอย่างอิสระจากเรื่องของคดีมากขึ้น ตรงนี้รัฐก็ต้องคอยดูพัฒนาการว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอยู่ในกรอบของกฎหมาย หรือไม่ ทั้งนี้รัฐบาลยินดีที่จะให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนกับบางกลุ่มที่อาจจะมีแนวคิดในเชิง การเมืองที่ต้องการให้เปลี่ยนแปลง ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นส่วนอื่นๆ หลังจากวันที่ 26 ก.พ.อาจมีผลกระทบหรือพยายามจะก่อเหตุให้มีความรุนแรงมากขึ้น การดำเนินการของรัฐบาลก็ต้องเข้มข้นมากขึ้น
ชี้เป้าหมายแดงให้คุมสถานการณ์ไม่ได้
นายปณิธาน กล่าวว่า มีการวิเคราะห์จากนักวิชาการถึงความเคลื่อนไหวที่ให้เกิด ความรุนแรงมากขึ้นมีเป้าหมายว่าหากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมดูแลความสงบ เรียบร้อยได้หรือใช้กำลังเกินกว่าเหตุก็จะทำให้เป็นเงื่อนไขให้ผู้มาชุมนุม เข้ามาชุมนุมมากขึ้นทำให้เกิดสถานการณ์รุกรามบานปลาย เรื่องนี้รัฐบาลก็ระมัดระวังอยู่ มีการจัดระบบและดำเนินการเป็นขั้นตอนอยู่ 2-3 ขั้นตอนคือการใช้กฎหมายปกติ ใช้กฎหมายพิเศษธรรมดา และการใช้กฎหมายพิเศษที่เข้มขั้น โดยแต่ละกรอบจะมีเจ้าหน้าที่ดูแล มีฝ่ายการเมืองรัลบผิดชอบและมีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน
นายปณิธาน กล่าวถึงความขัดแย้งในกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลเป็นคนส่งพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง เข้าไปสร้างความปั่นป่วนว่า แนวทางของรัฐบาลในการดำเนินการมีการชี้แจงทุกขั้นตอน มีระบบมีความโปร่งใส ซึ่งความเกี่ยวพันกับบุคคลเหล่านั้นยืนยันว่าไม่มี สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นความขัดแย้งภายในและเข้าใจกันดีว่าสาเหตุน่าจะมาจากอะไร
ชี้จตุพรรับแล้วก๊กแดงป่วนช่วงเมษาฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากังวลถึงความขัดแย้งในหมู่แกนนำคนเสื้อแดงจนขยายตัวไปเรื่อยๆ อาจจะมีการซัดกันเองระหว่างคนเสื้อแดงแต่ละกลุ่มและสุดท้ายก็จะโยนความผิดมาให้รัฐบาล ซึ่งในขณะนี้ความขัดแย้งเริ่มปริแตกโดยทฤษฏีแก้ว 3 ประการ คือ 1.พรรคเพื่อไทย 2. มวลชนคนเสื้อแดง 3. กองกำลังติดอาวุธ ซึ่งปริร้าว อย่างละเอียดไม่มีชิ้นดี ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวอ้างมาจากแนวคิดของเหมา เจอตุง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พ.ค.ท.) เคยนำมาใช้ในอดีตและล่มสลายไปในที่สุด
นายเทพไทกล่าวว่า จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ความเป็นจริงหลังฉาก ของแกนนำคนเสื้อแดงเปิดเผยต่อสังคม เพราะมีการยอมรับจากนายจตุพร พรมหพันธ์ ส.ส.สัดส่วนและแกนนำ นปช. ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่พัทยา จ.ชลบุรี หรือเหตุการณ์รุมทำร้ายคณะของนายกฯที่กระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงเหตุการณ์ในช่วงสงกรานต์เลือด ล้วนเป็นฝีมือของฮาร์ทคอร์เสื้อแดงจริงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บรรดาแกนนำได้ออกมาปฏิเสธว่าเป็นการสร้างสถานการณ์และโยนให้รัฐบาลแต่เมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้นความจิงก็ปรากฏซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคม และต้องขอบคุณที่ทำให้ความจริงปรากฏขึ้น
