ซัดกันนัว! แดงตัวลูก! แดงตัวพ่อ! แดงผู้เฒ่า!ศึกเลียกระโปกนายใหญ่ “เสธ.แดง” ยั้วให้ไอ้ตู่ขอโทษ “พัลลภ”อย่าไปสำคัญตัวผิด “กูคือ นปช.สีแดง ถ้าไม่มีทักษิณก็ไม่มีนปช” ถามกลับถ้าทหารล้อมปราบคนล้านคน จะทำอย่างไร? ฟาก “ไอ้ตู่ สู้แล้วรวย” ตั้งแง่ไม่ไว้ใจขบวนการฆ่าพ.ต.ท.ทักษิณ ขู่กระชากนักรบปลอม
วานนี้ (7 ก.พ.) สวนดุสิตโพลชี้คนไทยร้อยละ 37.68 หนักใจ กับการจัดตั้งกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง ขณะที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ว่า ยังไม่ได้คุยกับทั้งสองคน
ส่วนที่มีข่าวว่าพล.อ.พัลลภนัดคุยกับนายจตุพร ในวันที่ 8 ก.พ.นี้ นั้นพล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องเลย แต่คิดว่าเขาทั้ง 2 คน เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว พูดคุยกันก็คงเข้าใจ ทุกอย่างคงเรียบร้อย ขอให้ใจเย็นๆ เมื่อถามว่าจะเข้าไปเป็น คนกลางในการประสานทำความเข้าใจให้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า พรุ่งนี้ (8 ต.ค.) ตนก็มีคุยของตนกลุ่มเล็กๆ
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 13.00 น.พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ "เสธ.แดง" ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ว่า นายจตุพรใจร้อนรีบแถลงเรื่องด่า ทำให้พล.อ.พัลลภน้อยใจ แต่สำหรับตนแล้วไม่มีปัญหา ไม่ติดใจนายจตุพร "มึงไม่เอากู แต่กูเอามึง" เพราะเราต้องมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้คนเสื้อแเดง
"วันนี้นปช.กลัว เสธ.แดงจะแย่งชิงการเป็นแกนนำ ทั้งที่เราไม่มีเจตนาจะยุ่งกับนปช. แต่การที่ทุกคนออกมาเพราะต้องการนำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมา อย่าไปสำคัญตัวผิดว่า กูคือ นปช.สีแดง ถ้าไม่มีทักษิณก็ไม่มีนปช. เราจะต้องทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ไปแถลงข่าวด่ากันเอง แม้นายจตุพรจะนำคนออกมาเป็นล้านคนได้ แต่ถ้าถูกปิดถนนล้อมปราบ ประชาชนก็อดข้าวตาย ยิ่งถ้ามีการย้ายทำเนียบฯ รัฐสภา ไปอยู่ในค่ายทหาร ทุกอย่างก็จบ ประชาชนอยู่ได้แค่3-5 วันก็กลับบ้านไปเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่" พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวต่อว่า ตนผิดที่มีการแถลงข่าวการตั้งกองทัพประชาชน โดยไม่ได้ประสานกับทางกลุ่ม นปช. เพราะคิดว่า เราทำงานเป็นเส้นคู่ขนานกันอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ตนได้มีการโทรพูดคุยกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.แล้ว ซึ่งนายณัฐวุฒิก็เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่เราแพ้เพราะถูกทหารปราบ เพราะขณะนั้นขาดแก้ว 3 ประการ คือ พรรค แนวร่วม และกองกำลังประชาชน ซึ่งไม่ใช่กองกำลังติดอาวุธ แต่ขณะนี้เรามีครบแล้ว ซึ่งจากกรณีของนายจตุพร ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมองว่า เราขัดแย้ง ขณะนี้จึงมีผู้ใหญ่พยายามเชียร์ให้นายจตุพรไปขอโทษพล.อ.พัลลภ
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวต่อว่า หากไม่มีกองกำลังประชาชนเราจะรบกับรัฐบาลเถื่อนได้อย่างไร และนายจตุพร ต้องตอบให้ได้ว่า ถ้าเอาคนล้านคนมาล้อมทำเนียบ แล้วทหารออกปราบ เราจะทำอย่างไร เมื่อรัฐบาลอยู่ภายใต้ระบบอำมาตย์ และเขาคงพาคณะรัฐมนตรี (ครม.)หลบในค่ายทหาร ดังนั้นเราต้องมีกองกำลังในการยึดสภา เพื่อนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ และทำให้เจ้าหน้าที่เกียร์ว่าง การที่เราจะปราบทหารเราจะต้องมี 4 ประการ คือ1. ต้องมีพล.อ.ชวลิต เป็นผู้นำ เพราะท่านสามารถหยุดกำลังทหารได้ 2. เราต้องขนครอบครัวทหารในหน่วยรบทุกกรมกองทั้งต่างจังหวัด และกทม.ออกไปหยุดทหาร เพื่อไม่ให้ทหารยิง 3.ขอให้พ่อแม่อย่างส่งทหารกลับเข้ากรมกองเพราะถ้าไม่มีพลทหารก็รบไม่ได้ และเมื่อ วัน ว. เวลา น. กลุ่ม นปช.จะบุกทำเนียบ และปิดถนน ถ้าเกิดทหารเกียร์ว่าง เราจะยึดสภาได้ 4.กองทัพประชาชนที่พ.ต.ท.ทักษิณ วางไว้จะนำมวลชนสีแดงออกมา จะส่งกำลังบำรุงให้ฝ่ายเรา และตัดเส้นทางการบำรุงฝ่ายทหารให้อดข้าว หลังจากนี้จะมีการตั้งกองทัพประชาชน เพื่อรักษาความปลอดภัยประชาชนทีละจังหวัด เริ่มจากวันที่ 7 ก.พ. นายขวัญชัย ไพรพนา จะแถลงตั้งกองทัพประชาชนที่ จ.อุดรธานี แล้วถ้าไม่โดนอุ้มไปเสียก่อน
