ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค" เรียกถก สมช.ด่วน รับมือ "ฮุนเซน" ควง "แม้ว" เหยียบพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร ยันไม่หวั่น "แม้ว" ตั้ง "จิ๋ว" คุมกองทัพแดงชนรัฐบาล ปลุกประชาชนร่วมกันต้าน เตือน"จิ๋ว"ควรใช้ความอาวุโสช่วยคลี่คลายสถานการณ์ "เทือก" ลั่นจะยอมให้มีกองทัพเถื่อนไม่ได้ ด้าน"จิ๋ว"ใส่เกียร์ถอย ไม่รับเป็นผู้บัญชาการทัพแดงหลังเจอแต่เสียงด่า “สุริยะใส” ชี้ "แม้ว-จิ๋ว" เข้าข่ายกบฎ
“มาร์ค” เรียกถก สมช.ด่วน รับมือ “ฮุน เซน” เหยียบพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร
เมื่อเวลา 21.30 น. วานนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ที่ห้องรับรองวีไอพี ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. เป็นต้น โดยน่าสังเกตว่าพล.อ.อนุพงษ์และพล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดมาก
การประชุมครั้งนี้นายกฯ ได้แจ้งไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในเวลา 14.00 น. เพื่อขอหารือประเมินสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และกรณีสมเด็จฮุนเซน จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ทับซ้อนบริเวณชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ 4.6 ตารางก.ม. ในวันที่ 6-7 ก.พ.นี้ ซึ่งในวันดังกล่าวมีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะร่วมเดินทางมาด้วย ทั้งนี้ การเดินทางมาตรวจพื้นที่ทับซ้อนบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ทางกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สมเด็จฮุนเซน ได้แจ้งมายังทางการไทยแล้ว
“สุเทพ” เตือน “ฮุน เซน” ไปพระวิหารได้ แต่อย่าอ้างสิทธิ์ “พื้นที่ทับซ้อน” พร้อมสั่งทหารรอต้อนรับ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมว่า การเรียกประชุม สมช.ครั้งนี้ สืบเนื่องจากตนเองได้ประชุมฝ่ายความมั่นคงไปแล้วในช่วงเช้า และต้องนำมารายงานนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงอื่นต้องร่วมรับทราบด้วย
เมื่อถามว่ามีเรื่องด่วนอะไรที่ต้องพิจารณาให้ได้ในวันนี้ นายสุเทพ กล่าวปฏิเสธว่าไม่มี เป็นการทำงานตามปกติธรรมดา เมื่อถามว่า เกี่ยวกับกรณีที่ฮุนเซน จะเดินทางมาตรวจบริเวณพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ เฉพาะเรื่องนี้ เป็นเรื่องทั่วๆไป ไม่ได้มีการนัดหาล่วงหน้า และผบ.ทบ.ก็จะเดินทางไปต่างประเทศ เลยอยากให้ท่านร่วมประชุมด้วย
เมื่อถามว่า การที่สมเด็จฮุนเซนออกมาเคลื่อนไหวเวลานี้ จะมีผลอะไรหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ในส่วนที่เป็นพื้นที่ของเขา เขาก็มาได้ เมื่อถามว่าเราต้องจับตาอะไรพิเศษหรือไม่ เพราะมีข่าวพ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า มาไม่ได้หรอก ทั้งหมดไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่เป็นเรื่องที่เราต้องเตรียมมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงที่จะส่งผลกระทบเสียหายต่อประทศชาติประชาชน
เมื่อถามว่า พื้นที่ชายแดนต้องมีการวางมาตรการป้องกันเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมากับสมเด็จฮุนเซน
เมื่อถามว่า การที่สมเด็จฮุนเซน มาตรวจพื้นที่ทับซ้อนทางเราต้องไปร่วมด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จะพิจารณาดูตามสถานการณ์ และจะมาหรือไม่มา ยังไม่ทราบ แต่พื้นที่ทับซ้อนใครข้างใดข้างหนึ่งจะแสดงความเป็นเจ้าของคนเดียวไม่ได้
ส่วนการที่กัมพูชาเคลื่อนไหวครั้งนี้เพราะกรรมการมรดกโลกจะตัดสินในเดือนก.พ.นี้ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เหตุผลข้างเขาเราไม่ทราบ แต่เหตุผลข้างเราคือหากเป็นพื้นที่ทับซ้อนเขามาได้ เราก็ไปได้
เมื่อถามว่า มองการเคลื่อนไหวนอกประเทศนี้มีความเชื่อมโยงกับในประเทศหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่ารีบสรปุไป แต่เราต้องเตรียมรับสถานการณ์ให้ดีที่สุด และยังมั่นใจกับแนวทางการรับมือในสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อถามว่า ตรงกับการที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็ต้องระแวดระวัง ในทุกเรื่องทุกด้านเพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติประชาชนให้ดีที่สุด
" ยืนยัน เรามีวิธีการปฏิบัติอยู่แล้ว หากสมเด็จฮุนเซนมาในพื้นที่นั้น เขามาได้ เราก็ไปได้ ซึ่งต้องดูกันก่อน เรามีหน้าที่ดูแลไม่ให้เสียเปรียบ หากคนในรัฐบาลจะไปก็ต้องเป็นตนเอง ส่วนการออก พ.ร.บ. ความมั่นคง เพื่อดูแลเรื่องนี้นั้น คิดว่ายังไม่จำเป็น แต่จะเรียนายกฯ จะใช้กฎหมายตามสถานการณ์ ตามความเหมาะสม เวลานี้อาจต้องมีการประชุมฝ่ายความมั่นคงให้ถี่ขึ้นเพื่อประเมินสถานการณ์
“ชวนนท์” พร้อมต้อนรับ“ฮุน เซน” เยือน “พื้นที่ทับซ้อน”
ด้านนายกษิต ให้สัมภาษณ์ ก่อนเข้าประชุม กรณี สมเด็จฮุนเซน เดินทางเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อนว่า ไทยก็เตรียมพร้อม
เมื่อถามว่าเหตุผลใดที่นายกฯ กัมพูชาเข้าพื้นที่ นายกษิต กล่าวว่า ไปถามทางนั้น เมื่อถามว่านายกฯกัมพูชา แจ้งให้ไทยทราบก่อนหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่าแจ้งมาเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ว่านายกฯ กัมพูชาจะเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อน
