ASTVผู้จัดการรายวัน – “เศรษฐา”แจงควัก1,500-1,600ล้านบาท ไล่ซื้อหุ้นแสนสิริเพิ่มครั้งใหญ่ จากกองทุนต่างชาติ 313 ล้านหุ้น ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ ยันการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ยันไม่กระทบนโยบายการบริหารงาน ไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริษัท ล่าสุดเปิดตัวบ้านเดี่ยว “สราญสิริท่าข้าม - พระราม 2” ราคา3-7ล้านบาท รองรับความต้องการลูกค้าธุรกิจอุตสาหกรรมกรุงเทพตอนใต้ พร้อมส่งแคมเปญ ‘Sweet Chinese Valentine’ รับเทศกาลตรุษจีน – วาเลนไทน์ ใน3 โครงการ
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้บรรลุข้อตกลงในการเจรจากับกองทุนต่างชาติ เพื่อขอซื้อหุ้นของบริษัทแสนสิริ จำนวน 178 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ5บาทสำเร็จในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ล่าสุดตนอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกับกองทุนต่างชาติเพิ่มอีกจำนวน 135ล้านหุ้น โดยคาดว่าจะใช้เงินส่วนตัวและกูยืมจากสถาบันการเงินในการซื้อหุ้นทั้ง2ส่วนดังกล่าวจำนวน 1,500-1,600 ล้านบาท เพื่อขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของแสนสิริ
ทั้งนี้ หลังจากที่เจรจาซื้อหุ้นใน Tranche แรก เรียบร้อยแล้ว จึงเดินหน้าเจรจาของซื้อหุ้นในส่วนที่ Tranche 2จำนวน 135 ล้านหุ้นต่อเนื่อง โดยการเจรจาซื้อขายหุ้นในครั้งนี้คาดว่าจะดำเนินการซื้อขายแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์53นี้ และหลังจากดำเนินการซื้อหุ้นดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จะส่งผลตนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัทแสนสิริ โดยจะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 24% จากเดิม ปัจจุบันเคยถือหุ้นอยู่ 2.52 %
“การซื้อหุ้นเพิ่มในครั้งนี้ ผมเองได้มีการเจรจาขอซื้อหุ้นจากกองทุนต่างชาติ โดยดำเนินการผ่านตัวกลาง สำหรับเป้าหมายที่ทำการซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของ แสนสิริ ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานทั้งหมดที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้ว่า SIRI มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยก็ได้รับการกระตุ้นจากภาครัฐมาโดยลำดับ ทำให้การเติบโตของธุรกิจเป็นไปในทางบวก และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นทั้งหมดด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ทำให้ผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท แต่อย่างไรก็ดี การเข้าถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในครั้งนี้ จะไม่กระทบถึงเรื่องนโยบายการบริหารงาน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอื่นๆของบริษัท ในแง่การบริหารแต่อย่างใด” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท แสนสิริ ในปัจจุบันนั้น มีบริษัท TRENDY PLAN INVESTMENTS LIMITED เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยถือหุ้นอยู่จำนวน 198,274,400 หรือ 13.45% , บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นเป็นอันดับ 2 จำนวน 156,749,221หรือ 10.64% , UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED ถืออยู่ 129,083,333 หรือ8.76 % , CHASE NOMINEES LIMITED ถือหุ้นจำนวน 42109,035,200หรือ 7.40%, บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ถืออยู่จำนวน95,398,600 หรือ 6.47%
ในขณะที่ บริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิต จำกัด ถือหุ้นจำนวน 53,572,800 หรือ 3.64% , บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่จำนวน 50,000,000 หรือ 3.39% จากเดิมที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท แต่หลังจากที่บริษัท แนเชอรัลฯ ขายหุ้นออกไปในช่วงก่อนหน้านี้ทำให้ปัจจุบันบรัทดังกล่าวกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ7 ถัดมา UBS AG SINGAPORE,BRANCH-PB SECURITIES CLIENT CUSTODY ถือหุ้นเป็นอันดับ8 โดยถือหุ้นอยู่จำนวน45,182,100หรือ 3.07% และ นายเศรษฐา ทวีสิน ถือหุ้นเป็นอันดับ 9 ถืออยู่จำนวน 33,365,384 หรือ 2.26 % , ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นเป็นอันดับ10 โดยถือหุ้นอยู่จำนวน20,661,487 หรือ 1.40%
ด้านนายเมธา อังวัฒนพานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีบริษัทจะเน้นรุกขยายตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 3 - 9 ล้านบาท โดยล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ “สราญสิริ ท่าข้าม – พระราม 2” ดครงการบ้านเดี่ยวราคา 3 - 7 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าธุรกิจอุตสาหกรรมกรุงเทพตอนใต้
“ปลายปี52 แสนสิริได้เปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลกรุงเทพฯ โซนใต้ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว สราญสิริ ประชาอุทิศ – สุขสวัสดิ์ จำนวน 340 ยูนิต และทาวน์เฮาส์แบรนด์ ทาวน์พลัส ประชาอุทิศ ที่รวมถึง 4 ประเภทที่อยู่อาศัย ได้แก่ ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น, 3 ชั้น, บ้านแฝด และช็อปเฮาส์ จำนวนทั้งสิ้น 499 ยูนิต ไว้ในโครงการเดียวกัน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วเกือบ 70% ดังนั้นบริษัทจึงได้เปิดการขายโครงการสราญสิริ ท่าข้าม – พระราม 2 ” นายเมธา กล่าว