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า หากเราไม่ทำอย่างนี้จะเหมือนช่วงเดือนเมษายนที่เราจะแพ้อีก ดังนั้นขณะนี้นายจตุพรกับเสธ.แดงต้องร่วมมือกัน และเราจะไม่กระทบกระทั่งกันอีก และต่อไปเวลาพ.ต.ท.ทักษิณ สั่งอะไร เราจะประสานกับนปช.ตลอด เราต้องจับมือกัน เพื่อจะได้นำรธน.40 กลับมาใช้ และถ้าทหารเกียร์ว่าง พลทหารไม่เข้ากรม นายจตุพรจะเป็นประธานรัฐสภาทันที ทั้งนี้ ตนกับนายจตุพร ไม่ใช่ว่า เรามีความสำคัญ เราทั้งสองคนต้องเข้าใจว่า กลุ่ม นปช.สีแดงไม่ใช่ว่า เขาคลั่งไคล้หรือรักเรา แต่เขารักพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้เราสองคนนำพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน เราดังได้ เพราะ เกิดจากบารมีของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะถ้าไม่มีพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่มี นปช และ พ.ต.ท.ทักษิณจะนำระบบทุนนิยมมาทำลายระบบอนุรักษ์นิยมที่ทำลายระบบประชาธิปไตย
**ไอ้ตู้กร้าวเลิกเกรงใจ-ลั่น “ของปลอม”
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพรรคไทย(พท.) แกนนำนปช.กล่าวว่า ตนตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีการประสานเข้าขอโทษ พล.อ.พัลลภ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้ได้หารือกับแกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นๆ โดยเฉพาะ นายวีระ มุกสิกพงศ์ ประธาน นปช.แล้วว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องหลักการ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอาวุโส ไม่เกี่ยวกับเรื่องอายุ แต่เป็นเรื่องของความถูกต้อง ดังนั้น แกนนำคนเสื้อแดงจะพูดคุยกันแบบเปิดใจในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เพื่อมีมติเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วจะแถลงข่าวทันที
ที่ประกาศจะไปขอโทษ พล.อ.พัลลภ ก่อนหน้านี้นั้น เพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่เมื่อทำตัวไม่สมอายุก็คงไม่มีการพูดคุยอะไรกันอีก เพราะดูจากท่าทางพล.อ.พัลลภแล้ว คงจะไม่อยากพูดคุยกับพวกตนอีก เนื่องจากคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
พล.อ.พัลลภ ให้สัมภาษณ์ที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่งว่า ตนไม่จำเป็นต้องไปขอโทษพล.อ.พัลลภ แต่ให้ไปขอโทษพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรค พท. ก็อยากจะถามว่า จะให้ไปขอโทษพล.อ.ชวลิต เรื่องอะไร เพราะพล.อ.ชวลิต ก็ปฏิเสธที่จะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพล.อ.พัลลภ เหมือนกัน แถมยังบอกว่า เรื่องนี้จะทำให้พรรค พท.แตกก็ต้องถามว่า ใครกันแน่ที่จะเข้ามาทำให้พรรค พท.แตก
"วันนี้มันมาถึงจุดที่ว่าใครที่อยู่ข้างเดียวกันบ้าง พวกผมยืนหยัดอยู่ข้างนี้มาตลอด 17 ปีโดยไม่เคยเปลี่ยนไปไหน เมื่อมาอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยย้ายข้างไปไหนทั้งสิ้น แต่บางคนเวียนไปเวียนมาอยู่หลายรอบ แล้ววันนี้เข้ามาที่นี่จะเข้ามาสั่งอย่างนั้นอย่างนี้ มันเกินไป วันนี้มันถึงจุดที่จะต้องหมดความเกรงใจ เพราะถ้ายังเกรงใจกัน เพราะเรื่องแบบนี้กันอยู่ก็คงจะพังกันทั้งหมด เหมือนตอนเมษาเลือด ที่พวกเรายังเกรงใจหลายคนอยู่ มันถึงทำให้ต้องสูญเสียขนาดนั้น เพราะครั้งนั้น เราเกรงใจบางคนที่ประกาศจะไปรบ แต่กลับมาพบทีหลังว่า เป็นของปลอม ไม่ใช่ของจริง" นายจตุพร กล่าว
**ขู่กระชากหน้ากากนักรบปลอม
นายจตุพรกล่าวว่า พล.ต.ขัตติยะเป็นอีกคนหนึ่งที่จะต้องหยุดการเคลื่อนไหวพูดจาพาดพิงตน และแกนนำคนเสื้อแดงหลายครั้ง ที่ผ่านมาพูดไปแล้วทำให้คนเสื้อแดงเดือดร้อนมามากมาย วันนี้ถึงจุดที่เสธ.แดงจะต้องหยุด ถ้าไม่หยุดก็จะมีการกระชากหน้ากากกัน
