xs
xsm
sm
md
lg

"นช.แม้ว"ยิ่งดิ้นสู้ยิ่งไร้ราคา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากมองจากทิศทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร ในนามคนเสื้อแดงปัจจุบัน ที่สะเปะสะปะ ไร้เข็มทิศ หาแก่นสารสาระไม่ได้ ทำเห็นได้ชัดว่า เป้าหมายการกลับมามีอำนาจอีกครั้งของทักษิณ ชินวัตร นับวันห่างไกลออกไปทุกที

แม้ว่า ฝ่ายทักษิณจะพยายามต่อสู้ดิ้นรน มาตั้งแต่วินาทีแรก นับตั้งแต่ พรรคพลังประชาชนถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ซึ่งทำให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ "น้องเขย"ของทักษิณ ต้องพ้นจากตำแหน่ง และมีการย้ายขั้วของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมพร้อมด้วยกลุ่มเนวิน ชิดชอบ ทำให้ ฝ่ายนอมินีทักษิณ แพ้โหวตเลือกตั้งนายกฯ ในสภาผู้แทนราษฎร และหลังจากนั้น ทักษิณ ชินวัตรและบริวารก็เก็บสะสมความพ่ายแพ้ทางการเมืองมาโดยตลอด

หากย้อนความทรงจำไปเมื่อปลายปี 2551 จะเห็นว่า ทักษิณ เริ่มเปิดเกมชิงอำนาจคืนตั้งแต่วันแรกที่แพ้โหวตเลือกนายกฯ โดยการส่งคนเสื้อแดงไปกดดันหน้าสภา และแสดงพฤติกรรมป่าเถื่อนทุบทำร้ายรถยนต์ของ ส.ส.ที่ขับออกจากรัฐสภาหลังการประชุมเลือกนายกฯ

หลังจากนั้น คนเสื้อแดงยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่อง จนถึงวันสิ้นปี 2551 โดยการยกกำลังคนเสื้อแดงไปปิดล้อมรัฐสภา ไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าไปแถลงนโยบาย โดยหวังว่าจะให้นายอภิสิทธิ์ เสียเครดิตทางการเมือง เหมือนกรณีรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ใช้กำลังตำรวจปราบปรามการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฝ่ากองเลือดเข้าไปแถลงนโยบายในวันที่ 7 ตุลาคมปีเดียวกัน

แต่นายอภิสิทธิ์ก็แก้เกมง่ายๆ ด้วยการย้ายไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

หลังจากนั้น ต้นปี 2552 ทักษิณและบริวารเริ่มเดินเกมใหม่ ด้วยสโลแกน “แดงทั้งแผ่นดิน” ตระเวนจัดชุมนุมปราศรัยตามจังหวัดต่างๆ ปลุกระดมให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลขึ้นทั่วประเทศ โดยเริ่มชิมลางจัดชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งคราวในเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม ก่อนที่จะเริ่มยุทธการ"สงครามประชาชน"ขั้นแตกหากช่วงปลายเดือนมีนาคม ต่อเนื่องถึงเมษายน

ผลลงเอยอย่างไร ก็คงรู้ๆ กันอยู่ เมื่อการชุมนุมขาดพลังกดดันไปยังบุคคลเป้าหมาย ทำให้ต้องหันไปใช้ความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และนำไปสู่การก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมือง กลายเป็นความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของคนเสื้อแดงในที่สุด

จนกระทั่งเดือน มิถุนายน การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง จึงปรับเปลี่ยนจากการชุมนุมประท้วงมาเป็นการจัดงานอีเวนต์ เพื่อสร้างมวลชนขึ้นมาใหม่ก่อน เช่น งาน 24 มิถุนา วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง, งานวันเกิดของทักษิณในเดือนกรกฎาคม, จัดล่าชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ,งานครบรอบโดนยึดอำนาจ 19 กันยายน,งานทวงถามความคืบหน้าการถวายฎีกา ฯลฯ โดยวางเป้าหมายว่า เมื่อสร้างฐานมวลชนแดงทั้งแผ่นดินแล้ว จะเคลื่อนไหวใหญ่ขั้นแตกหักในช่วงปลายปี 2552

แต่เมื่อช่วงเวลาไม่เอื้ออำนวย เพราะช่วงปลายปี ตรงกับช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา ต่อเนื่องถึงปีใหม่ ฝ่ายทักษิณจึงปรับแผน จัดแค่อีเวนต์วันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม โดยมีโฟนอินจากทักษิณเป่าหูคนเสื้อแดงให้เตรียมเคลื่อนไหวใหญ่ช่วงต้นปี 53 ซึ่งเปิดฉากด้วยการไปทวงความคืบหน้าคดีที่ดินเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ตามด้วยที่ดินสนามกอล์ฟเขาสอยดาวไฮแลนด์ ที่ จ.จันทบุรี ที่คนเสื้อแดงพยายามเชื่อมโยงว่า พล.อ.เปรมมีส่วนเกี่ยวข้อง