“วีระ” เชื่อ “ฮุน เซน” เหยียบ “พระวิหาร” หวังตบตาชาวโลก
“ทหารไทย” ตรึงกำลังเข้มรับ “ฮุน เซน” เยือน “พระวิหาร”
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวตลอดช่วงเย็นวานนี้ว่า ฮุนเซน และทักษิณ มีกำหนดการเดินทางมาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้นายกฯต้องเรียกประชุมสมช.ด่วน
ด้านนายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ เปิดเผยกรณีที่มีข่าวว่า ฮุนเชน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะมาตรวจเยี่ยมทหารกัมพูชา บริเวณพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร และบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ว่า เรื่องดังกล่าวทางรัฐบาลไทย ก็ได้ทราบข้อมูลมาโดยตลอด ซึ่งในส่วนของไทยก็ไม่ได้ขัดข้องที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางเข้ามาในบริเวณ พื้นที่ดังกล่าว ในส่วนของทางการไทยก็พร้อมจะมีการมอบหมายให้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปต้อนรับ และอำนวยความสะดวก ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณา และย้ำว่าการเดินทางมา หรือไม่มาของนายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้นไม่กระทบกับเรื่องสิทธิ์หรืออธิปไตยของ ประเทศไทย
"มองในแง่สร้างสรรค์ ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาเห็นข้อเท็จจริงในพื้นที่ ถือเป็นการปูทางเพื่อให้เกิดการเจรจาหารือเรื่องปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาต่อ ไป และยังไม่มีการเสริมกำลังใดๆ เพราะถือว่ายังเป็นเรื่องปกติ" นายธานี กล่าว
***มาร์กยันอย่าตื่นตระหนก
สำหรับกรณีพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุหลังการหารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูไบ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (กปช.) ในการเคลื่อนไหว ร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงในการทวงคืนทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอย่าตื่นตระหนก แต่อย่าประมาท และขอความร่วมมือประชาชนว่าให้ช่วยแจ้งเบาะแสของความไม่ปกติ ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ขณะนี้บ้านเมืองกำลังเดินไปข้างหน้า เศรษฐกิจก็กำลังฟื้นตัว ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราจะต้องมามีปัญหากันเอง ใครมีเบาะแสเห็นความไม่ปกติตรงไหนเราจะช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย และทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการยื่นเงื่อนไขจะให้เวลารัฐบาลในการเจรจากันจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรง เพราะไม่สามารถควบคุมประชาชนได้ คิดว่าแนวทางการเจรจายังมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า " ผมเห็นเขาบอกว่าจะเจรจาต่อเมื่อเอารัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้ก่อน แล้วยุบสภา ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าจะทำอะไรก่อน ทำอะไรหลัง หรือทำอย่างไร เป็นการพูดเพื่อให้เกิดความสับสนว่า เงื่อนไขการเคลื่อนไหวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประชาธิปไตย ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ ส่วนการเจรจานั้นตนยังยืนยันที่หลักการเดิม"
***ชี้ “แม้ว” ต้องยอมรับผิดก่อน
" ถ้าคุณทักษิณแสดงความเคารพกระบวนการยุติธรรม ผมก็มั่นใจว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่พร้อมให้อภัย จุดเริ่มต้นคือ ต้องยอมรับระบบของเราก่อน แต่ถ้าหากคุณทักษิณยังไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมรับกระบวนการ มันก็เป็นเรื่องยาก ไปดูมาตรฐานของการวินิจฉัยของกระทรวงยุติธรรม จะเป็นสมัยคุณทักษิณ หรือคุณสมัคร (สุนทรเวช) อดีตนายกฯ ก็ชัดว่า เวลาที่คนขอพระราชทานอภัยโทษ การแสดงความเห็นของทางรัฐบาลจะบอกเสมอว่า ต้องเป็นกรณีที่ไม่ใช่มีการหลบหนี หรือมีการไปโต้แย้งคำพิพากษา"
เมื่อถามว่าขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พร้อมที่จะเข้ามารับโทษในประเทศไทย แต่ต้องการล้มกระดาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล้มกระดานไปก็ไม่ได้ลบล้างคำพิพากษาหรือลบล้างความผิดที่ตัวเองทำไว้ เพราะฉะนั้นเป็นเพียงความพยายามที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายมากกว่า
"ผมอยากฝากถึงประชาชนว่า ขณะนี้ผลประโยชน์ของประเทศคือการมีเสถียรภาพ และการที่เราสามารถเดินต่อไปในกระบวนการตามปกติ กระบวนการประชาธิปไตยของเราอีกไม่ถึง 2 ปี ก็จะต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็มีอิสระในการที่จะเคลื่อนไหว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่สังคมจะเข้าไปสู่เรื่องความรุนแรงต่อสู้ประหัตประหารกันเอง ผมขอยืนยันว่า สิ่งที่พูดมาทั้งหมดว่าจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถึงแม้จะสำเร็จในความหมายเรื่องการล้มกระดาน ก็ไม่สามารถช่วยคนที่เคยกระทำความผิดได้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะไปเคลื่อนไหวในลักษณะนั้น"