"บางคนแต่งชุดนักรบก็ไม่ได้หมายความว่า เป็นนักรบ บางคนดูเหมือนของจริง แต่เป็นของปลอมก็เยอะ อย่างพวกเราไม่ใช่นักรบ แต่โดนมา 30 คดีไม่เคยหนี แต่บางคนใส่ชุดทหาร บอกว่า ตัวเองเป็นนักรบ แค่จะโดนออกหมายจับก็หนีไปเคดาร์ ประเทศมาเลเชีย อย่างนี้หรือนักรบ แล้วจะให้เราไปเชื่ออะไรได้ วันนี้ ถึงวันที่คนเสื้อแดงจะต้องมานั่งคุยกันว่าอะไรของจริง อะไรของปลอม เพราะวันนี้พวกเราเหมือนคนที่ลอยอยู่กลางน้ำ เห็นเงาตะคุ่มๆ มา ตอนแรกก็นึกว่าขอนไม้ บางคนก็คิดจะกระโดดลงจากแพไปเกาะ แต่พอเกาะไปแล้วสุดท้ายไม่ใช่ขอนไม้ เป็นแค่หมาเน่าตัวหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเราต้องมาจัดระบบกันใหม่ เพราะถ้าเกาะไปกับพวกนี้จะกลายเป็นว่าพาประชาชนผู้บริสุทธิ์มาตายกันเปล่าๆ" นายจตุพร กล่าว
**ไม่เชื่อใจฝั่งเคยคิดฆ่านายใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถึงการตัดสินใจไม่ขอโทษ พล.อ.พัลลภ หรือยัง นายจตุพร กล่าวว่า ตนได้สื่อสารกับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องการจะเคลียร์ทุกอย่างให้จบเหมือนกัน เพราะคนพวกนี้เคยอยู่ฝั่งที่จะฆ่าพ.ต.ท.ทักษิณ มาทั้งนั้น ไม่รู้เลยว่า ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ใครจัดวางใครมาอย่างไร เพราะช่วงที่ไปเมืองดูไบ (ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ครั้งล่าสุด เพื่อพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำเหมือนถ่ายทอดสดการเข้าพบมาที่ประเทศไทย มันหมายความว่า อย่างไร การทำอย่างนี้คิดไม่ได้หรือว่าดีหรือไม่ดี และคนแบบนี้ก็ขอบอกไว้เลยว่าต่อไปนี้จะไม่ไปคุยอะไรด้วย
นายจตุพร กล่าวว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประกาศจับตา 38 จังหวัดมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงนั้นก็เป็นผลพวงมาจากการเสนอทฤษฎีเรื่องความรุนแรงของคนกลุ่มนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คนพวกนี้พูดแล้วทำให้คนเสื้อแดงในต่างจังหวัดเดือดร้อน ทั้งๆ ที่พวกเราไม่เคยเตรียมการการชุมนุมใหญ่สำหรับคนต่างจังหวัดเลย การชุมนุมใหญ่ของเราก็จะใช้สันติวิธีเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯเท่านั้น ที่ผ่านมาเราไปชุมนุมในต่างจังหวัดก็ไม่เคยมีความรุนแรงเกิดขึ้น
"เราไม่เคยกลัวเรื่องการชิงการนำ และไม่สนใจด้วย ใครอยากจะขึ้นมานำก็ขอให้ขึ้นมาเลย แล้วก็คอยดูว่าจะเป็นอย่างไร พวกนี้ของปลอมทั้งนั้น มีอย่างหรือคนทำงานใต้ดินมาประกาศว่าจะทำงานใต้ดิน มีแค่คนโง่อยู่ไม่กี่คนหรอกที่คอยมาเป่าประกาศบอกชาวบ้านว่าจะไปทำงานใต้ดิน ที่โม้ๆ อยู่นั้นสร้างความเสียหายให้คนเสื้อแดงทั้งนั้น ขอให้รู้เอาไว้ด้วย ดังนั้นคนเสื้อแดงจะต้องมาจัดระบบกันใหม่ มาพูดเปิดหัวใจกันไม่เช่นนั้นก็ไปให้เขาฆ่าตายเสียเปล่าๆ" นายจตุพร กล่าว
**นช.แม้วทวิตแฟนคลับอย่าตื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงหัวค่ำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวิตเตอร์ตอบคำถามแฟนคลับถึงกรณีนี้ว่า “ฝากบอกทุกคนด้วยครับไม่ต้องตกใจ ช่วงนี้อาจมีความเครียดของคนทำงานและไปตื่นเต้นกับข่าวมากไปหน่อย โดยเฉพาะกับบางสื่อที่อย่างไรก็ตีเรา” นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทวิตข้อความว่า “อยู่ดูไบครับจะยังไม่ไปไหนจนกว่า 13 ก.พ.จะไปทำธุรกิจที่อูกานดาครับ”
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ากระบวนการใต้ดินของ พล.ต.ขัตติยะคืออะไร แต่ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดแนวทางสันติวิธี ไม่เคยสั่งการให้ใครทำอะไรผิดกฎหมาย หรือ ใช้ความรุนแรง ดังนั้น จึงฝากประชาชนว่าอย่าไปสับสนกับข่าว การต่อสู้ของเสื้อแดงต้องใช้มือเปล่าปกป้องตนเองเท่านั้น ต้องไม่มีการใช้อาวุธไปทำร้ายคนอื่น ทั้งนี้ พล.ต.ขัตติยะก็ต้องระมัดระวังการให้สัมภาษณ์เหมือนกัน บางทีมีเจตนาดี แต่ถูกแปลความผิด วันนี้พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ไกลการจะพูดอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงต้องระมัดระวัง เพราะจะไปเข้าทางรัฐบาลที่พยายามกล่าวหา โยนความผิดให้อดีตนายกฯ