แต่ทั้ง 2 อีเวนต์รับปี 53 ของคนเสื้อแดง ก็เกิดอาการมุกแป๊กเช่นเดิม เมื่อไม่สามารถระดมคนจำนวนมากออกมาสร้างแรงกดดันไปยังเป้าหมายได้ แกนนำคนเสื้อแดง เคยประกาศจะระดมคนให้ได้อย่างต่ำ 1 แสนคน แต่ที่เขายายเที่ยงนั้นมามากที่สุดเพียง 3,500 คน ส่วนที่เขาสอยดาวประมาณ 5,000 คน ส่วนประเด็นข้อเรียกร้องเรื่องการทวงคืนที่ดินป่าสงวนที่ถูกบุกรุกนั้น เป็นเพียงข้ออ้างที่จะหาเรื่องมากล่าวหารัฐบาลและกระทบไปถึงสถาบันองคมนตรีเท่านั้น เพราะหากจริงใจในการทวงคืนที่ดินของรัฐ เหตุใดจึงไม่ทวงคืนที่ดินที่ถูกคนในระบอบทักษิณบุกรุก ซึ่งมีอยู่แทบจะทุกภูมิภาคของประเทศไทย

เมื่อประเด็นเขายายเที่ยงและเขาสอยดาวปลุกกระแสขับไล่รัฐบาลไม่ขึ้น ฝ่ายทักษิณจึงพยาพยามสร้างประเด็นใหม่ ออกมาอย่างฉุกละหุก เนื่องจากวันสำคัญคือการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน 26 กุมภาพันธ์ ใกล้มาถึง

เช่น การกุข่าวเรื่องการปฏิวัติ แล้วให้คนเสื้อแดงก็เอาไปเป็นประเด็นเคลื่อนไหวที่อ้างว่าเป็นการต่อต้านการปฏิวัติ ด้วยการเปิดเวทีด่าทอกองทัพตามจุดต่างๆ ซึ่งน่าจะเป็นการยั่วยุให้เกิดการปฏิวัติมากกว่า

ขณะที่ทหารนอกแถวอย่าง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ก็ปฏิบัติการป่วน ด่าทอผู้บังคับบัญชาหนักขึ้น จนนายทหารต้องออกมาตบเท้าปกป้องผู้บังคับบัญชาทั่วประเทศ พร้อมให้ข่าวในเชิงข่มขู่ว่า จะมีการลอบสังหารผู้พิพากษาที่จะตัดสินคดียึดทรัพย์ ซึ่งทำให้ทักษิณต้องออกมาปฏิเสธเป็นพัลวันว่า เขาไม่ทำอย่างนั้น

ขณะเดียวกัน เสธ.แดงยังไปประกาศแนวทางการต่อสู้ของคนเสื้อแดงแบบเพ้อเจ้อว่า จะยึดแนวการต่อสู้ตามหลัก “แก้ว 3 ประการ”ของ “เหมา เจ๋อ ตง”ที่นำการปฏิวัติจีนสำเร็จเมื่อ 60 กว่าปีก่อน ประกอบด้วย “พรรค” คือ พรรคเพื่อไทย “มวลชน” คือ กลุ่มคนเสื้อแดง และ “กองทัพ” คือ กองทัพประชาชนคนสื้อแดงที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่

ปฏิบัติการเลอะเทอะอีกด้านที่เชื่อกันว่า เป็นฝีมือของฝ่ายทักษิณ นั่นคือ การปาอุจจาระเข้าไปในบ้านนายก รัฐมนตรี ซึ่งมีเบาะแสล่าสุดว่า เกี่ยวโยงกับคนที่อยู่ดูไบแน่นอน โดยมีการว่าจ้างด้วยเงินถึง 3 ล้านบาท ตามคำแนะนำของหมอดู เพื่อแก้เคล็ดให้ล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ให้ได้

ช่วงเวลาเดียวกัน แกนนำคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งนำโดย พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รวมทั้ง เสธ.แดงได้เดินทางไปรับบัญชาจากนายใหญ่ถึงดูไบ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา และวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวว่า ทักษิณ ได้แต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ให้เป็นผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพประชาชนของคนเสื้อแดงที่ตั้งขึ้นมาสู้กับรัฐบาล ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันทีว่า นี่คือการกบฏหรือไม่

แม้วันแต่มา พล.อ.พัลลภ จะอ้างว่า ทักษิณไม่ได้แต่งตั้ง พล.อ.ชวลิตเป็นผู้บัญชาการกองทัพเสื้อแดง แต่เป็นแค่แกนนำคนเสื้อแดงคนใหม่เท่านั้น แต่ พล.อ.พัลลภก็ยังเป็นตัวแทนของทักษิณ ยื่นเงื่อนไขต่อรัฐบาลว่าพร้อมเจรจายุติศึก แต่มีข้อแม้ว่า “นช.แม้ว”ต้องไม่ติดคุก ต้องคืนทรัพย์สิน และให้เอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ หลังจากนั้นให้ยุบสภาเลือกตั้งกันใหม่

ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธโดยทันที เมื่อนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า ทักษิณต้องยอมรับผิดและเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายเท่านั้น

นั่นเท่ากับว่า หนทางของทักษิณที่จะกลับสู่อำนาจน่าจะเหลือโอกาสเท่ากับศูนย์แล้ว จึงน่าจับตาว่า หลังจากนี้ ทักษิณและคนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวด้วยวิธีการใดอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น