ปธ.พรรคเพื่อไทย เปิดอกแถลงข่าวรู้ชั่วดีไม่สวมหัวโขนผู้บัญชาการกองทัพประชาชน ย้ำกลับมาเล่นการเมืองเพราะต้องการเห็นความสมานฉันท์และแสดงความจงรักภักดี ยังหวานเจี๊ยบป้อง “พัลลภ” คงอยากให้เป็นผู้นำเสื้อแดงที่ใฝ่สันติเพื่อประโยชน์ชาติ ปัดเป็นเงื่อนไขขอเจรจาของ “แม้ว” ทิ้งทวนยังเคารพ “ป๋าเปรม” ไม่เปลี่ยนแปลง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แถลง
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (กปช.) ว่า การที่ตนกลับมาทำงานการเมืองใหม่ก็ได้ประกาศไว้ชัดเจนต่อหน้าบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วว่า มีเจตนารมณ์ที่จะมาทำงานที่สำคัญต่อบ้านเมือง 5 ประการคือ 1.พิสูจน์ว่าพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดง และพี่น้องของเราบางคนที่อยู่ในต่างประเทศว่าจงรักภักดีอย่างไร 2.เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงให้จบหรือเสร็จสิ้นไป 3.ต้องการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ 4.การเข้าใจอันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นปัญหารุนแรงมากขึ้น และ5.แก้ปัญหาความยากจน นี่คือเจตนารมณ์ของตนในการมาทำงานการเมือง และตลอดชีวิตการทำงานของตนได้ทุ่มเททำงานในลักษณะนี้มาตลอด โดยเฉพาะการสร้างความสงบสุขและลดความขัดแย้งต่างๆ ในแผ่นดิน ซึ่งประสบผลสำเร็จมาตลอด
“อีกคนหนึ่งที่ปรากฏในซีนนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผมเคยพูดจากับท่านก่อนจะเข้ามาทำงานโดยได้ถามท่านว่า ความสำคัญในการมาทำงานการเมืองของผมนั้นท่านต้องการให้ผมทำอะไร ซึ่งท่านยืนยันกับผมว่า พี่ ผลประโยชน์ของชาตินั้นคือสิ่งที่สำคัญ และผมต้องการความสมัครสมานสามัคคี ความสงบ และผมเลือกแนวทางสันติวิธี ซึ่งที่ผมกล้าเอาสิ่งนี้มาพูดเพราะผมได้พูดด้วยตัวผมเอง ไม่ผ่านใคร และไม่กี่วันนี้ท่านก็ออกมาพูดเรื่องสันติวิธี อหิงสา” พล.อ.ชวลิต กล่าว
พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า สำหรับข่าวที่ออกมาว่าตนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนเป็นข่าวใหญ่นั้น ต้องเรียนว่า คำว่ากองทัพประชาชนในพระบาทมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้นคงจะหมายถึง 1.กองทัพแห่งชาติในพระเจ้าอยู่หัว หรือกองทัพของประชาชน หรือ 2.อาจจะมีคนไปพูดว่านี่เป็นเรื่องของพี่น้องเสื้อแดงที่วันนี้เติบโตมาก แต่ต้องทำความเข้าใจว่า กลุ่มพี่น้องเสื้อแดงเกิดขึ้นมาเพราะอยากเห็นความเป็นธรรมในสังคมนี้ และที่เติบใหญ่ก็เพราะเงื่อนไขนี้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนยืนยันได้ว่า พี่น้องเสื้อแดงยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี แม้จะมีการรวมตัวอย่างมากมายก่ายกอง แต่เหตุไม่ดีที่จะเกิดขึ้นนั้นไม่มีเลย ดังนั้นจะให้ตนไปเป็นผู้ชัญชาการเสื้อแดงอะไรคงไม่ใช่ เพราะคงไม่ใช่กองทัพที่จะไปสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับคนอื่น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คงจะเป็นการกล่าวของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ตนเคยเรียกว่าเป็นแมคอาเทอร์เมืองไทยที่เอาจริงเอาจังและพูดอย่างไรทำอย่างนั้น ซึ่งคงจะหมายถึงจะให้มาเป็นหัวหน้าหน่วยงานหรือพี่น้องประชาชน ที่ใฝ่สันติเพื่อผลประโยชน์ของชาติ แต่คงไม่ได้ไปทำอะไรให้เสียหาย
“การจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพคงเป็นไปไม่ได้ เพราะน้องชายของผม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส.คงจะไม่สบายใจ แต่คงไม่มีอะไร และเรื่องพวกนี้ก็คงเป็นเรื่องที่ พล.อ.พัลลภ กล่าวถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่มีเจตนาหรือเจตจำนงที่จะแก้ปัญหาของแผ่นดิน ผมยืนยันว่าเสื้อแดงจะไม่เหมือนเสื้อสีอื่นที่ประกาศตัวเองเป็นกองทัพหรืออะไรต่างๆ” พล.อ.ชวลิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พบกับ พล.อ.พัลลภ หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังไม่เจอเลย ได้ข่าวว่าไปต่างประเทศคงยังไม่กลับ ส่วนจะรับเป็น ผบ.สส.ของกองทัพประชาชนหรือไม่นั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไปเรียกอย่างนั้นน่าเกลียด อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งๆ ที่ผู้พูดอาจจะไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น อันนี้ก็ต้องขอปฏิเสธที่จะใช้คำนี้ แต่ก็โอเคถ้าเป็นส่วนหนึ่งของพี่น้องประชาชนที่รักบ้านรักเมืองและใฝ่สันตินั้นได้อยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำ เพราะมีอยู่แล้ว
สำหรับกรณีที่มีการระบุว่าจะมีการทิ้งระยะเวลาในการเจรจาจากนั้นจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เรื่องแบบนี้ก็ธรรมดา เพราะคำว่าเคลื่อนไหวหนักๆ ก็อาจจะมีผู้คนมามากมายมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็หนักพอสมควรแล้ว เพราะรวมกันทีเป็นแสนคน แต่ก็อยู่ในโอวาทและยึดมั่นชัดเจน ขอเป็นคนหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าการเปลี่ยนแปลงในชาติ ในแผ่นดินของเราต้องเป็นไปในแนวทางที่สันติ และเป็นไปในแนวทางที่ปรารถนาของประชาชนส่วนใหญ่ในแผ่นดิน และการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เราอยากได้มานานแล้ว 77 ปีเต็ม คือการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง นั่นคือสิ่งที่เป็นยอดปรารถนาของผู้คน และเป็นความต้องการของทุกกลุ่มคนทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ส่วนคนเสื้อแดงนั้นมีผู้นำอยู่แล้ว วันนี้ก็เป็นมิตรผู้รู้ใจ เป็นสหายผู้รู้ใจที่อยากให้มีการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ส่วนจะเข้าไปช่วยดูแลเรื่องการต่อสู้ของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงด้วยกำลังและวิธีการที่ผิดกฎหมายคงไม่ใช่วิถีทางของคนเสื้อแดงอยู่แล้ว แต่ถ้ามีคนคิดไปเป็นแบบนั้นก็ต้องขอยืนยันว่าไม่จริง เมื่อถามว่า เป็นความพยายามที่จะเสนอเงื่อนไขการเจรจาของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณพูดว่าใฝ่สันติมานานแล้ว และให้ทุกอย่างกลับคืนมาตามตัวบทกฎหมาย โดยประชาชนส่วนใหญ่ควรจะได้เลือกรัฐบาลเอง คงจะไม่ใช่การจะให้เจรจา เพราะการเคลื่อนไหวนั้นเราเคลื่อนไหวมา 77 ปีแล้ว คงจะทำให้เสร็จภายใน 1-2 วันคงลำบาก ซึ่งคนเสื้อแดงก็แค่วางกฎเกณฑ์หลักการเพื่อให้มีขั้นตอนการทำงานเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เป็นความพยายามวางตัวให้เป็นผู้นำในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า เขามีผู้นำกันเยอะแยะแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนในช่วงเช้าที่ผ่านมาไปทำอะไรที่อาคารชินวัตร 3 พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า รู้ได้อย่างไร แค่แวะไปดูอะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น
สำหรับการทำความเข้าใจกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า พล.อ.เปรมยังเป็นผู้บังคับบัญชาที่ตนให้ความเคารพทุกอย่าง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และยังเป็นคนที่มีเจตนารมณ์ที่ดีต่อบ้านต่อเมือง แต่อาจจะมีอารมณ์โกรธหรือเข้าใจผิดก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่เดี๋ยวจ๊ะจ๋าแล้วก็ดีไปเอง ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงกรณีที่พล.อ.ชวลิตจะรับเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชนนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว เพราะมันไม่มีอะไร ฝากบอกด้วยว่ามันไม่มีอะไรหรอก อย่าตกใจ สามารถไปเมืองนอกได้
พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึง พล.อ.พัลลภด้วยว่า จริงๆ แล้ว พล.อ.พัลลภมีเจตนาที่ดี แต่เวลาพูดจาจะจั๊วจ๊ะๆ หน่อยเป็นเรื่องธรรมดา แต่เป็นคนดีมาก และกองทัพประชาชนนั้น พล.อ.พัลลภอาจจะหมายถึงกองทัพประชาชนเสื้อแดงที่มีการรวมตัวกันใหญ่โต
ส่วนหากในเดือนกุมภาพันธ์มีความรุนแรงเกิดขึ้นในการชุมนุมของคนเสื้อแดงเหมือนเหตุการณ์ในเดือนเมษายน 2552 จะยังอยู่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า จะรุนแรงได้อย่างไร เพราะทุกครั้งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหตุการณ์เดือนเมษายน ที่รุนแรงนั้นมีคนหวังดีทำให้มีเรื่องเท่านั้น