**วิทยุชุมนุมท้องถิ่นตัวปลุกระดม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใกล่าวถึง 38 จังหวัดที่ต้องเฝ้าจับตามองการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า จะดูความเคลื่อนไหวบางจังหวัดที่ผ่านมาเป็นพิเศษและให้ความสำคัญสื่อท้องถิ่นบางจังหวัดที่เคยมีการปะทะ การเคลื่อนไหวและความรุนแรง ที่ออกนอกกรอบของกฎหมายโดยเฉพาะวิทยุชุมชนนั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ดังนั้น ถ้าไม่มีกฎหมายพิเศษ ก็ทำอะไรไม่ได้
“ถ้ามีความจำเป็นก็ประกาศใช้ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็จะหลีกเลี่ยง เราพยายามที่จะไม่ใช้กฎหมายพิเศษ แต่ถ้าจำเป็นต้องประกาศใช้ก็จะดูที่ความจำเป็นของสถานการณ์และพื้นที่ รัฐบาลมีแนวว่าจะใช้กฎหมายพิเศษให้น้อยที่สุด เพราะการประกาศใช้กฎหมายพิเศษที่ผ่านมาของรัฐบาล เราก็ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิ เสรีภาพ ขั้นพื้นฐาน เพียงแต่มาตรการการตรวจสอบจะเข้มงวดกวดขันมากขึ้น”
**โฆษกมาร์คแขวะพัลลภชายสามม๊อบ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่ากำลังมีความแตกแยกระหว่างแกนนำครั้งใหญ่ จึงขอเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในฐานะศาสดาของคนเสื้อแดง ออกมาจัดการกับสาวกตัวเอง เพราะมีการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊กกันอยู่เช่นนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ก็จะไปคนละทิศคนละทาง ในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามที่จะทำให้แกนนำคนเสื้อแดงสร้างความสามัคคีทั้งมีการโทรศัพท์หา พล.อ.ชวลิต รวมทั้งประสานให้ พล.อ.พัลลภ ไปคุยกับนายจตุพร ซึ่งการทำแบบนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่จะทำให้แกนนำเสื้อแดง โก่งค่าตัวและปั่นหุ้นให้ตัวเองมากขึ้น
ดังนั้นจะเป็นบทพิสูจน์ว่า พล.อ.พัลลภจะยอมกลืน น้ำลายตัวเองมาคืนดีกลับนายจตุพรหรือไม่ หรือจะยอมเสียคนตอนแก่ ทั้งนี้ตนแนะนำพล.อ.พัลลภว่าหากจะทำเพื่อประเทศไทยขอให้อยู่เฉยๆ อย่าไปอยู่กับม๊อบอื่นอีก ไม่เช่นนั้นจะเป็นไปตามสุภาษิตทีว่า หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์ ถ้าเปรียบ ก็เหมือน ชายสามม๊อบถือว่าคบไม่ได้ ดังนั้นหาก พล.อ.พัลลภอยากแสดงความรักชาติควรจะอยู่เฉยๆจะดีกว่า
**จี้ “อ๋อย”เลิกกดดันศาล
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาทำนายว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านว่า ความเห็นของนายจาตุรนต์ถือว่าหมิ่นเหม่และละเมิดอำนาจศาลเพราะที่ผ่านมาคนของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ว่าจะเป็นพล.อ.ชวลิต ก็ออกมาให้ความเห็นว่าจะมีการยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณแน่นอน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อ การทำงานของศาล จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวเลิกกดดันศาล
ส่วนที่นายจาตุรนต์กล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกดดันศาลนั้น ขอยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่เคยแสดงพฤติกรรมใดๆ ในการกดดันศาล ซึ่งผิดกับยุคพ.ต.ท.ทักษิณที่ทำการกดดันศาล แทรกแซงองค์กรอิสระ ถึงขนาดเอาลูก ของศาลรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันเกี่ยวกับอนาคตการทำงาน ส่วนที่นายจาตุรนต์กล่าวหาว่ารัฐบาลพยายามฉกฉวยโอกาส กรณีการยึดทรัพย์เพื่อปราบปรามประชาชนนั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยใช้ความ รุนแรงเพื่อปราบปรามประชาชน ซึ่งเหตุการณ์สงกรานต์เลือดที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์ว่า รัฐบาลไม่ได้ใช้ความรุนแรงที่ตรงกันข้ามฝ่ายกลุ่มเสื้อแดงที่ใช้ความรุนแรง จนความสูญเสียเกิดขึ้น การพูดของนายจาตุรนต์เพื่อสร้างกระแสและปลุกระดมให้คนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวก็เท่านั้น
