นายกฯ ลั่น “ทักษิณ” ตั้งกองทัพเถื่อน หวังสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน แนะอย่าหวั่นไหว วอนชาวบ้านแจ้งเบาะแสพวกป่วน ลั่นถ้ายอมติดคุกก็พร้อมเจรจา แต่ถ้าไม่ก็ยาก เพราะล้มคำพิพากษาไม่ได้ ชี้สร้างกระแสหวังก่อความวุ่นวาย พร้อมชี้แจงประชาชน ขันนอตเจ้าหน้าที่เข้มแข็งรักษาความสงบในบ้านเมือง วอนประชาชนอย่าร่วมป่วน ชี้อีกไม่ถึง 2 ปีก็เลือกตั้งแล้ว ยันรัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอทุกฝ่าย เชื่อ “จิ๋ว” คงไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย และจะใช้ความอาวุโสคลี่คลายสถานการณ์ ไม่รู้มีใบปลิวด่ารัฐแจกในกองทัพอากาศ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่โรงแรมดุสิตธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (กปช.) ว่า เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกับแนวที่พยายามเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดความหวาดกลัว ให้เกิดความรู้สึกว่าจะมีความวุ่นวายขึ้น ตนคิดว่าทุกคนต้องไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ให้มั่นใจว่าบ้านเมืองของเรามีระบบมีกฎหมายและเรียกร้องขอให้ทุกคนเคารพกฎหมายก็เป็นแนวทางที่จะทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปได้
“อย่าตื่นตระหนกแต่อย่าประมาท และขอความร่วมมือประชาชนว่าให้ช่วยแจ้งเบาะแสของความไม่ปกติ ผมขอย้ำอีกครั้งว่าขณะนี้บ้านเมืองกำลังเดินไปข้างหน้า เศรษฐกิจก็กำลังฟื้นตัวไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราจะต้องมามีปัญหากันเอง เพื่อทำให้ไปกระทบความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ ดังนั้นถ้าเราช่วยกันใครมีเบาะแสเห็นความไม่ปกติตรงไหนเราจะช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย และทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการยื่นเงื่อนไขจะให้เวลารัฐบาลในการเจรจากันจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงเพราะไม่สามารถควบคุมประชาชนได้ คิดว่าแนวทางการเจรจายังมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ผมเห็นเขาบอกว่าจะเจรจาต่อเมื่อเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ก่อนแล้วยุบสภา ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าจะทำอะไรก่อนทำอะไรหลังหรือทำอย่างไร เป็นการพูดเพื่อให้เกิดความสับสนว่าเงื่อนไขการเคลื่อนไหวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ประชาธิปไตย ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่”
เมื่อถามว่า มองว่าฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ตั้งใจจริงที่จะเปิดการเจรจาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอ่านที่เขาพูดถึงเงื่อนไขแล้วยังไม่ทราบเลยว่าถ้าอยากปฏิบัติแล้วจะปฏิบัติได้อย่างไร เมื่อถามว่าวันนี้สำหรับรัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังจะสามารถเจรจากันได้อีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่าถ้าคุณทักษิณแสดงความเคารพกระบวนการยุติธรรม ผมก็มั่นใจว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่พร้อมให้อภัย จุดเริ่มต้นคือต้องยอมรับระบบของเราก่อน แต่ถ้าหากคุณทักษิณยังไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมรับกระบวนการ มันก็เป็นเรื่องยาก ไปดูมาตรฐานของการวินิจฉัยของกระทรวงยุติธรรมจะเป็นสมัยคุณทักษิณ หรือคุณสมัคร (สุนทรเวช) อดีตนายกฯ ก็ชัดว่าเวลาที่คนขอพระราชทานอภัยโทษการแสดงความเห็นของทางรัฐบาลจะบอกเสมอว่าต้องเป็นกรณีที่ไม่ใช่มีการหลบหนี หรือมีการไปโต้แย้งคำพิพากษา”
