ก.ม.ม.ชำแหละผลงาน รบ.ครบรอบ 1 ปีคะแนนหล่นวูบ ซัดแฮตทริกสอบตก 4เรื่องรวดทั้งการเมือง สังคม ความมั่นคง และปราบปรามการทุจริต ผ่านเรื่องเดียวแค่เศรษฐกิจเหตุนโยบายกระตุ้นเร่งด่วนได้ใจ ปชช. ส่วนด้านอื่นยังอ่อนด้อยโดยเฉพาะความมั่นคง เหตุเพราะไม่ใช้สื่อปกป้องเบื้องสูง และการคอร์รัปชันของพรรคร่วมยังเรื้อรัง
วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ได้มีการประเมินผลงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ได้ทำเชิญนักวิชาการ ตัวแทนแกนนำพันธมิตรฯ ชำแหละจำแนกผลงานของรัฐบาลออกเป็น 5 มิติ คือ ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ด้านความมั่นคง และด้านการปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชัน
ทั้งนี้ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ได้ทำการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลชุดนี้และเข้าใจว่าเป็นรัฐบาลที่เข้ามาทำงานในขณะทีประเทศกำลังประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ผู้ประเมินส่วนใหญ่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลได้ใช่ภาวะดังกล่าวบริหารประเทศด้วยความเข้มแข็ง รัฐบาลสอบผ่านในเรื่องการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว แต่ในอีก 4 ด้าน คือ การเมือง สังคม ความมั่นคง และการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ถือว่าสอบตก
นายสำราญกล่าวต่อว่า ในด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาลสามารถสอบผ่านนั้น เนื่องมาจากรัฐบาลสามารถใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วนได้ดี เช่น โครงการเช็คช่วยชาติ การต่อยอดโครงการการลดค่าครองชีพ โครงการต้นกล้าอารชีพ โดยโครงการดังกล่าวนั้นสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนได้ดีในระดับหนึ่ง ขณะที่มาตราการไทยเข้มเข็ง ก็เป็นอีกภาคส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุน ด้วยการออกกฏหมายเงินกู้ 8 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แต่รัฐบาลก็ยังมีข้อผิดพลาด เช่น ในการออกกฎหมายเงินกู้ 8 แสนล้านบาท ไม่มีรายละเอียดแจกแจงที่ชัดเจนซึ่งอาจะก่อให้เกิดปัญหาด้านการทุจริต ตลอดจนไม่สามารถตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการนำไปลงทุนในโครงการที่เปล่าประโยชน์ และ รัฐบาลทำได้แค่เพียงกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ล้มเหลวด้านการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมถึงการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ให้ได้ผล
ต่อมาโฆษกพรรคการเมืองใหม่ ได้ทำการประเมินรัฐบาลในด้านสังคมว่ายังถือว่าสอบตกในหลายๆ ด้าน เช่น โครงการเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งฟรีไม่จริง ปัญหายาเสพติดระบาดหนักมากขึ้น ขณะที่ความรุนแรงทางเพศ การค้าขายบริการทางเพศของวัยรุ่นยังคงมีอยู่และหนักหน่วงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งมีการเพิ่มพื้นที่สื่อให้กับเยาวชนน้อยมาก
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่สนใจประวัติศาสตร์ ตามพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อปี 2551 ซึ่งรัฐบาลไม่ได้สนองตอบเลย ดังนั้น การแก้ปัญหาด้านสังคมจึงถือว่าสอบตก
ด้าน นายประพันธ์ คูณมี กรรมการพรรคการเมืองใหม่ ได้ทำการประเมินผลงานของรัฐบาลด้านการเมืองว่าสอบตกในด้านนี้เช่นกัน เนื่องจากกรณีการยุติบาทบาทของอดีตนายกรัฐมนตรี นช.ทักษิณ ชินวัตร ยังขาดจุดยืน ระบอบทักษิณยังสามารถแพร่พิษร้ายต่อไปได้ เนื่องจากยังยึดติดกับความสมานฉันท์ จนไม่กล้าตัดสิดใจจัดการในแนวทางที่ถูกต้อง ซึ่งทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเหิมเกริมต่อไปได้ และรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย แต่กลับไปหมกหมุ่นอยู่กับการขอแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งการแก้ไขก็อวยประโยชน์ให้กับนักการเมืองแทบทั้งสิ้น
อีกทั้งรัฐบาลอ่อนด้อยเรื่องการใช้สื่อของรัฐเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในข่าวสารที่ถูกต้อง กลับตกเป็นฝ่ายที่ถูกใส่ร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริงจากฝ่ายของระบอบทักษิณ ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้สื่อในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะวิทยุชุมชนในหลายพื้นที่กระจายเสียงออกอากาศโจมตี จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างโจ่งเจ้ง
