xs
xsm
sm
md
lg

ภาพ “กองทัพแดง” สยอง - “จิ๋ว” กลับลำหรือลับลวงพราง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผ่าประเด็นร้อน”

แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจสรุปแบบฟันธงได้ว่าการออกมาปฏิเสธของ พล.อ.ชวลิต และการเน้นย้ำสันติวิธีของ ทักษิณ จะเป็นการกลบเกลื่อนหลังจากสถานการณ์ไม่เป็นใจ หรือว่าเป็นประเภท ลับลวงพรางให้เขวไปอีกทางก็ตาม แต่เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาแบ็กกราวด์ของอดีตนายทหารที่เคยสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนมาแล้วหลายครั้งจนติดตาย่อมไม่ธรรมดาแน่

ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าภาพ “กองทัพแดง” หรือ “กองทัพประชาชน” ที่มีการขยายความโดย พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และ “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ย่อมส่งผลออกมาในทาง “น่ากลัว” เห็นภาพของการเข่นฆ่าในบ้านเมืองจนเลือดนองเป็นท้องธารกันเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ก็จะเห็นภาพการปฏิวัติของกองทัพแดงของ “เหมา เจ๋อตุง” ที่นำทัพพรรคคอมมิวนิสต์เข้ายึดอำนาจ รวมไปถึงการโค่นล้มในรัสเซียล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างถอนรากถอนโคน หรือแม้แต่กองทัพเขมรแดงของพลพต เข้ายึดกรุงพนมเปญ เมื่อปี 2518 เป็นต้น ล้วนเป็นภาพที่ชวนสยดสยองพองเกล้า

แม้ว่าชื่อเต็มๆที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณีนำมาขยายความว่า “กองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” อาจฟังดูแล้วแปลกๆมั่วๆขัดกันเองกับพฤติกรรมในภาพรวมอยู่ในทีพิกล แต่ที่ผ่านมาภาพของกองกำลังติดอาวุธ ใช้ความรุนแรงเริ่มถูกมองในโทนแบบนั้นมากขึ้น โดยเฉพาะในระยะหลังที่มี พล.อ.พัลลภ และ เสธ.แดง เข้าไปเกี่ยวข้อง ถึงขนาดมีข่าวความเคลื่อนไหวในการฝึกอาวุธมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันปฏิเสธไม่ได้ว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้เพิ่มแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแกนนำที่มีตั้งเวทีชุมนุมย่อยในหลายจังหวัดทั่วประเทศ มีกิจกรรมกันมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะ “ปลุกระดม” เป็นการสร้างเงื่อนไขความไม่เป็นธรรมหรือ “สองมาตรฐาน” และนับวันยิ่งเข้มข้น โดยเฉพาะ ทักษิณ ชินวัตร มีการวิดีโอลิงก์ รวมไปถึงทวิตเตอร์เข้ามาในเวทีคนเสื้อแดงเน้นย้ำแต่เรื่องประเด็นดังกล่าว

ความหมายก็คือหากไม่มีการคืนความยุติธรรม และคืนประชาธิปไตยกลับมา ก็จะไม่มีการยุติ

นอกเหนือจากนี้ยังมีความพยายามในการใช้คำพูดและความเคลื่อนไหวในลักษณะข่มขู่องค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็นอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และศาล

ขณะที่ พล.อ.ชวลิต ก็เพิ่งระบุว่าคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีการพิพากษาในวันที่ 26 ก.พ.ศาลจะยึดแค่บางส่วนเท่านั้น เมื่อถูกถามว่ารู้ได้อย่างไร เขาก็ใช้ชั้นเชิงตอบให้กำกวมว่า “เป็นความลับ” ต้องการให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา

แต่ถึงอย่างไรความหมายก็คือเป็นการกดดันหรือชี้นำศาล และยังรวมไปถึงกรณีข้อครหาในเรื่องการวิ่งเต้นตามมาอีกด้วย ซึ่งล้วนแล้วมีความหมายในทางลบทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดีหากสังเกตจะพบว่าแนวทางในการสร้างกระแสในเรื่องเงินสินบนจากคดียึดทรัพย์ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น กล่าวหาว่า คตส.จะได้รับเงินส่วนแบ่งกว่าหมื่นล้านบาทหากมีการยึดทรัพย์ของ ทักษิณ รวมไปถึงกรณีที่ เสธ.แดงกล่าวให้ร้ายศาลว่าจะได้รับส่วนแบ่งคนละพันล้าน

หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ขว้างปาสิ่งปฏิกูลเข้าไปในบ้านพักของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อสองสามวันก่อนมันก็สะท้อนภาพของการข่มขู่ได้อย่างชัดเจน

จนกระทั่ง พล.อ.พัลลภ ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องการตั้งกองทัพประชาชน ภายหลังกลับจากยกคณะไปพบกับ ทักษิณ ที่ดูไบ และการระบุว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้นำกองทัพแดง” เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงเคลื่อนไหวในด้านกองกำลังติดอาวุธ เพื่อปฏิวัติสังคมใหม่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมๆกับภาพความน่ากลัว ภาพของสงครามกลางเมืองผุดขึ้นในใจของคนจำนวนไม่น้อย

ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งที่ซ้อนขึ้นมา ก็ย่อมเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือสังคมไม่เอาด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในขณะนี้ นอกเหนือจากการไม่ยอมรับในตัวบุคคลอย่างเช่น พล.อ.พัลลภ และ เสธ.แดง แล้ว ยังจะเห็นได้จากการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไปสร้างแรงกดดันอยู่ตามหน่วยทหารพร้อมกันทั่วประเทศ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า มีคนเสื้อแดงเพียงแค่หยิบมือเดียว

สังคมไม่ตอบรับ อาจจะเป็นเพราะคนรู้ทันว่ายังไม่มีเงื่อนไขที่สุกงอมพอ อีกทั้งหากมีการปฏิวัติเกิดขึ้นจริง ฝ่ายที่จะสูญเสียอำนาจน่าจะเป็นรัฐบาลที่นำโดย นายกฯ อภิสิทธิ์ มากกว่า ตรงกันข้าม ทักษิณ กลับได้ประโยชน์เสียอีก โดยเฉพาะในเรื่องของการนิรโทษกรรมลบล้างความผิด หรือหากเกิดขึ้นก็อาจใช้เป็นเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ดังนั้นกลายเป็นว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเวลานี้น่าจะต้องการยั่วยุให้ทหารออกมาปฏิวัติมากกว่าการต่อต้านปฏิวัติเสียด้วยซ้ำ

นอกเหนือจากนี้ยังมีภาพของความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทยระหว่าง เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.กับ สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำกลุ่มกทม.ถึงขั้นด่าว่าเสียๆหายๆขึ้นมึงขึ้นอี ยิ่งเป็นภาพความปั่นป่วนก่อนที่จะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพียงไม่กี่วัน ก็ยิ่งติดลบมากขึ้นไปอีก

เมื่อภาพโดยรวมไม่เป็นไปตามเป้าหมาย นั่นคือปลุกไม่ขึ้นทำให้หลายคนต้องรีบชิ่งกันเป็นการใหญ่ ล่าสุด พล.อ.ชวลิต ก็ออกมาแถลงปฏิเสธเรื่องการเป็นผู้บัญชาการกองทัพแดงเป็นพัลวันพร้อมทั้งย้ำในเรื่องการกลับมาเล่นการเมืองในกรอบตามแนวทางสมานฉันท์ และอ้างว่าเป็นการเข้าใจผิดของ พล.อ.พัลลภ ที่พูดออกมาแบบนั้น

แม้แต่ ทักษิณ ก็รีบทวิตเตอร์ ตั้งใจให้เป็นข่าวย้ำว่าไม่มีเรื่องการตั้งกองทัพประชาชน และเน้นการต่อสู้ด้วยความจริง ด้วยสันติวิธี หรือแม้แต่แกนนำเสื้อแดงในปัจจุบัน ทั้ง จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ก็ประสานเสียงปฏิเสธ

ดังนั้น แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจสรุปแบบฟันธงได้ว่าการออกมาปฏิเสธของ พล.อ.ชวลิต และการเน้นย้ำสันติวิธีของ ทักษิณ จะเป็นการกลบเกลื่อนหลังจากสถานการณ์ไม่เป็นใจ หรือว่าเป็นประเภท ลับลวงพรางให้เขวไปอีกทางก็ตาม แต่เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาแบ็กกราวด์ของอดีตนายทหารที่เคยสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนมาแล้วหลายครั้งจนติดตาย่อมไม่ธรรมดาแน่

ขณะเดียวกันก็เป็นไปได้ว่า พล.อ.พัลลภ ที่มักทำอะไรโฉ่งฉ่างจึง “หลุดคิว” จนเสียขบวนก่อนถึงวันดีเดย์หรือไม่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น