เมื่อถามว่า วันนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พร้อมที่จะเข้ามารับโทษในประเทศไทยแต่ต้องการล้มกระดาน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ล้มกระดานไปก็ไม่ได้ลบล้างคำพิพากษา หรือลบล้างความผิดที่ตัวเองทำไว้ เพราะฉะนั้นเป็นเพียงความพยายามที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายมากกว่า เมื่อถามว่า แต่การใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการต่อสู้จะยากสำหรับรัฐบาลใน การดูแลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องทำหลายอย่าง ทั้งการชี้แจงสิ่งที่เป็นความคลาดเคลื่อนของข้อมูลที่ใช้ในการปลุกระดมในหลายกรณี ขณะเดียวกันก็ต้องเข้มงวดกวดขันความสงบเรียบร้อย แต่ต้องเคารพสิทธิในการเคลื่อนไหวตราบเท่าที่ยังอยู่ภายใต้กฎหมาย ก็จะพยายามให้มีความพอดีอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ มั่นใจว่าจะปลุกประชาชนให้ทำปฏิวัติประชาชนเพื่อโค่นล้มรัฐบาลให้ได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ผมอยากฝากถึงประชาชนว่า ขณะนี้ผลประโยชน์ของประเทศคือการมีเสถียรภาพ และการที่เราสามารถเดินต่อไปในกระบวนการตามปกติ กระบวนการประชาธิปไตยของเราอีกไม่ถึง 2 ปี ก็จะต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็มีอิสระในการที่จะเคลื่อนไหวหาเสียงในการแข่งขัน ก็ถือเป็นกระบวนการที่มีอยู่แล้ว ความไม่เป็นธรรมใดๆ ที่นำเสนอเข้ามารัฐบาลก็พร้อมรับฟังใช้กระบวนการทั้งใน และนอกสภาในการเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วม จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่สังคมจะเข้าไปสู่เรื่องความรุนแรงต่อสู้ประหัดประหารกันเอง ซึ่งไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย ผมขอยืนยันว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดว่าจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ถึงแม้จะสำเร็จในความหมายเรื่องการล้มกระดาน ก็ไม่สามารถช่วยคนที่เคยกระทำความผิดได้ จึงไม่มีเหตุผลที่จะไปเคลื่อนไหวในลักษณะนั้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอที่อยู่บนเหตุผล อยู่บนผลประโยชน์ของประเทศโดยรวม”
เมื่อถามว่า ยุทธศาสตร์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงใช้ในลักษณะปิดล้อมกองทัพ เมื่อเกิดความวุ่นวายขึ้นจะทำให้ทหารออกมาควบคุมสถานการณ์ได้ไม่ทันหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ และฝ่ายความมั่นคงจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือหน่วยงานต่างๆ ก็ต้องมีความพร้อมและต้องมีความหนักแน่น เมื่อถามว่าสัญญานที่ออกมาวันนี้ถือว่ารุนแรงและอันตรายมากกว่าเดือน เม.ย.ปี 52 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่การบริหารจัดการและอยู่ที่สังคมเพราะมีบทเรียนจากเดือน เม.ย.ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าสังคมช่วยกัน ใครมีข้อมูลเบาะแสก็ขอให้แจ้งทางการและช่วยทำความเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติก็จะช่วยได้มาก
“วันนี้ผมไม่ทราบว่า พล.อ.ชวลิต ท่านรับตำแหน่งนี้หรือไม่อย่างไร (ผบ.สส.กปช.) ผมเรียนว่าท่านก็เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี เคยรับราชการมายาวนาน ผมคิดว่าคนอย่างท่านคงไม่อยากจะเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย รุนแรง และอยากจะให้ท่านใช้ความเป็นผู้อาวุโสได้ทำให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวปฏิเสธว่า ยังไม่ได้รับรายงานกรณีที่มีข่าวว่าเมื่อวันที่ 3 ก.พ.มีใบปลิวโจมตีรัฐบาลไปแจกจ่ายที่กองทัพอากาศ พร้อมมีการเรียกร้องให้ทหารเลิกอุ้มรัฐบาลและออกมาทำการปฏิวัติ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ยังไม่ได้รับรายงาน”