ขณะที่ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ กรรมการพรรคการเมืองใหม่ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า รัฐบาลได้ออกมาประกาศว่าจะปกป้องสถาบันเบื้องสูงแต่กลับไม่ทำอะไรให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนแต่กลับปล่อยให้ขบวนการดังกล่าวกระทำจาบจ้วงเบื่องสูงต่อไป อีกทั้งต้องการให้กองทัพออกมาปกป้องสถาบันเบื้องสูงตามหน้าที่ที่ควรจะกระทำด้วย
สำหรับ พล.ร.ท.ปทีป ชื่นอารมณ์ เหรัญญิกพรรคการเมืองใหม่ ได้ทำการประเมินการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงของรัฐบาลว่า จากกรณีไทย-กัมพูชาขอยอมรับว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถดำเนินมาตราการทางการทูตด้วยความอดทนได้ดี รวมถึงการประกาศยกเลิกการใช้ MOU ได้อย่างถูกต้อง แต่รัฐยังบกพร่องเรื่องการใช้สื่ออธิบายให้ประชาชนเข้าใจได้ถึงต้นตอของปัญหา แต่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามให้ข้อมูลที่บิดเบือนจนประชาชนเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมในเรื่องการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่นายอภิสิทธิ์ไปปรากฏตัวในการประชุมระหว่างนานาชาติซึ่งผู้นำต่างประเทศต่างให้การยอมรับเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม แม้การดำเนินการด้านต่างประเทศประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ความมั่นคงภายในในเรื่องสถาบันเบื้องสูง ถือว่าสอบตก เพราะไม่มีมาตรากรจัดการกับพวกจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างจริงจัง เช่นเดียวกันกับการบริหารจัดการปฏิรูปสตช.หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ชัดเจน การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของการเมือง-ผลประโยชน์ อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้ใส่ใจดูแลสวัสดิการของตำรวจชั้นผู้น้อยเท่าทีควรจะเป็น
พล.ร.ท.ปทีป กล่าวต่ออีกว่า ปัญหาความไม่สงบในสามจังหลัดชายแดนใต้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลสอบตก ถ้งแม้รัฐจะประกาศตนว่ามีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาแต่ในภาพรวมเกิดความลังเลในแง่วิธีการดับไฟใต้ ไม่มั่นใจแม้กระทั่งกฎหมาย การจัดตั้งสำนักงานบริหารคือสิ่งเดียวที่รัฐบาลสามารถทำได้ภายในเวลา 1 ปี
ต่อมาพรรคการเมืองใหม่ได้พูดถึงการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน โดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า รัฐบาลชุดอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือเป็นความหวังของประชาชน เนื่องจากประชาชนเชื่อมั่นว่านายอภิสิทธิ์จะไม่ทุจริต แต่พรรคร่วมไม่เป็นเช่นนั้น หนึ่งปีของการทุจริตคอร์รัปชันได้ก่อร่างตั้งเค้าเกิดขึ้นในแทบทุกกระทรวง เช่น ปลากระป๋องเน่า ข้าวสารเน่า ข้าวโพดเน่า นมโรงเรียนเน่า แม้กระทั่งโครงการชุมชนพอเพียง ในขณะที่ข่าวการซื้อขายตำแหน่ง การกินหัวคิวในกระทรวงใหญ่ไอย่างมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์เป็นที่โจษขานกันในหมู่ข้าราชการ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของบรรดาผู้รับเหมารายใหญ่ที่วิ่งเต้นนักการเมืองเพื่อประมูลงานตามดครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 2 “ไทยเข้มเข็ง” กันเป็นที่เอิกเกริก ในขณะที่ผู้รับเหมารายย่อยจำนวนมากไม่มีพลังต่อรอง ต้องรับงานด้วยราคาที่ไม่แทบจะมองไม่เห็นกำไร
อีกทั้งรัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนได้ว่าการใช่งบประมาณสูงถึง 1.47 ล้านล้านตามโครงการไทยเข้มเข็ง จะไม่มีการรั่วไหล ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน รัฐบาลไม่มีวิธีจัดการใหม่ๆ แต่ยังคงแก้ปัญหาแบบเดิม คือเมื่อมีปัญหาก็เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบคนใหม่
สุดท้ายนี้ ตัวนายกรัฐมนตรีเองยังไม่มีความกล้าหาญพอ ขาดความเป็นผู้นำที่จะกวาดล้างการทุจริต เพราะเกรงใจพรรครวมรัฐบาลจึงทำได้แค่เพียงประกาศคำสวยหรูในการปาฐกถาเท่านั้น รัฐบาลจึงสอบตกในเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง