ASTVผู้จัดการรายวัน-คมนาคมปรับแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานร.ฟ.ท.ชงครม.ก.พ.นี้ เพิ่มงบอีก 1.13 หมื่นล้านบาทจากกรอบเดิม 1.53 แสนล้านบาท ดัน ทางคู่ฉะเชิงเทรา-แก่งคอย-คลองสิบเก้า เข้าแผนระยะเร่งด่วน เพื่อให้โครงข่ายสมบูรณ์
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมจัดทำแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ระยะเร่งด่วนที่จะดำเนินการภายใน 5 ปี (2553-2557) วานนี้ (3 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมฯได้มีการพิจารณารายละเอียดกรอบวงเงิน 153,052 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2552 โดยได้จัดลำดับความสำคัญของการลงทุนโครงการในระยะเร่งด่วน และได้พิจารณาเพิ่มการก่อสร้างระบบรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-แก่งคอย-คลองสิบเก้า ระยะทาง 106 กิโลเมตร วงเงิน 11,348.356 ล้านบาท เข้าไปในแผนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ในที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอให้ร.ฟ.ท.บรรจุรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-แก่งคอย-คลองสิบเก้า เข้าไปในแผนดังกล่าว จากเดิมที่โครงการรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วนมีระยะทาง 767 กิโลเมตร จำนวน 5 เส้นทาง วงเงินรวม 66,110 ล้านบาท เพื่อให้ครบโครงข่าย ซึ่งจะทำให้วงเงินของแผนต้องปรับเพิ่มขึ้นซึ่งหลังจากที่ประชุมฯได้เห็นชอบแล้ว สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดเสนอ ครม.เพื่อเห็นชอบ ภายในเดือนก.พ.นี้ต่อไป
“การปรับวงเงินเพิ่มครั้งนี้ คิดว่าครม.คงไม่มีปัญหา เพราะเดิมแผนการก่อสร้างรถไฟทางคู่ฉะเชิงเทรา-แก่งคอย-คลองสิบเก้า นั้น ครม.ได้เห็นชอบไปก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแค่เอาเข้ามารวมในแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระยะเร่งด่วน 5 ปีเท่านั้น ซึ่งทำให้วงเงินเพิ่มจาก 1.53 แสนล้านบาทอีกประมาณ 1.13 หมื่นล้านบาท”นายสุพจน์ กล่าว
สำหรับการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วนระยะทาง 767 กิโลเมตร จำนวน 5 เส้นทาง วงเงินรวม 66,110 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กิโลเมตร วงเงิน 7,860 ล้านบาท 2.สายมาบกระเบา-นครราชสีมา ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงิน 11,640 ล้านบาท 3.สายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร วงเงิน 13,010 ล้านบาท 4.สายนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร วงเงิน 16,600 ล้านบาท และสายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 17,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ หลังจากได้จัดลำดับความสำคัญแล้ว กระทรวงคมนาคมเห็นว่ามี โครงการที่มีความสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะมีการเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาด้วย ประกอบด้วย แผนการปรับปรุงระบบราง การเปลี่ยนไม้หมอนรถไฟเป็นหมอนคอนกรีตทั่วประเทศ การจัดหาหัวรถจักรใหม่ และปรับปรุงหัวรถจักรเดิม รวมทั้งการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณ เป็นต้น
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมจัดทำแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ระยะเร่งด่วนที่จะดำเนินการภายใน 5 ปี (2553-2557) วานนี้ (3 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมฯได้มีการพิจารณารายละเอียดกรอบวงเงิน 153,052 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2552 โดยได้จัดลำดับความสำคัญของการลงทุนโครงการในระยะเร่งด่วน และได้พิจารณาเพิ่มการก่อสร้างระบบรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-แก่งคอย-คลองสิบเก้า ระยะทาง 106 กิโลเมตร วงเงิน 11,348.356 ล้านบาท เข้าไปในแผนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ในที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอให้ร.ฟ.ท.บรรจุรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-แก่งคอย-คลองสิบเก้า เข้าไปในแผนดังกล่าว จากเดิมที่โครงการรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วนมีระยะทาง 767 กิโลเมตร จำนวน 5 เส้นทาง วงเงินรวม 66,110 ล้านบาท เพื่อให้ครบโครงข่าย ซึ่งจะทำให้วงเงินของแผนต้องปรับเพิ่มขึ้นซึ่งหลังจากที่ประชุมฯได้เห็นชอบแล้ว สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดเสนอ ครม.เพื่อเห็นชอบ ภายในเดือนก.พ.นี้ต่อไป
“การปรับวงเงินเพิ่มครั้งนี้ คิดว่าครม.คงไม่มีปัญหา เพราะเดิมแผนการก่อสร้างรถไฟทางคู่ฉะเชิงเทรา-แก่งคอย-คลองสิบเก้า นั้น ครม.ได้เห็นชอบไปก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแค่เอาเข้ามารวมในแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระยะเร่งด่วน 5 ปีเท่านั้น ซึ่งทำให้วงเงินเพิ่มจาก 1.53 แสนล้านบาทอีกประมาณ 1.13 หมื่นล้านบาท”นายสุพจน์ กล่าว
สำหรับการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วนระยะทาง 767 กิโลเมตร จำนวน 5 เส้นทาง วงเงินรวม 66,110 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กิโลเมตร วงเงิน 7,860 ล้านบาท 2.สายมาบกระเบา-นครราชสีมา ระยะทาง 132 กิโลเมตร วงเงิน 11,640 ล้านบาท 3.สายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร วงเงิน 13,010 ล้านบาท 4.สายนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตร วงเงิน 16,600 ล้านบาท และสายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร วงเงิน 17,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ หลังจากได้จัดลำดับความสำคัญแล้ว กระทรวงคมนาคมเห็นว่ามี โครงการที่มีความสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะมีการเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาด้วย ประกอบด้วย แผนการปรับปรุงระบบราง การเปลี่ยนไม้หมอนรถไฟเป็นหมอนคอนกรีตทั่วประเทศ การจัดหาหัวรถจักรใหม่ และปรับปรุงหัวรถจักรเดิม รวมทั้งการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณ เป็นต้น