แดงบุกอสส.เร่งสอบเขายายเทียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 ก.พ.) เวลา 12.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงนำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อพร้อมเครือข่ายประมาณ 200 คน ได้นำรถบรรทุกหกล้อซึ่งจัดทำเป็นเวที จอดหน้าบริเวณสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีที่ดินเขายายเที่ยง ที่ดินเขาสอยดาว และคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โดยมีกำลังจาก บก.น.2 จำนวน 50 นาย ร่วมกับตำรวจ สน.พหลโยธิน 20 นาย กองร้อยควบคุมฝูงชน 1 กองร้อย ดูแลความเรียบร้อย หลังจากแกนนำทยอยขึ้นไฮปาร์คจนเวลา 16.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงจึงยุติการชุมนุม
นครบาลประสานตร.ภูธรคุมเข้ม
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ห้องประชุมปารุสวัน 1 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.บุญส่ง พานิชอัตรา พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รอง ผบช.น. พร้อม ผบก.น.1-9 ผบก.จร. ผบก.อคฝ. ผบก.ตปพ. ผบก.สส. ผบก.อก. ผบก.ประจำ บช.น. และผกก.สน.ในพื้นที่มีบุคคลสำคัญ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญในพื้นที่ที่มีบุคคลสำคัญ
ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ผบก.ประจำ บช.น.และโฆษก บช.น. เปิดเผยถึงผลสรุปการประชุมว่า การประชุมวันนี้เพื่อตรวจความพร้อมการรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญพื้นที่ กทม.พร้อมประสานงานตำรวจภูธรภาค 1, 2, 7 ที่มีบุคคลสำคัญอยู่ในพื้นเพื่อกำหนดมาตรการในการดูแลความปลอดภัยไปในทิศทางเดียวกัน
แม้วอ้อนจะกลับมาใช้หนี้ให้เสื้อแดง
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า เมื่อค่ำวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา สภาแดงล้านนาและกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย จัดเวทีปราศรัยเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นผิดและได้เงิน 7.6 หมื่นล้านคืน ณ ลานหน้าโรงแรมแสนภูเพลส อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีนายจิรโรจน์ กีรติศักดิ์วรกุล ประธานกลุ่มพะเยารักประชาธิปไตย เป็นพิธีกรหลักบนเวทีและมีแกนนำจากจังหวัดต่างๆ ผลัดกันปราศรัย โดยเนื้อหายังมุงโจมตีการบริหารงานของรัฐบาล โจมตีทหาร และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งที่คนเสื้อแดงที่เข้าร่วมรับฟังส่วนใหญ่ไม่ใช่คนเชียงราย แต่มาจากจังหวัดต่างๆ ที่เป็นสมาชิกกลุ่มสภาแดงล้านนา
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินมาที่เวที โดยยืนยันว่าอีกไม่นานนักจะกลับประเทศไทยถ้าประชาชนช่วยพาเขากลับไป ซึ่งคาดว่าคงจะเป็นปีนี้หรือหลังสงกรานต์นี้แน่นอน จึงขอให้ประชาชนภาคเหนือและอีสานได้ไปร่วมชุมนุมกันที่กรุงเทพฯ เพื่อเอาประชาธิปไตยกลับคืนมา ซึ่งจะทำให้ตนได้กลับด้วย เมื่อตนกลับไปจะชดใช้หนี้ให้ประชาชนทั้งหมดภายใน 6 เดือนแรก ส่วน 6 เดือนหลังจะนำเงินไปเติมให้อีก
ที่สำคัญเอาผมกลับบ้านก่อนและเลือก ส.ส.ที่เป็นของผมให้ด้วย มาชุมนุมกันมากๆ อยู่จนกว่าจะชนะ