วานนี้ (7 ก.พ.) สวนดุสิตโพลชี้คนไทยร้อยละ 37.68 หนักใจ กับการจัดตั้งกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง ขณะที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ว่า ยังไม่ได้คุยกับทั้งสองคน
ส่วนที่มีข่าวว่าพล.อ.พัลลภนัดคุยกับนายจตุพร ในวันที่ 8 ก.พ.นี้ นั้นพล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องเลย แต่คิดว่าเขาทั้ง 2 คน เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว พูดคุยกันก็คงเข้าใจ ทุกอย่างคงเรียบร้อย ขอให้ใจเย็นๆ เมื่อถามว่าจะเข้าไปเป็น คนกลางในการประสานทำความเข้าใจให้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า พรุ่งนี้ (8 ต.ค.) ตนก็มีคุยของตนกลุ่มเล็กๆ
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 13.00 น.พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ "เสธ.แดง" ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ว่า นายจตุพรใจร้อนรีบแถลงเรื่องด่า ทำให้พล.อ.พัลลภน้อยใจ แต่สำหรับตนแล้วไม่มีปัญหา ไม่ติดใจนายจตุพร "มึงไม่เอากู แต่กูเอามึง" เพราะเราต้องมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้คนเสื้อแเดง
"วันนี้นปช.กลัว เสธ.แดงจะแย่งชิงการเป็นแกนนำ ทั้งที่เราไม่มีเจตนาจะยุ่งกับนปช. แต่การที่ทุกคนออกมาเพราะต้องการนำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมา อย่าไปสำคัญตัวผิดว่า กูคือ นปช.สีแดง ถ้าไม่มีทักษิณก็ไม่มีนปช. เราจะต้องทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ไปแถลงข่าวด่ากันเอง แม้นายจตุพรจะนำคนออกมาเป็นล้านคนได้ แต่ถ้าถูกปิดถนนล้อมปราบ ประชาชนก็อดข้าวตาย ยิ่งถ้ามีการย้ายทำเนียบฯ รัฐสภา ไปอยู่ในค่ายทหาร ทุกอย่างก็จบ ประชาชนอยู่ได้แค่3-5 วันก็กลับบ้านไปเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่" พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวต่อว่า ตนผิดที่มีการแถลงข่าวการตั้งกองทัพประชาชน โดยไม่ได้ประสานกับทางกลุ่ม นปช. เพราะคิดว่า เราทำงานเป็นเส้นคู่ขนานกันอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ตนได้มีการโทรพูดคุยกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.แล้ว ซึ่งนายณัฐวุฒิก็เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่เราแพ้เพราะถูกทหารปราบ เพราะขณะนั้นขาดแก้ว 3 ประการ คือ พรรค แนวร่วม และกองกำลังประชาชน ซึ่งไม่ใช่กองกำลังติดอาวุธ แต่ขณะนี้เรามีครบแล้ว ซึ่งจากกรณีของนายจตุพร ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมองว่า เราขัดแย้ง ขณะนี้จึงมีผู้ใหญ่พยายามเชียร์ให้นายจตุพรไปขอโทษพล.อ.พัลลภ
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวต่อว่า หากไม่มีกองกำลังประชาชนเราจะรบกับรัฐบาลเถื่อนได้อย่างไร และนายจตุพร ต้องตอบให้ได้ว่า ถ้าเอาคนล้านคนมาล้อมทำเนียบ แล้วทหารออกปราบ เราจะทำอย่างไร เมื่อรัฐบาลอยู่ภายใต้ระบบอำมาตย์ และเขาคงพาคณะรัฐมนตรี (ครม.)หลบในค่ายทหาร ดังนั้นเราต้องมีกองกำลังในการยึดสภา เพื่อนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ และทำให้เจ้าหน้าที่เกียร์ว่าง การที่เราจะปราบทหารเราจะต้องมี 4 ประการ คือ1. ต้องมีพล.อ.ชวลิต เป็นผู้นำ เพราะท่านสามารถหยุดกำลังทหารได้ 2. เราต้องขนครอบครัวทหารในหน่วยรบทุกกรมกองทั้งต่างจังหวัด และกทม.ออกไปหยุดทหาร เพื่อไม่ให้ทหารยิง 3.ขอให้พ่อแม่อย่างส่งทหารกลับเข้ากรมกองเพราะถ้าไม่มีพลทหารก็รบไม่ได้ และเมื่อ วัน ว. เวลา น. กลุ่ม นปช.จะบุกทำเนียบ และปิดถนน ถ้าเกิดทหารเกียร์ว่าง เราจะยึดสภาได้ 4.กองทัพประชาชนที่พ.ต.ท.ทักษิณ วางไว้จะนำมวลชนสีแดงออกมา จะส่งกำลังบำรุงให้ฝ่ายเรา และตัดเส้นทางการบำรุงฝ่ายทหารให้อดข้าว หลังจากนี้จะมีการตั้งกองทัพประชาชน เพื่อรักษาความปลอดภัยประชาชนทีละจังหวัด เริ่มจากวันที่ 7 ก.พ. นายขวัญชัย ไพรพนา จะแถลงตั้งกองทัพประชาชนที่ จ.อุดรธานี แล้วถ้าไม่โดนอุ้มไปเสียก่อน
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า หากเราไม่ทำอย่างนี้จะเหมือนช่วงเดือนเมษายนที่เราจะแพ้อีก ดังนั้นขณะนี้นายจตุพรกับเสธ.แดงต้องร่วมมือกัน และเราจะไม่กระทบกระทั่งกันอีก และต่อไปเวลาพ.ต.ท.ทักษิณ สั่งอะไร เราจะประสานกับนปช.ตลอด เราต้องจับมือกัน เพื่อจะได้นำรธน.40 กลับมาใช้ และถ้าทหารเกียร์ว่าง พลทหารไม่เข้ากรม นายจตุพรจะเป็นประธานรัฐสภาทันที ทั้งนี้ ตนกับนายจตุพร ไม่ใช่ว่า เรามีความสำคัญ เราทั้งสองคนต้องเข้าใจว่า กลุ่ม นปช.สีแดงไม่ใช่ว่า เขาคลั่งไคล้หรือรักเรา แต่เขารักพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้เราสองคนนำพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน เราดังได้ เพราะ เกิดจากบารมีของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะถ้าไม่มีพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่มี นปช และ พ.ต.ท.ทักษิณจะนำระบบทุนนิยมมาทำลายระบบอนุรักษ์นิยมที่ทำลายระบบประชาธิปไตย
**ไอ้ตู้กร้าวเลิกเกรงใจ-ลั่น “ของปลอม”
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพรรคไทย(พท.) แกนนำนปช.กล่าวว่า ตนตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีการประสานเข้าขอโทษ พล.อ.พัลลภ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้ได้หารือกับแกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นๆ โดยเฉพาะ นายวีระ มุกสิกพงศ์ ประธาน นปช.แล้วว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องหลักการ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอาวุโส ไม่เกี่ยวกับเรื่องอายุ แต่เป็นเรื่องของความถูกต้อง ดังนั้น แกนนำคนเสื้อแดงจะพูดคุยกันแบบเปิดใจในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เพื่อมีมติเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วจะแถลงข่าวทันที
ที่ประกาศจะไปขอโทษ พล.อ.พัลลภ ก่อนหน้านี้นั้น เพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่เมื่อทำตัวไม่สมอายุก็คงไม่มีการพูดคุยอะไรกันอีก เพราะดูจากท่าทางพล.อ.พัลลภแล้ว คงจะไม่อยากพูดคุยกับพวกตนอีก เนื่องจากคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
พล.อ.พัลลภ ให้สัมภาษณ์ที่สถานีวิทยุแห่งหนึ่งว่า ตนไม่จำเป็นต้องไปขอโทษพล.อ.พัลลภ แต่ให้ไปขอโทษพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรค พท. ก็อยากจะถามว่า จะให้ไปขอโทษพล.อ.ชวลิต เรื่องอะไร เพราะพล.อ.ชวลิต ก็ปฏิเสธที่จะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพล.อ.พัลลภ เหมือนกัน แถมยังบอกว่า เรื่องนี้จะทำให้พรรค พท.แตกก็ต้องถามว่า ใครกันแน่ที่จะเข้ามาทำให้พรรค พท.แตก
"วันนี้มันมาถึงจุดที่ว่าใครที่อยู่ข้างเดียวกันบ้าง พวกผมยืนหยัดอยู่ข้างนี้มาตลอด 17 ปีโดยไม่เคยเปลี่ยนไปไหน เมื่อมาอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยย้ายข้างไปไหนทั้งสิ้น แต่บางคนเวียนไปเวียนมาอยู่หลายรอบ แล้ววันนี้เข้ามาที่นี่จะเข้ามาสั่งอย่างนั้นอย่างนี้ มันเกินไป วันนี้มันถึงจุดที่จะต้องหมดความเกรงใจ เพราะถ้ายังเกรงใจกัน เพราะเรื่องแบบนี้กันอยู่ก็คงจะพังกันทั้งหมด เหมือนตอนเมษาเลือด ที่พวกเรายังเกรงใจหลายคนอยู่ มันถึงทำให้ต้องสูญเสียขนาดนั้น เพราะครั้งนั้น เราเกรงใจบางคนที่ประกาศจะไปรบ แต่กลับมาพบทีหลังว่า เป็นของปลอม ไม่ใช่ของจริง" นายจตุพร กล่าว
**ขู่กระชากหน้ากากนักรบปลอม
นายจตุพรกล่าวว่า พล.ต.ขัตติยะเป็นอีกคนหนึ่งที่จะต้องหยุดการเคลื่อนไหวพูดจาพาดพิงตน และแกนนำคนเสื้อแดงหลายครั้ง ที่ผ่านมาพูดไปแล้วทำให้คนเสื้อแดงเดือดร้อนมามากมาย วันนี้ถึงจุดที่เสธ.แดงจะต้องหยุด ถ้าไม่หยุดก็จะมีการกระชากหน้ากากกัน