“วันนี้ผมไม่ทราบว่าพล.อ.ชวลิต ท่านรับตำแหน่งนี้หรือไม่อย่างไร (ผบ.สส.กปช.) ผมเรียนว่า ท่านก็เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี เคยรับราชการมายาวนาน ผมคิดว่าคนอย่างท่าน คงไม่อยากจะเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย รุนแรง และอยากจะให้ท่านใช้ความเป็นผู้อาวุโสได้ทำให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี” นายอภิสิทธิ์กล่าว
“สุเทพ” ขู่ “แดงเถื่อน” พกอาวุธ “ติดคุกแน่”
** "เทือก"ลั่นไม่ให้มีกองทัพเถื่อน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวว่า รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มาตามวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง มีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาของชาติและประชาชน
"ผมไม่ยอมรับกองทัพเถื่อนใดๆ ทั้งสิ้น และผมก็ไม่ยอมให้กองทัพเถื่อนใดๆ มาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง มาเผาบ้าน เผาเมือง มาก่อจลาจล จึงยืนยันให้ประชาชนสบายใจ และจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย อยู่ในกรอบของกฎหมายส่วนเรื่องเจรจานั้น ใครจะเจรจาอะไรกับรัฐบาลก็ได้ทั้งนั้น ยินดี ถ้าเจรจาเรื่องที่ไม่ให้คุณทักษิณติดคุก ไม่ให้ดำเนินคดีใดๆกับคุณทักษิณเลย หรือต้องคืนทรัพย์สินให้คุณทักษิณ อย่างนี้เราก็คงทำไม่ได้ อยู่ๆก็มาประกาศจัดตั้งกองทัพ มีการจัดตั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอย่างนี้ มันเถื่อน มันผิดกฎหมาย" รองนายกฯกล่าว
ส่วนการที่กลุ่มเสื้อแดงพยายามบุกไปชุมนุมที่หน้าหน่วยทหารต่างๆ เพื่อปลุกเร้า และกดดันให้รัฐบาลใช้กำลังนั้น นายสุเทพ ยืนยันว่ารัฐบาลรับมือได้ตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ ตามที่เขาได้ขู่ไว้
**สั่งคุมเข้มสถานที่ราชการ
ต่อมานายสุเทพ ได้เดินทางไปร่วมประชุมกับ ผบ.เหล่าทัพ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่กองบัญชาการกองทัพ และให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ได้มีการสรุปสถานการณ์และหารือกันเกี่ยวกับการดูแลรักษาบ้านเมือง โดยเห็นพ้องต้องกันว่ารัฐบาลจะต้องหามาตรการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงใดๆขึ้น และไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร ก็จะแจ้งให้ประชาชนทราบทุกขั้นตอนผ่านทางสื่อซึ่งในที่ประชุมวันนี้ผมได้สั่งให้มีการทำแผนเตรียมการไว้แล้ว" รองนายกฯ กล่าว
ส่วนการเคลื่อนไหวใต้ดิน ก็ให้เจ้าหน้าที่ติดตามทุกอย่าง และขณะนี้ยังไม่มีการตั้งกองกำลังต่างๆ เราไม่ยอมให้ใครมาตั้งกองกำลังในบ้านเมือง เมื่อถามว่าได้ถาม พล.อ.อนุพงษ์ เรื่องการปฏิวัติบ้างหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ต้องถาม นั่งทำงานอยู่ด้วยกัน วางแผนอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันทุกวัน ยืนยันว่าไม่มี ก็คือไม่มี ไม่ต้องมาใส่ร้ายว่าทหารคิดปฏิวัติ ทหารไม่ปฏิวัติเด็ดขาด ผมมั่นใจในกองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ว่ามีความหนักแน่น มั่นคง ไม่หวั่นไหว
**พร้อมใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯ-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะรุนแรงกว่าเหตุการณ์เมื่อช่วงเมษายนปีที่ผ่านมา รองนายกฯ กล่าวว่า เราพยายามที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอย่างนั้น โดยในสถานการณ์อย่างนี้จะใช้กฎหมายปกติไปก่อน ถ้ากฎหมายปกติเอาไม่อยู่ ก็จะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และถ้าสถานการณ์รุนแรงถึงขนาดก่อจลาจล ก็ใช้พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน
“อนุพงษ์” มั่นใจ ไม่มี “ปฏิวัติ” แน่นอน
**"อนุพงษ์"มั่นใจทุกอย่างเรียบร้อย
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งกองทัพประชาชนฯ โดยให้พล.อ. ชวลิต เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น ไม่ทราบว่าแต่งตั้งด้วยกลไกอะไร ส่วนการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 5 – 14 ก.พ.นี้ ได้มอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. ดูแลสถานการณ์อย่างไรบ้าง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทุกคนทำตามกรอบบทบาทหน้าที่ ตนรับประกันกับประชาชนทั้งประเทศว่า จะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น หากเกิดเหตุ หรือมีใครสร้างสถานการณ์ เราจะช่วยกันกับตำรวจ และภาคประชาชน ดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ คงไม่ต้องกำชับ หรือสั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นพิเศษในช่วงที่ตนไม่อยู่ ทุกคนเรียบร้อย กองทัพบกทุกคนอยู่ในวินัย
*** “จิ๋ว"ดอดหารือแกนนำก่อนถอย
ด้านพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ได้แถลงที่พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(กปช.)ว่า คำว่า กองทัพประชาชนฯ คงจะหมายถึง 1.กองทัพแห่งชาติในพระเจ้าอยู่หัว หรือกองทัพของประชาชน หรือ 2. อาจจะมีคนไปพูดว่านี่เป็นเรื่องของพี่น้องเสื้อแดง ที่วันนี้เติบโตมาก แต่ต้องทำความเข้าใจว่า กลุ่มพี่น้องเสื้อแดงเกิดขึ้นมาเพราะอยากเห็นความเป็นธรรมในสังคมนี้
เมื่อถามว่าเป็นความพยายามที่จะเสนอเงื่อนไขการเจรจาของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าใฝ่สันติมานานแล้ว และให้ทุกอย่างกลับคืนมาตามตัวบทกฎหมาย โดยประชาชนส่วนใหญ่ควรจะได้เลือกรัฐบาลเอง คงจะไม่ใช่การจะให้เจรจา
ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมาไปทำอะไรที่อาคารชินวัตร 3 พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า รู้ได้อย่างไร แค่แวะไปดูอะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ชวลิต ได้นัดหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย รวมทั้งอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่อาคารชินวัตร 3 ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวปฏิเสธไม่รับเป็นผู้นำกองทัพประชาชนฯ
**"แม้ว"อ้างแค่เตือนไม่ให้ปราบเสื้อแดง
เมื่อเวลา 12.30 น. วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ดอทคอม ถึงกรณีที่จะมีการจัดตั้งกองทัพประชาชนโดยกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมทั้งแต่งตั้งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพประชาชนว่า
"อย่าตกใจกับข่าวว่าจะมีอะไรรุนแรง ผมบอกทุกคนที่มาหาว่า เราจะต่อสู้ด้วยความจริง โดยสันติวิธี การพูดของ เสธ.แดง เป็นการเตือนรัฐบาลไม่ให้ปราบประชาชน"
**"พัลลภ"บอกแค่ใช้คำพูดผิด
ด้านพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ออกมาปฏิเสธ เรื่องเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ของกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (กปช.) ว่า เป็นความผิดของตนเองที่พูดว่าเป็นกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วให้ พล.อ.ชวลิต เป็น ผบ.สส. เป็นการใช้คำที่ผิดเอง แต่ความจริงสมาชิกเสื้อแดงเขาเรียกตัวเองว่า เป็นกองทัพประชาชนอยู่แล้ว ตนจึงใช้คำนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามพล.อ.ชวลิต ท่านปฏิเสธที่จะเป็น ผบ.สส. แต่ท่านพร้อมที่จะเป็นผู้นำประชาชน
"ผมได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเรามีความเป็นห่วงเหมือนกัน นายกฯทักษิณ ไม่อยากให้มีการปะทะ แต่คนเข้ามาเยอะ ดังนั้นต้องมีแกนนำคนหนึ่งเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา คือการชุมนุมหลังวันที่ 14 ก.พ. จะมีประชาชนมาเป็นล้านคน เพื่อให้เป็นทิศทางเดียวกัน จึงมีแนวความคิดว่า ต้องมีผู้นำที่มีบารมี และคนเกรงใจ ซึ่งพล.อ.ชวลิต เป็นผู้ที่มีบารมี คนในพรรคเพื่อไทย และแกนนำ 3 เกลอ เกรงใจ ซึ่งพล.อ.ชวลิต จะมาเป็นลักษณะผู้นำประชาชน และก่อนที่จะเดินทางไป ดูไบ ก็ได้พูดกับ พล.อ.ชวลิตแล้ว ซึ่งท่านก็ยินดีที่จะเป็นผู้นำประชาชน แต่ผมใช้คำพูดผิดเอง ที่ให้ท่านเป็น ผบ.สส." พล.อ.พัลลภ กล่าว
เมื่อถามว่าการจัดตั้งองค์กรประชาชน เป็นอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า องค์กรของเรา คือ มวลชน โดยมีแกนนำ 3 เกลอ เป็นผู้ดำเนินการด้านมวลชน ก็ทำกันไป ส่วน พล.อ.ชวลิต เป็นลักษณะผู้นำ คอยให้คำแนะนำว่าการเคลื่อนไหวตรงไหน มีความเหมาะสม เป็นผู้ใหญ่คอยดูแลการเคลื่อนไหว ส่วนตนจะเป็นผู้ดูแลด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับการชุมนุม
เมื่อถามว่า จะใช้เวทีชุมนุมกดดันการพิจารณาคดียึดทรัพย์ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เราเรียกร้องเรื่อง 2 มาตรฐาน และความไม่ยุติธรรมในบ้านเมือง การเรียกร้องเรื่องยึดทรัพย์เราเลยข้ามขั้นไปแล้ว
**"แม้ว"ขู่เจรจาก่อนคุมไม่ได้
ด้านพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงการเดินทางไป ดูไบ เพื่อพบพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตน และพล.อ.พัลลภ ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง ในช่วงที่จะพิจารณา คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ได้บอกกับว่า พร้อมจะเปิดโต๊ะเจรจากับทุกฝ่ายโดยเฉพาะรัฐบาล เพื่อความสมานฉันท์ก่อน เช่น ยุบสภา ลาออก เปลี่ยนขั้ว เป็นต้น เพราะหากถึงช่วงเวลาที่กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวในปลายเดือนนี้ เหตุการณ์จะบานปลาย ควบคุมไม่ได้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงฝากมาบอกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมเจรจาในช่วงนี้ พบคนละครึ่งทาง เดินทางมา ไปเจอกันประเทศไหน หรือให้พล.อ.ชวลิต ทำก็ได้
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องการแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต เป็นผู้นำกองทัพประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นด้วย อย่างมาก
**ชี้"แม้ว-จิ๋ว"เข้าข่ายกบฏ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้ง พล.อ.ชวลิต เป็น ผู้บัญชาการกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยนั้น เป็นการตอกย้ำให้เห็นเจตนารมณ์ที่แท้จริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายว่า พร้อมจะป่วนบ้านป่วนเมืองเพื่อให้ตัวเองกลับมามีอำนาจไม่ว่าประเทศชาติจะเกิดความเสียหายมากมายแค่ไหนก็ตาม เรื่องนี้โดยเจตนาเข้าข่ายกบฏอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ล้มรัฐธรรมนูญ และผิดประมวลกฎหมายอาญาหลายมาตรา
โดยรวมแล้วสถานการณ์เดือนนี้สุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรง และแหลมคมต่อกองกำลังจัดตั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.พัลลภ บงการ เชื่อว่าภายในเดือนนี้อาจมีการจัดระเบียบหรือเปลี่ยนหัวการนำ โดยพล.อ.พัลลภ กับ เสธ.แดง อาจยึดอำนาจการนำจาก 3 เกลอ เพื่อบัญชาการทัพเอง โดยเฉพาะการนำแบบสงครามแตกหัก ซึ่งประเมินกันภายในกองทัพแดงว่า 3 เกลอมือไม่ถึง
