xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลสอบตก กมม.ประเมิน จี้ขวาง"ล้มเจ้า"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการายวัน - รัฐบาลอภิสิทธิ์ "สอบตก" พรรคการเมืองใหม่ชำแหละ 1 ปี สอบผ่านแค่กระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน แนะนายกฯ ใช้ภาวะผู้นำเร่ง ขจัด“ระบอบทักษิณ” ไม่ให้ปัญหาไม่บาน แต่หากขวางขบวนการล้มล้างเจ้าไม่ได้จะเกิดวิกฤต “ยะใส”ให้ราคาฝ่ายค้าน แค่ “โคโยตี้งานวัด”

วานนี้ (27 ธ.ค.) ที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ ย่านสะพานวันชาติ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข รองหัวหน้าพรรค นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค พล.ร.อ.ประทีป ชื่นอารมณ์ กรรมการบริหารพรรค พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ กรรมการบริหารพรรค นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคและนายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวประเมินผลงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี หลังจากได้เชิญนักวิชาการ ตัวแทนแกนนำพันธมิตร ชำแหละจำแนกผลงานของรัฐบาลออกเป็น 5 มิติ

“โดยในด้านเศรษฐกิจให้คะแนน 2.35 ด้านสังคมให้คะแนน 1.85 ด้านการเมือง ให้คะแนนเพียง 1.50ด้านความมั่นคง ให้คะแนน 1.60 และการปราบปรามการทุจริตให้คะแนนเพียง 1.20จากคะแนนเต็ม 4 คะแนน”

**ขจัด“ทักษิณ”ด้วยการทำโซนนิ่ง

นายสุริยะใส กล่าวว่า พรรคได้ประเมินสถานการณ์การเมืองหลังปีใหม่ 2553 มีวิกฤตสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.วิกฤตปัญหาความมั่นคง หากรัฐบาลไม่เร่งปรับตัวและแก้ไขปัญหาวิกฤตการเมือง โดยเฉพาะขบวนการล้มล้างเจ้า จะเป็นวิกฤตใหญ่กว่าที่ประเทศไทยเคยเผชิญมากว่า 30-40ปี ที่แล้ว 2.วิกฤตจากกุศโลบายแบ่งแยกปกครอง การที่รัฐบาลยังปล่อยให้ขบวนการเสื้อเหลือง-เสื้อแดง เผชิญหน้ากันอยู่ตลอดเวลา ขณะที่รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา จึงกล่าวได้ว่ารัฐบาลใช้กุศโลบายแบ่งแยกและปกครองอยู่ หากรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหา จะเป็นการผลักภาระให้ประชาชนทำให้เกิดการเผชิญหน้าและนองเลือดได้ในที่สุด

และ 3. วิกฤติปัญหาจากระบอบทักษิณ พรรคเห็นตรงกับกระทรวงการต่างประเทศที่มีแนวทางขจัดระบอบทักษิณ ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่เป็นภัย ทั้งนี้รัฐบาลควรกำหนดโซนนิ่งในการบังคับการเคลื่อนไหวของระบอบทักษิณเช่นคุยกับจีนหรือเวียดนามให้ชัดเจน ส่วนการติดตามตัวอดีตนายกรัฐมนตรีให้เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง

ทั้งนี้พรรคมีข้อเสนอ 2 ประการ คือ ขอให้นายกรัฐมนตรีมีความกล้าหาญโดยขจัดอำนาจซ้อนอำนาจ 3 ส่วน คือ อำนาจของพรรคภูมิใจไทย อำนาจจากผู้นำเหล่าทัพบางคน และข้าราชการระดับสูงที่ยังถวิล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอำนาจภายในพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

"สุดท้ายนายกรัฐมนตรีควรลงจากโพเดียม แล้วเข้าไปหาประชาชนมากขึ้น ส่วนพรรคเพื่อไทยเรามองว่าฝ่ายค้านไม่ได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาจึงขอตั้งฉายาฝ่ายค้านว่า “โคโยตี้งานวัด” เนื่องจากมีบทบาทการเต้น หรือการค้าน อย่างไม่รู้กาลเทศะแม้แต่ในวัดก็ยังเต้น " นายสุริยะใส กล่าว

ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คาดว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังมีต่อไป แต่เชื่อว่ายังไม่มีการเคลื่อนไหวในเดือนมกราคม 2553 เนื่องจากคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเลื่อนการพิพากษาออกไป อย่างไรก็ดีพรรคเชื่อว่า ปี 2553 จะเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองและจุดเปลี่ยนประเทศไทยที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่นายสำราญ กล่าวว่า ไตรมาสแรกหรือ 3 เดือนแรกของปี 2553 ระบอบทักษิณยังต้องการที่เผด็จศึกในความหมายของเขา แม้ศาลจะเลื่อนการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทออกไปก็ตาม