"บางคนแต่งชุดนักรบก็ไม่ได้หมายความว่า เป็นนักรบ บางคนดูเหมือนของจริง แต่เป็นของปลอมก็เยอะ อย่างพวกเราไม่ใช่นักรบ แต่โดนมา 30 คดีไม่เคยหนี แต่บางคนใส่ชุดทหาร บอกว่า ตัวเองเป็นนักรบ แค่จะโดนออกหมายจับก็หนีไปเคดาร์ ประเทศมาเลเชีย อย่างนี้หรือนักรบ แล้วจะให้เราไปเชื่ออะไรได้ วันนี้ ถึงวันที่คนเสื้อแดงจะต้องมานั่งคุยกันว่าอะไรของจริง อะไรของปลอม เพราะวันนี้พวกเราเหมือนคนที่ลอยอยู่กลางน้ำ เห็นเงาตะคุ่มๆ มา ตอนแรกก็นึกว่าขอนไม้ บางคนก็คิดจะกระโดดลงจากแพไปเกาะ แต่พอเกาะไปแล้วสุดท้ายไม่ใช่ขอนไม้ เป็นแค่หมาเน่าตัวหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเราต้องมาจัดระบบกันใหม่ เพราะถ้าเกาะไปกับพวกนี้จะกลายเป็นว่าพาประชาชนผู้บริสุทธิ์มาตายกันเปล่าๆ" นายจตุพร กล่าว
**ไม่เชื่อใจฝั่งเคยคิดฆ่านายใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถึงการตัดสินใจไม่ขอโทษ พล.อ.พัลลภ หรือยัง นายจตุพร กล่าวว่า ตนได้สื่อสารกับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องการจะเคลียร์ทุกอย่างให้จบเหมือนกัน เพราะคนพวกนี้เคยอยู่ฝั่งที่จะฆ่าพ.ต.ท.ทักษิณ มาทั้งนั้น ไม่รู้เลยว่า ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ใครจัดวางใครมาอย่างไร เพราะช่วงที่ไปเมืองดูไบ (ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ครั้งล่าสุด เพื่อพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำเหมือนถ่ายทอดสดการเข้าพบมาที่ประเทศไทย มันหมายความว่า อย่างไร การทำอย่างนี้คิดไม่ได้หรือว่าดีหรือไม่ดี และคนแบบนี้ก็ขอบอกไว้เลยว่าต่อไปนี้จะไม่ไปคุยอะไรด้วย
นายจตุพร กล่าวว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประกาศจับตา 38 จังหวัดมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงนั้นก็เป็นผลพวงมาจากการเสนอทฤษฎีเรื่องความรุนแรงของคนกลุ่มนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คนพวกนี้พูดแล้วทำให้คนเสื้อแดงในต่างจังหวัดเดือดร้อน ทั้งๆ ที่พวกเราไม่เคยเตรียมการการชุมนุมใหญ่สำหรับคนต่างจังหวัดเลย การชุมนุมใหญ่ของเราก็จะใช้สันติวิธีเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯเท่านั้น ที่ผ่านมาเราไปชุมนุมในต่างจังหวัดก็ไม่เคยมีความรุนแรงเกิดขึ้น
"เราไม่เคยกลัวเรื่องการชิงการนำ และไม่สนใจด้วย ใครอยากจะขึ้นมานำก็ขอให้ขึ้นมาเลย แล้วก็คอยดูว่าจะเป็นอย่างไร พวกนี้ของปลอมทั้งนั้น มีอย่างหรือคนทำงานใต้ดินมาประกาศว่าจะทำงานใต้ดิน มีแค่คนโง่อยู่ไม่กี่คนหรอกที่คอยมาเป่าประกาศบอกชาวบ้านว่าจะไปทำงานใต้ดิน ที่โม้ๆ อยู่นั้นสร้างความเสียหายให้คนเสื้อแดงทั้งนั้น ขอให้รู้เอาไว้ด้วย ดังนั้นคนเสื้อแดงจะต้องมาจัดระบบกันใหม่ มาพูดเปิดหัวใจกันไม่เช่นนั้นก็ไปให้เขาฆ่าตายเสียเปล่าๆ" นายจตุพร กล่าว
**นช.แม้วทวิตแฟนคลับอย่าตื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงหัวค่ำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวิตเตอร์ตอบคำถามแฟนคลับถึงกรณีนี้ว่า “ฝากบอกทุกคนด้วยครับไม่ต้องตกใจ ช่วงนี้อาจมีความเครียดของคนทำงานและไปตื่นเต้นกับข่าวมากไปหน่อย โดยเฉพาะกับบางสื่อที่อย่างไรก็ตีเรา” นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทวิตข้อความว่า “อยู่ดูไบครับจะยังไม่ไปไหนจนกว่า 13 ก.พ.จะไปทำธุรกิจที่อูกานดาครับ”
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ากระบวนการใต้ดินของ พล.ต.ขัตติยะคืออะไร แต่ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดแนวทางสันติวิธี ไม่เคยสั่งการให้ใครทำอะไรผิดกฎหมาย หรือ ใช้ความรุนแรง ดังนั้น จึงฝากประชาชนว่าอย่าไปสับสนกับข่าว การต่อสู้ของเสื้อแดงต้องใช้มือเปล่าปกป้องตนเองเท่านั้น ต้องไม่มีการใช้อาวุธไปทำร้ายคนอื่น ทั้งนี้ พล.ต.ขัตติยะก็ต้องระมัดระวังการให้สัมภาษณ์เหมือนกัน บางทีมีเจตนาดี แต่ถูกแปลความผิด วันนี้พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ไกลการจะพูดอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงต้องระมัดระวัง เพราะจะไปเข้าทางรัฐบาลที่พยายามกล่าวหา โยนความผิดให้อดีตนายกฯ