"ฝ่ายรัฐต้องไม่ประมาท และต้องเท่าทันสงครามแบบลับลวงพราง ที่เครือข่ายระบอบทักษิณ พยายามจะปิดเกมให้ได้ภายในเดือนนี้ โดยเฉพาะการสกัดกั้นไม่ให้ผู้พิพากษาในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาได้" นายสุริยะใส กล่าว
เมื่อเวลา 21.30 น. วานนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ที่ห้องรับรองวีไอพี ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. เป็นต้น โดยน่าสังเกตว่าพล.อ.อนุพงษ์และพล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้าเคร่งเครียดมาก
การประชุมครั้งนี้นายกฯ ได้แจ้งไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในเวลา 14.00 น. เพื่อขอหารือประเมินสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และกรณีสมเด็จฮุนเซน จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ทับซ้อนบริเวณชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ 4.6 ตารางก.ม. ในวันที่ 6-7 ก.พ.นี้ ซึ่งในวันดังกล่าวมีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะร่วมเดินทางมาด้วย ทั้งนี้ การเดินทางมาตรวจพื้นที่ทับซ้อนบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ทางกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สมเด็จฮุนเซน ได้แจ้งมายังทางการไทยแล้ว
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมว่า การเรียกประชุม สมช.ครั้งนี้ สืบเนื่องจากตนเองได้ประชุมฝ่ายความมั่นคงไปแล้วในช่วงเช้า และต้องนำมารายงานนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงอื่นต้องร่วมรับทราบด้วย
เมื่อถามว่ามีเรื่องด่วนอะไรที่ต้องพิจารณาให้ได้ในวันนี้ นายสุเทพ กล่าวปฏิเสธว่าไม่มี เป็นการทำงานตามปกติธรรมดา เมื่อถามว่า เกี่ยวกับกรณีที่ฮุนเซน จะเดินทางมาตรวจบริเวณพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ เฉพาะเรื่องนี้ เป็นเรื่องทั่วๆไป ไม่ได้มีการนัดหาล่วงหน้า และผบ.ทบ.ก็จะเดินทางไปต่างประเทศ เลยอยากให้ท่านร่วมประชุมด้วย
เมื่อถามว่า การที่สมเด็จฮุนเซนออกมาเคลื่อนไหวเวลานี้ จะมีผลอะไรหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ในส่วนที่เป็นพื้นที่ของเขา เขาก็มาได้ เมื่อถามว่าเราต้องจับตาอะไรพิเศษหรือไม่ เพราะมีข่าวพ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า มาไม่ได้หรอก ทั้งหมดไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่เป็นเรื่องที่เราต้องเตรียมมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงที่จะส่งผลกระทบเสียหายต่อประทศชาติประชาชน
เมื่อถามว่า พื้นที่ชายแดนต้องมีการวางมาตรการป้องกันเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมากับสมเด็จฮุนเซน
เมื่อถามว่า การที่สมเด็จฮุนเซน มาตรวจพื้นที่ทับซ้อนทางเราต้องไปร่วมด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จะพิจารณาดูตามสถานการณ์ และจะมาหรือไม่มา ยังไม่ทราบ แต่พื้นที่ทับซ้อนใครข้างใดข้างหนึ่งจะแสดงความเป็นเจ้าของคนเดียวไม่ได้
ส่วนการที่กัมพูชาเคลื่อนไหวครั้งนี้เพราะกรรมการมรดกโลกจะตัดสินในเดือนก.พ.นี้ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เหตุผลข้างเขาเราไม่ทราบ แต่เหตุผลข้างเราคือหากเป็นพื้นที่ทับซ้อนเขามาได้ เราก็ไปได้
เมื่อถามว่า มองการเคลื่อนไหวนอกประเทศนี้มีความเชื่อมโยงกับในประเทศหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่ารีบสรปุไป แต่เราต้องเตรียมรับสถานการณ์ให้ดีที่สุด และยังมั่นใจกับแนวทางการรับมือในสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อถามว่า ตรงกับการที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็ต้องระแวดระวัง ในทุกเรื่องทุกด้านเพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติประชาชนให้ดีที่สุด
" ยืนยัน เรามีวิธีการปฏิบัติอยู่แล้ว หากสมเด็จฮุนเซนมาในพื้นที่นั้น เขามาได้ เราก็ไปได้ ซึ่งต้องดูกันก่อน เรามีหน้าที่ดูแลไม่ให้เสียเปรียบ หากคนในรัฐบาลจะไปก็ต้องเป็นตนเอง ส่วนการออก พ.ร.บ. ความมั่นคง เพื่อดูแลเรื่องนี้นั้น คิดว่ายังไม่จำเป็น แต่จะเรียนายกฯ จะใช้กฎหมายตามสถานการณ์ ตามความเหมาะสม เวลานี้อาจต้องมีการประชุมฝ่ายความมั่นคงให้ถี่ขึ้นเพื่อประเมินสถานการณ์
ด้านนายกษิต ให้สัมภาษณ์ ก่อนเข้าประชุม กรณี สมเด็จฮุนเซน เดินทางเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อนว่า ไทยก็เตรียมพร้อม
เมื่อถามว่าเหตุผลใดที่นายกฯ กัมพูชาเข้าพื้นที่ นายกษิต กล่าวว่า ไปถามทางนั้น เมื่อถามว่านายกฯกัมพูชา แจ้งให้ไทยทราบก่อนหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่าแจ้งมาเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ว่านายกฯ กัมพูชาจะเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อน
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวตลอดช่วงเย็นวานนี้ว่า ฮุนเซน และทักษิณ มีกำหนดการเดินทางมาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้นายกฯต้องเรียกประชุมสมช.ด่วน