**ผลงานรัฐมาร์ค4ด้าน“สอบตก”

นายสำราญ กล่าวประมินผลงานรัฐบาลว่า พรรคการเมืองใหม่ได้ทำการสนับสนุนการทำงานชองรัฐบาลชุดนี้และเข้าว่าเป็นรัฐบาลที่เข้ามาทำงานในขณะทีประเทศกำลังประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามผุ้ประเมินส่วนใหญ่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลได้ใช่ภาวะดังกล่าวบริหารประเทศด้วยความเข้มแข็ง รัฐบาลสอบผ่านในเรื่องการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว แต่ในอีก 4 ด้านคือการเมือง สังคม ความมั่นคง และการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น ถือว่าสอบตก

ด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาลสามารถสอบผ่านนั้น เนื่องมาจากรัฐบาลสามารถใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วนได้ดี อาทิ เช่นโครงการเช็คช่วยชาติ การต่อยอดโครงการการลดค่าครองชีพ โครงการต้นกล้าอารชีพ โดยโครงการดังกล่าวนั้นสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้ดีในระดับหนึ่ง ขณะที่มาตราการไทยเข้มเข็ง ก็เป็นอีกภาคส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ นักลงทุน ด้วยการออกกฏหมายเงินกู้ 8 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามแต่รัฐบาลก็ยังมีข้อผิดพลาดเช่นในการออกกฏหมายเงินกู้ 8แสนล้านบาท ไม่มีรายละเอียดแจกแจงที่ชัดเจนซึ่งอาจะก่อให้เกิดปัญหาด้านการทุจริต ตลอดจนไม่สามารถตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการนำไปลงทุนในโครงการที่ปล่าวประโยชน์ และ รัฐบาลทำได้แค่เพียงกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นแต่ล้มเหลวด้านการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมถึงการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ให้ได้ผล

ด้านสังคมว่ายังถือว่าสอบตกในหลายๆด้านอาทิเช่นโครงการเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งฟรีไม่จริง ปัญหายาเสพติดระบาดหนักมากขึ้น ขณะที่ความรุนแรงทางเพศ การค้าขายบริการทางเพศของวัยรุ่นยังคงมีอยู่และหนักหน่วงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งมีการเพิ่มพื้นที่สื่อให้กับเยาวชนน้อยมาก ยังมีเรื่องการปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่สนใจประวัติศาสตร์ ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระราชินี เมื่อปี 2551 ซึ่งรัฐบาลไม่ได้สนองตอบเลย ดังนั้นการแก้ปัญหาด้านสังคมจึงถือว่าสอบตก

**อ่อนด้อยให้ความรู้การเมือง ปชช.

ด้านนายประพันธ์ กล่าวประเมินผลงานของรัฐบาลด้านการเมืองว่า รัฐบาลสอบตกในด้านนี้เช่นกันเนื่องจาก กรณีการยุติบาทบาทของอดีตนายกรัฐมนตรีนช.ทักษิณ ชินวัตร ยังขาดจุดยืน ระบอบทักษิณยังสามารถแพร่พิษร้ายต่อไปได้ เนื่องจากยังยึดติดกับความสมานฉันท์ จนไม่กล้าตัดสิดใจจัดการในแนวทางที่ถูกต้องซึ่งทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงเหิมเกริมต่อไปได้ และรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย แต่กลับไปหมกหมุ่นอยู่กับการขอแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งการแก้ไขก็อวยประโยชน์ให้กับนักการเมืองแทบทั้งสิ้น รัฐบาลอ่อนด้อยเรื่องการใช้สื่อของรัฐเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในข่าวสารที่ถูกต้อง กลับตกเป็นฝ่ายที่ถูกใส่ร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริงจากฝ่ายของระบบทักษิณ ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้สื่อในรูปแบบต่างๆโดยเฉพาะวิทยุชุมชนในหลายพื้นที่กระจายเสียงออกอากาศโจมตี จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างโจ่งแจ้ง