**วิทยุชุมนุมท้องถิ่นตัวปลุกระดม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใกล่าวถึง 38 จังหวัดที่ต้องเฝ้าจับตามองการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า จะดูความเคลื่อนไหวบางจังหวัดที่ผ่านมาเป็นพิเศษและให้ความสำคัญสื่อท้องถิ่นบางจังหวัดที่เคยมีการปะทะ การเคลื่อนไหวและความรุนแรง ที่ออกนอกกรอบของกฎหมายโดยเฉพาะวิทยุชุมชนนั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ดังนั้น ถ้าไม่มีกฎหมายพิเศษ ก็ทำอะไรไม่ได้
“ถ้ามีความจำเป็นก็ประกาศใช้ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็จะหลีกเลี่ยง เราพยายามที่จะไม่ใช้กฎหมายพิเศษ แต่ถ้าจำเป็นต้องประกาศใช้ก็จะดูที่ความจำเป็นของสถานการณ์และพื้นที่ รัฐบาลมีแนวว่าจะใช้กฎหมายพิเศษให้น้อยที่สุด เพราะการประกาศใช้กฎหมายพิเศษที่ผ่านมาของรัฐบาล เราก็ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิ เสรีภาพ ขั้นพื้นฐาน เพียงแต่มาตรการการตรวจสอบจะเข้มงวดกวดขันมากขึ้น”
**โฆษกมาร์คแขวะพัลลภชายสามม๊อบ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่ากำลังมีความแตกแยกระหว่างแกนนำครั้งใหญ่ จึงขอเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในฐานะศาสดาของคนเสื้อแดง ออกมาจัดการกับสาวกตัวเอง เพราะมีการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊กกันอยู่เช่นนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง ก็จะไปคนละทิศคนละทาง ในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามที่จะทำให้แกนนำคนเสื้อแดงสร้างความสามัคคีทั้งมีการโทรศัพท์หา พล.อ.ชวลิต รวมทั้งประสานให้ พล.อ.พัลลภ ไปคุยกับนายจตุพร ซึ่งการทำแบบนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่จะทำให้แกนนำเสื้อแดง โก่งค่าตัวและปั่นหุ้นให้ตัวเองมากขึ้น
ดังนั้นจะเป็นบทพิสูจน์ว่า พล.อ.พัลลภจะยอมกลืน น้ำลายตัวเองมาคืนดีกลับนายจตุพรหรือไม่ หรือจะยอมเสียคนตอนแก่ ทั้งนี้ตนแนะนำพล.อ.พัลลภว่าหากจะทำเพื่อประเทศไทยขอให้อยู่เฉยๆ อย่าไปอยู่กับม๊อบอื่นอีก ไม่เช่นนั้นจะเป็นไปตามสุภาษิตทีว่า หญิงสามผัว ชายสามโบสถ์ ถ้าเปรียบ ก็เหมือน ชายสามม๊อบถือว่าคบไม่ได้ ดังนั้นหาก พล.อ.พัลลภอยากแสดงความรักชาติควรจะอยู่เฉยๆจะดีกว่า
**จี้ “อ๋อย”เลิกกดดันศาล
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาทำนายว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านว่า ความเห็นของนายจาตุรนต์ถือว่าหมิ่นเหม่และละเมิดอำนาจศาลเพราะที่ผ่านมาคนของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ว่าจะเป็นพล.อ.ชวลิต ก็ออกมาให้ความเห็นว่าจะมีการยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณแน่นอน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อ การทำงานของศาล จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวเลิกกดดันศาล
ส่วนที่นายจาตุรนต์กล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกดดันศาลนั้น ขอยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่เคยแสดงพฤติกรรมใดๆ ในการกดดันศาล ซึ่งผิดกับยุคพ.ต.ท.ทักษิณที่ทำการกดดันศาล แทรกแซงองค์กรอิสระ ถึงขนาดเอาลูก ของศาลรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันเกี่ยวกับอนาคตการทำงาน ส่วนที่นายจาตุรนต์กล่าวหาว่ารัฐบาลพยายามฉกฉวยโอกาส กรณีการยึดทรัพย์เพื่อปราบปรามประชาชนนั้น ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยใช้ความ รุนแรงเพื่อปราบปรามประชาชน ซึ่งเหตุการณ์สงกรานต์เลือดที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์ว่า รัฐบาลไม่ได้ใช้ความรุนแรงที่ตรงกันข้ามฝ่ายกลุ่มเสื้อแดงที่ใช้ความรุนแรง จนความสูญเสียเกิดขึ้น การพูดของนายจาตุรนต์เพื่อสร้างกระแสและปลุกระดมให้คนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวก็เท่านั้น