ด้านนายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ เปิดเผยกรณีที่มีข่าวว่า ฮุนเชน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะมาตรวจเยี่ยมทหารกัมพูชา บริเวณพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร และบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ว่า เรื่องดังกล่าวทางรัฐบาลไทย ก็ได้ทราบข้อมูลมาโดยตลอด ซึ่งในส่วนของไทยก็ไม่ได้ขัดข้องที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางเข้ามาในบริเวณ พื้นที่ดังกล่าว ในส่วนของทางการไทยก็พร้อมจะมีการมอบหมายให้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปต้อนรับ และอำนวยความสะดวก ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณา และย้ำว่าการเดินทางมา หรือไม่มาของนายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้นไม่กระทบกับเรื่องสิทธิ์หรืออธิปไตยของ ประเทศไทย
"มองในแง่สร้างสรรค์ ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาเห็นข้อเท็จจริงในพื้นที่ ถือเป็นการปูทางเพื่อให้เกิดการเจรจาหารือเรื่องปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาต่อ ไป และยังไม่มีการเสริมกำลังใดๆ เพราะถือว่ายังเป็นเรื่องปกติ" นายธานี กล่าว
***มาร์กยันอย่าตื่นตระหนก
สำหรับกรณีพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุหลังการหารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูไบ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (กปช.) ในการเคลื่อนไหว ร่วมกับกลุ่มเสื้อแดงในการทวงคืนทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอย่าตื่นตระหนก แต่อย่าประมาท และขอความร่วมมือประชาชนว่าให้ช่วยแจ้งเบาะแสของความไม่ปกติ ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ขณะนี้บ้านเมืองกำลังเดินไปข้างหน้า เศรษฐกิจก็กำลังฟื้นตัว ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราจะต้องมามีปัญหากันเอง ใครมีเบาะแสเห็นความไม่ปกติตรงไหนเราจะช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย และทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการยื่นเงื่อนไขจะให้เวลารัฐบาลในการเจรจากันจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรง เพราะไม่สามารถควบคุมประชาชนได้ คิดว่าแนวทางการเจรจายังมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า " ผมเห็นเขาบอกว่าจะเจรจาต่อเมื่อเอารัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้ก่อน แล้วยุบสภา ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าจะทำอะไรก่อน ทำอะไรหลัง หรือทำอย่างไร เป็นการพูดเพื่อให้เกิดความสับสนว่า เงื่อนไขการเคลื่อนไหวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประชาธิปไตย ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ ส่วนการเจรจานั้นตนยังยืนยันที่หลักการเดิม"
***ชี้ “แม้ว” ต้องยอมรับผิดก่อน
" ถ้าคุณทักษิณแสดงความเคารพกระบวนการยุติธรรม ผมก็มั่นใจว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่พร้อมให้อภัย จุดเริ่มต้นคือ ต้องยอมรับระบบของเราก่อน แต่ถ้าหากคุณทักษิณยังไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมรับกระบวนการ มันก็เป็นเรื่องยาก ไปดูมาตรฐานของการวินิจฉัยของกระทรวงยุติธรรม จะเป็นสมัยคุณทักษิณ หรือคุณสมัคร (สุนทรเวช) อดีตนายกฯ ก็ชัดว่า เวลาที่คนขอพระราชทานอภัยโทษ การแสดงความเห็นของทางรัฐบาลจะบอกเสมอว่า ต้องเป็นกรณีที่ไม่ใช่มีการหลบหนี หรือมีการไปโต้แย้งคำพิพากษา"
เมื่อถามว่าขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พร้อมที่จะเข้ามารับโทษในประเทศไทย แต่ต้องการล้มกระดาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ล้มกระดานไปก็ไม่ได้ลบล้างคำพิพากษาหรือลบล้างความผิดที่ตัวเองทำไว้ เพราะฉะนั้นเป็นเพียงความพยายามที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายมากกว่า
"ผมอยากฝากถึงประชาชนว่า ขณะนี้ผลประโยชน์ของประเทศคือการมีเสถียรภาพ และการที่เราสามารถเดินต่อไปในกระบวนการตามปกติ กระบวนการประชาธิปไตยของเราอีกไม่ถึง 2 ปี ก็จะต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็มีอิสระในการที่จะเคลื่อนไหว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่สังคมจะเข้าไปสู่เรื่องความรุนแรงต่อสู้ประหัตประหารกันเอง ผมขอยืนยันว่า สิ่งที่พูดมาทั้งหมดว่าจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถึงแม้จะสำเร็จในความหมายเรื่องการล้มกระดาน ก็ไม่สามารถช่วยคนที่เคยกระทำความผิดได้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะไปเคลื่อนไหวในลักษณะนั้น"
“วันนี้ผมไม่ทราบว่าพล.อ.ชวลิต ท่านรับตำแหน่งนี้หรือไม่อย่างไร (ผบ.สส.กปช.) ผมเรียนว่า ท่านก็เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี เคยรับราชการมายาวนาน ผมคิดว่าคนอย่างท่าน คงไม่อยากจะเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย รุนแรง และอยากจะให้ท่านใช้ความเป็นผู้อาวุโสได้ทำให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี” นายอภิสิทธิ์กล่าว
** "เทือก"ลั่นไม่ให้มีกองทัพเถื่อน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวว่า รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มาตามวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้อง มีความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศ แก้ไขปัญหาของชาติและประชาชน
"ผมไม่ยอมรับกองทัพเถื่อนใดๆ ทั้งสิ้น และผมก็ไม่ยอมให้กองทัพเถื่อนใดๆ มาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง มาเผาบ้าน เผาเมือง มาก่อจลาจล จึงยืนยันให้ประชาชนสบายใจ และจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย อยู่ในกรอบของกฎหมายส่วนเรื่องเจรจานั้น ใครจะเจรจาอะไรกับรัฐบาลก็ได้ทั้งนั้น ยินดี ถ้าเจรจาเรื่องที่ไม่ให้คุณทักษิณติดคุก ไม่ให้ดำเนินคดีใดๆกับคุณทักษิณเลย หรือต้องคืนทรัพย์สินให้คุณทักษิณ อย่างนี้เราก็คงทำไม่ได้ อยู่ๆก็มาประกาศจัดตั้งกองทัพ มีการจัดตั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอย่างนี้ มันเถื่อน มันผิดกฎหมาย" รองนายกฯกล่าว
ส่วนการที่กลุ่มเสื้อแดงพยายามบุกไปชุมนุมที่หน้าหน่วยทหารต่างๆ เพื่อปลุกเร้า และกดดันให้รัฐบาลใช้กำลังนั้น นายสุเทพ ยืนยันว่ารัฐบาลรับมือได้ตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ ตามที่เขาได้ขู่ไว้
**สั่งคุมเข้มสถานที่ราชการ
ต่อมานายสุเทพ ได้เดินทางไปร่วมประชุมกับ ผบ.เหล่าทัพ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่กองบัญชาการกองทัพ และให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ได้มีการสรุปสถานการณ์และหารือกันเกี่ยวกับการดูแลรักษาบ้านเมือง โดยเห็นพ้องต้องกันว่ารัฐบาลจะต้องหามาตรการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงใดๆขึ้น และไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร ก็จะแจ้งให้ประชาชนทราบทุกขั้นตอนผ่านทางสื่อซึ่งในที่ประชุมวันนี้ผมได้สั่งให้มีการทำแผนเตรียมการไว้แล้ว" รองนายกฯ กล่าว
ส่วนการเคลื่อนไหวใต้ดิน ก็ให้เจ้าหน้าที่ติดตามทุกอย่าง และขณะนี้ยังไม่มีการตั้งกองกำลังต่างๆ เราไม่ยอมให้ใครมาตั้งกองกำลังในบ้านเมือง เมื่อถามว่าได้ถาม พล.อ.อนุพงษ์ เรื่องการปฏิวัติบ้างหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ต้องถาม นั่งทำงานอยู่ด้วยกัน วางแผนอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกันทุกวัน ยืนยันว่าไม่มี ก็คือไม่มี ไม่ต้องมาใส่ร้ายว่าทหารคิดปฏิวัติ ทหารไม่ปฏิวัติเด็ดขาด ผมมั่นใจในกองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ว่ามีความหนักแน่น มั่นคง ไม่หวั่นไหว
**พร้อมใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯ-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะรุนแรงกว่าเหตุการณ์เมื่อช่วงเมษายนปีที่ผ่านมา รองนายกฯ กล่าวว่า เราพยายามที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอย่างนั้น โดยในสถานการณ์อย่างนี้จะใช้กฎหมายปกติไปก่อน ถ้ากฎหมายปกติเอาไม่อยู่ ก็จะประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และถ้าสถานการณ์รุนแรงถึงขนาดก่อจลาจล ก็ใช้พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน
**"อนุพงษ์"มั่นใจทุกอย่างเรียบร้อย
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งกองทัพประชาชนฯ โดยให้พล.อ. ชวลิต เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น ไม่ทราบว่าแต่งตั้งด้วยกลไกอะไร ส่วนการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 5 – 14 ก.พ.นี้ ได้มอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. ดูแลสถานการณ์อย่างไรบ้าง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทุกคนทำตามกรอบบทบาทหน้าที่ ตนรับประกันกับประชาชนทั้งประเทศว่า จะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น หากเกิดเหตุ หรือมีใครสร้างสถานการณ์ เราจะช่วยกันกับตำรวจ และภาคประชาชน ดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ คงไม่ต้องกำชับ หรือสั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นพิเศษในช่วงที่ตนไม่อยู่ ทุกคนเรียบร้อย กองทัพบกทุกคนอยู่ในวินัย
*** “จิ๋ว"ดอดหารือแกนนำก่อนถอย
ด้านพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ได้แถลงที่พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(กปช.)ว่า คำว่า กองทัพประชาชนฯ คงจะหมายถึง 1.กองทัพแห่งชาติในพระเจ้าอยู่หัว หรือกองทัพของประชาชน หรือ 2. อาจจะมีคนไปพูดว่านี่เป็นเรื่องของพี่น้องเสื้อแดง ที่วันนี้เติบโตมาก แต่ต้องทำความเข้าใจว่า กลุ่มพี่น้องเสื้อแดงเกิดขึ้นมาเพราะอยากเห็นความเป็นธรรมในสังคมนี้
เมื่อถามว่าเป็นความพยายามที่จะเสนอเงื่อนไขการเจรจาของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าใฝ่สันติมานานแล้ว และให้ทุกอย่างกลับคืนมาตามตัวบทกฎหมาย โดยประชาชนส่วนใหญ่ควรจะได้เลือกรัฐบาลเอง คงจะไม่ใช่การจะให้เจรจา
ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมาไปทำอะไรที่อาคารชินวัตร 3 พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า รู้ได้อย่างไร แค่แวะไปดูอะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ชวลิต ได้นัดหารือกับแกนนำพรรคเพื่อไทย รวมทั้งอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่อาคารชินวัตร 3 ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวปฏิเสธไม่รับเป็นผู้นำกองทัพประชาชนฯ