ขณะที่ พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวเสริมว่า รัฐบาลได้ออกมาประกาศว่าจะปกป้องสถาบันเบื่องสูงแต่กลับไม่ทำอะไรให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนแต่กลับปล่อยให้ขบวนการดังกล่าวกระทำจาบจ้วงเบื่องสูงต่อไป อีกทั้งต้องการให้กองทัพออกมาปกป้องสถาบันเบื้องสูงตามหน้าที่ที่ควรจะกระทำด้วย และผบ.ทบ.ก็ควรออกมาปกป้องสถาบัน เลิกทำตัวเป็นกองทัพนาโต้

**หมดปัญญาขจัดจาบจ้วงสถาบัน

พล.ร.ท.ประทีป กล่าวประเมินการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงของรัฐบาลว่า จากกรณีไทยกัมพูชาขอยอมรับว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สามารถดำเนินมาตราการทางการทูตด้วยความอดทนได้ดี รวมถึงการประกาศยกเลิกการใช้ MOU ได้อย่างถูกต้อง แต่รัฐยังบกพร่องเรื่องการใช้สื่ออธิบายให้ประชาชน เข้าใจได้ถึงต้นตอของปัญหา แต่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามให้ข้อมูลที่บิดเบือนจนประชาชนเข้าใจผิด อย่างไรก็ตามก็ขอชื่นชมในเรื่องการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่นายอภิสิทธิ์ ไปปรากฏตัวในการประชุมระหว่างนานาชาติซึ่งผู้นำต่างประเทศต่างให้การยอมรับ เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามถึงการดำเนินการด้านต่างประเทศประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ความมั่นคงภายในในเรื่องสถาบันเบื้องสูงถือว่าสอบตกเพราะไม่มีมาตรากรจัดการกับพวกจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างจริงจัง เช่นเดียวกันกับการบริหารจัดการปฏิรูปสตช.หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ชัดเจน การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของการเมือง-ผลประโยชน์ อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้ใส่ใจดูแลสวัสดิการของตำรวจชั้นผู้น้อยเท่าทีควรจะเป็น

พล.ร.ท.ปทีป กล่าวต่ออีกว่า ปัญหาความไม่สงบในสามจังหลัดชายแดนใต้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลสอบตก ถ้งแม้รัฐจะประกาศตนว่ามีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาแต่ในภาพรวมเกิดความลังเลในแง่วิธีการดับไฟใต้ ไม่มั่นใจแม้กระทั่งกฏหมาย การจัดตั้งสำนักงานบริหารคือสิ่งเดียวที่รัฐบาลสามารถทำได้ภายในเวลา 1 ปี

**จับตาทุจริตเอสพี 2

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงผลงานการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น ว่ารัฐบาลชุดอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือเป็นความหวังของประชาชน เนื่องจากประชาชนเชื่อมั่นว่านายอภิสิทธิ์ จะไม่ทุจริต แต่พรรคร่วมไม่เป็นเช่นนั้น หนึ่งปีของการทุจริตคอรัปชั่นได้ก่อร่างตั้งเค้าเกิดขึ้นในแทบทุกกระทรวง อาทิ ปลากระป๋องเน่า ข้าวสารเน่า ข้าวโพดเน่า นมโรงเรียนเน่า แม้กระทั่งโครงการชุมชนพอเพียง ในขณะที่ข่าวการซื้อขายตำแหน่ง การกินหัวคิวในกระทรวงใหญ่อย่างมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์เป็นที่โจษขานกันในหมู่ข้าราชการ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของบรรดาผู้รับเหมารายใหญ่ที่วิ่งเต้นนักการเมืองเพื่อประมูลงานตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 2 “ไทยเข้มเข็ง” กันเป็นที่เอิกเกริก ในขณะที่ผู้รับเหมารายย่อยจำนวนมากไม่มีพลังต่อรอง ต้องรับงานด้วยราคาที่ไม่แทบจะมองไม่เห็นกำไร อีกกทั้งรัฐบาลไม่มีมาตรการใดๆที่จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้ว่าการใช่งบประมาณสูงถึง 1.47 ล้านล้านตามโครงการไทยเข้มเข็ง จะไม่มีการรั่วไหล ไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น รัฐบาลไม่มีวิธีจัดการใหม่ๆแต่ยังคงแก้ปัญหาแบบเดิม คือเมื่อมีปัญหาก็เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบคนใหม่

“ตัวนายกรัฐมนตรีเองยังไม่มีความกล้าหาญพอ ขาดความเป็นผู้นำที่จะกวาดล้างการทุจริต เพราะเกรงใจพรรครวมรัฐบาลจึงทำได้แค่เพียงประกาศคำสวยหรูในการปาฐกถาเท่านั้น รัฐบาลจึงสอบตกในเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง”
กำลังโหลดความคิดเห็น