“โสภณ” เตรียมผลงานคมนาคม 1 ปี ชี้แจงสภาฯ คุยโวแก้ปัญหา ร.ฟ.ท. ฟื้นวิกฤตการบินไทยขาดทุนได้สำเร็จและถนนไร้ฝุ่น
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผลงานของกระทรวงคมนาคมในรอบ 1 ปี ที่จะรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น ผลงานหลักๆ เป็นเรื่องการดำเนินโครงการถนนไร้ฝุ่นของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) การพัฒนาระบบรางของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และการแก้ปัญหาการขาดทุนสะสมของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กว่า 21,000 ล้านบาท ในปี 2551
โดยการปฏิรูป ร.ฟ.ท.ในช่วงที่ผ่านมา เป็นเรื่องสำคัญ เพราะทำให้สามารถเริ่มนับหนึ่งในการทำแผนพัฒนาองค์กรได้ ซึ่งในอดีตไม่ได้คิดตามหลักการนี้ ทำให้เกิดปัญหาซ้ำซาก และถึงแม้วันนี้จะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใน ร.ฟ.ท.แต่ก็สามารถได้เริ่มต้น และการปรับปรุงต่างๆ จะต้องไม่ปล่อยให้ใครมาประท้วงเพื่อขัดขวางการพัฒนาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2552 ที่ผ่านมา ได้ให้ความเห็นชอบแผนแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการ ร.ฟ.ท. และปรับวงเงินการลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 100,000 ล้านบาท เป็น 153,052 ล้านบาท โดยจะเร่งดำเนินการแผนการลงทุน 2 ส่วน โดยส่วนแรก เป็นแผนงานการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระยะเร่งด่วน ที่จะดำเนินการภายใน 5 ปี (2553-2557) มีวงเงิน 86,942 ล้านบาท ได้แก่ งานโยธาจำนวน 51,124 ล้านบาท, งานอาญัติสัญญาณจำนวน 19,014 ล้านบาท และงานรถจักรและล้อเลื่อน 16,803 ล้านบาท
ส่วนที่ 2 เป็นงานพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน 767 กิโลเมตร จำนวน 5 เส้นทาง วงเงินรวม 66,110 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ 2.สายมาบกระเบา-นครราชสีมา 3.สายชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น 4.สายนครปฐม-หัวหิน และสายประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร รวมทั้งเห็นชอบการจัดตั้งหน่วยธุรกิจ (Business Unit :BU) 3 หน่วย ประกอบด้วย การเดินรถ, ทรัพย์สิน, อำนวยการ รวมทั้งการจัดตั้งบริษัทลูก 1 บริษัท เพื่อเดินรถโครงการระบบ ขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง หรือแอร์พอร์ตเรลลิงก์ โดย ร.ฟ.ท.ถือหุ้น 100% ด้วย
สำหรับการแก้ปัญหาบริษัทการบินไทยให้ฟื้นจากวิกฤตการขาดทุนกว่า 20,000 ล้านบาทนั้น นายโสภณกล่าวว่า เป็นเพราะการไล่จี้ เข้มงวด และมีการตรวจสอบทุกเรื่อง รวมถึงนโยบายการย้ายเที่ยวบินของการบินไทยจากสนามบินดอนเมืองไปที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งส่วนใหญ่มองไม่เห็นว่าได้ให้นโยบายอะไรไปบ้าง