**"แม้ว"อ้างแค่เตือนไม่ให้ปราบเสื้อแดง
เมื่อเวลา 12.30 น. วานนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ดอทคอม ถึงกรณีที่จะมีการจัดตั้งกองทัพประชาชนโดยกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมทั้งแต่งตั้งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพประชาชนว่า
"อย่าตกใจกับข่าวว่าจะมีอะไรรุนแรง ผมบอกทุกคนที่มาหาว่า เราจะต่อสู้ด้วยความจริง โดยสันติวิธี การพูดของ เสธ.แดง เป็นการเตือนรัฐบาลไม่ให้ปราบประชาชน"
**"พัลลภ"บอกแค่ใช้คำพูดผิด
ด้านพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ออกมาปฏิเสธ เรื่องเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ของกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (กปช.) ว่า เป็นความผิดของตนเองที่พูดว่าเป็นกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วให้ พล.อ.ชวลิต เป็น ผบ.สส. เป็นการใช้คำที่ผิดเอง แต่ความจริงสมาชิกเสื้อแดงเขาเรียกตัวเองว่า เป็นกองทัพประชาชนอยู่แล้ว ตนจึงใช้คำนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามพล.อ.ชวลิต ท่านปฏิเสธที่จะเป็น ผบ.สส. แต่ท่านพร้อมที่จะเป็นผู้นำประชาชน
"ผมได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเรามีความเป็นห่วงเหมือนกัน นายกฯทักษิณ ไม่อยากให้มีการปะทะ แต่คนเข้ามาเยอะ ดังนั้นต้องมีแกนนำคนหนึ่งเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา คือการชุมนุมหลังวันที่ 14 ก.พ. จะมีประชาชนมาเป็นล้านคน เพื่อให้เป็นทิศทางเดียวกัน จึงมีแนวความคิดว่า ต้องมีผู้นำที่มีบารมี และคนเกรงใจ ซึ่งพล.อ.ชวลิต เป็นผู้ที่มีบารมี คนในพรรคเพื่อไทย และแกนนำ 3 เกลอ เกรงใจ ซึ่งพล.อ.ชวลิต จะมาเป็นลักษณะผู้นำประชาชน และก่อนที่จะเดินทางไป ดูไบ ก็ได้พูดกับ พล.อ.ชวลิตแล้ว ซึ่งท่านก็ยินดีที่จะเป็นผู้นำประชาชน แต่ผมใช้คำพูดผิดเอง ที่ให้ท่านเป็น ผบ.สส." พล.อ.พัลลภ กล่าว
เมื่อถามว่าการจัดตั้งองค์กรประชาชน เป็นอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า องค์กรของเรา คือ มวลชน โดยมีแกนนำ 3 เกลอ เป็นผู้ดำเนินการด้านมวลชน ก็ทำกันไป ส่วน พล.อ.ชวลิต เป็นลักษณะผู้นำ คอยให้คำแนะนำว่าการเคลื่อนไหวตรงไหน มีความเหมาะสม เป็นผู้ใหญ่คอยดูแลการเคลื่อนไหว ส่วนตนจะเป็นผู้ดูแลด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับการชุมนุม
เมื่อถามว่า จะใช้เวทีชุมนุมกดดันการพิจารณาคดียึดทรัพย์ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เราเรียกร้องเรื่อง 2 มาตรฐาน และความไม่ยุติธรรมในบ้านเมือง การเรียกร้องเรื่องยึดทรัพย์เราเลยข้ามขั้นไปแล้ว
**"แม้ว"ขู่เจรจาก่อนคุมไม่ได้
ด้านพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงการเดินทางไป ดูไบ เพื่อพบพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตน และพล.อ.พัลลภ ได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง ในช่วงที่จะพิจารณา คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ได้บอกกับว่า พร้อมจะเปิดโต๊ะเจรจากับทุกฝ่ายโดยเฉพาะรัฐบาล เพื่อความสมานฉันท์ก่อน เช่น ยุบสภา ลาออก เปลี่ยนขั้ว เป็นต้น เพราะหากถึงช่วงเวลาที่กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวในปลายเดือนนี้ เหตุการณ์จะบานปลาย ควบคุมไม่ได้ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงฝากมาบอกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมเจรจาในช่วงนี้ พบคนละครึ่งทาง เดินทางมา ไปเจอกันประเทศไหน หรือให้พล.อ.ชวลิต ทำก็ได้
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องการแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต เป็นผู้นำกองทัพประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นด้วย อย่างมาก
**ชี้"แม้ว-จิ๋ว"เข้าข่ายกบฏ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้ง พล.อ.ชวลิต เป็น ผู้บัญชาการกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยนั้น เป็นการตอกย้ำให้เห็นเจตนารมณ์ที่แท้จริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายว่า พร้อมจะป่วนบ้านป่วนเมืองเพื่อให้ตัวเองกลับมามีอำนาจไม่ว่าประเทศชาติจะเกิดความเสียหายมากมายแค่ไหนก็ตาม เรื่องนี้โดยเจตนาเข้าข่ายกบฏอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ล้มรัฐธรรมนูญ และผิดประมวลกฎหมายอาญาหลายมาตรา
โดยรวมแล้วสถานการณ์เดือนนี้สุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรง และแหลมคมต่อกองกำลังจัดตั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.พัลลภ บงการ เชื่อว่าภายในเดือนนี้อาจมีการจัดระเบียบหรือเปลี่ยนหัวการนำ โดยพล.อ.พัลลภ กับ เสธ.แดง อาจยึดอำนาจการนำจาก 3 เกลอ เพื่อบัญชาการทัพเอง โดยเฉพาะการนำแบบสงครามแตกหัก ซึ่งประเมินกันภายในกองทัพแดงว่า 3 เกลอมือไม่ถึง
"ฝ่ายรัฐต้องไม่ประมาท และต้องเท่าทันสงครามแบบลับลวงพราง ที่เครือข่ายระบอบทักษิณ พยายามจะปิดเกมให้ได้ภายในเดือนนี้ โดยเฉพาะการสกัดกั้นไม่ให้ผู้พิพากษาในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาได้" นายสุริยะใส กล่าว