สำหรับโครงการสราญสิริ ท่าข้าม – พระราม2 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวบนพื้นที่ขนาด 64 ไร่ จำนวน 242 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท มูลค่าขายรวม1,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทได้จัดแคมเปญพิเศษในเทศกาล วันตรุษจีน – วาเลนไทน์ ใน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบุราสิริ งามวงศ์วาน – ประชาชื่น โครงการบุราสิริ ราชพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ และโครงการเศรษฐสิริ ประชาชื่น เรสซิเดนซ์ 5 ในภายใต้ชื่อแคมเปญ “Sweet Chinese Valentine”
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้บรรลุข้อตกลงในการเจรจากับกองทุนต่างชาติ เพื่อขอซื้อหุ้นของบริษัทแสนสิริ จำนวน 178 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ5บาทสำเร็จในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ล่าสุดตนอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกับกองทุนต่างชาติเพิ่มอีกจำนวน 135ล้านหุ้น โดยคาดว่าจะใช้เงินส่วนตัวและกูยืมจากสถาบันการเงินในการซื้อหุ้นทั้ง2ส่วนดังกล่าวจำนวน 1,500-1,600 ล้านบาท เพื่อขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของแสนสิริ
ทั้งนี้ หลังจากที่เจรจาซื้อหุ้นใน Tranche แรก เรียบร้อยแล้ว จึงเดินหน้าเจรจาของซื้อหุ้นในส่วนที่ Tranche 2จำนวน 135 ล้านหุ้นต่อเนื่อง โดยการเจรจาซื้อขายหุ้นในครั้งนี้คาดว่าจะดำเนินการซื้อขายแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์53นี้ และหลังจากดำเนินการซื้อหุ้นดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จะส่งผลตนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัทแสนสิริ โดยจะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 24% จากเดิม ปัจจุบันเคยถือหุ้นอยู่ 2.52 %
“การซื้อหุ้นเพิ่มในครั้งนี้ ผมเองได้มีการเจรจาขอซื้อหุ้นจากกองทุนต่างชาติ โดยดำเนินการผ่านตัวกลาง สำหรับเป้าหมายที่ทำการซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของ แสนสิริ ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานทั้งหมดที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้ว่า SIRI มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยก็ได้รับการกระตุ้นจากภาครัฐมาโดยลำดับ ทำให้การเติบโตของธุรกิจเป็นไปในทางบวก และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นทั้งหมดด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ทำให้ผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท แต่อย่างไรก็ดี การเข้าถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในครั้งนี้ จะไม่กระทบถึงเรื่องนโยบายการบริหารงาน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอื่นๆของบริษัท ในแง่การบริหารแต่อย่างใด” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท แสนสิริ ในปัจจุบันนั้น มีบริษัท TRENDY PLAN INVESTMENTS LIMITED เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยถือหุ้นอยู่จำนวน 198,274,400 หรือ 13.45% , บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นเป็นอันดับ 2 จำนวน 156,749,221หรือ 10.64% , UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED ถืออยู่ 129,083,333 หรือ8.76 % , CHASE NOMINEES LIMITED ถือหุ้นจำนวน 42109,035,200หรือ 7.40%, บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ถืออยู่จำนวน95,398,600 หรือ 6.47%
ในขณะที่ บริษัท ฟินันซ่าประกันชีวิต จำกัด ถือหุ้นจำนวน 53,572,800 หรือ 3.64% , บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่จำนวน 50,000,000 หรือ 3.39% จากเดิมที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท แต่หลังจากที่บริษัท แนเชอรัลฯ ขายหุ้นออกไปในช่วงก่อนหน้านี้ทำให้ปัจจุบันบรัทดังกล่าวกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ7 ถัดมา UBS AG SINGAPORE,BRANCH-PB SECURITIES CLIENT CUSTODY ถือหุ้นเป็นอันดับ8 โดยถือหุ้นอยู่จำนวน45,182,100หรือ 3.07% และ นายเศรษฐา ทวีสิน ถือหุ้นเป็นอันดับ 9 ถืออยู่จำนวน 33,365,384 หรือ 2.26 % , ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นเป็นอันดับ10 โดยถือหุ้นอยู่จำนวน20,661,487 หรือ 1.40%
ด้านนายเมธา อังวัฒนพานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีบริษัทจะเน้นรุกขยายตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 3 - 9 ล้านบาท โดยล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ “สราญสิริ ท่าข้าม – พระราม 2” ดครงการบ้านเดี่ยวราคา 3 - 7 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าธุรกิจอุตสาหกรรมกรุงเทพตอนใต้
“ปลายปี52 แสนสิริได้เปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลกรุงเทพฯ โซนใต้ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว สราญสิริ ประชาอุทิศ – สุขสวัสดิ์ จำนวน 340 ยูนิต และทาวน์เฮาส์แบรนด์ ทาวน์พลัส ประชาอุทิศ ที่รวมถึง 4 ประเภทที่อยู่อาศัย ได้แก่ ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น, 3 ชั้น, บ้านแฝด และช็อปเฮาส์ จำนวนทั้งสิ้น 499 ยูนิต ไว้ในโครงการเดียวกัน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วเกือบ 70% ดังนั้นบริษัทจึงได้เปิดการขายโครงการสราญสิริ ท่าข้าม – พระราม 2 ” นายเมธา กล่าว
สำหรับโครงการสราญสิริ ท่าข้าม – พระราม2 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวบนพื้นที่ขนาด 64 ไร่ จำนวน 242 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท มูลค่าขายรวม1,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทได้จัดแคมเปญพิเศษในเทศกาล วันตรุษจีน – วาเลนไทน์ ใน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบุราสิริ งามวงศ์วาน – ประชาชื่น โครงการบุราสิริ ราชพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ และโครงการเศรษฐสิริ ประชาชื่น เรสซิเดนซ์ 5 ในภายใต้ชื่อแคมเปญ “Sweet Chinese Valentine”
