ASTVผู้จัดการรายวัน- ผู้บริหารกานดาฯเจ้าตลาดโซนพระราม 2 เดินหน้าขยายลงทุน รับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว ลุยเปิดเฟสต่อเนื่องบวกโครงการใหม่และบ้านบีโอไอรวม 6 โครงการ คาดทั้งปีใช้เงินลงทุนประมาณ1,000 ล้านบาท เล็งเป้ายอดขายรวม 800-900 ล้านบาท พร้อมเพิ่มลานผลิตพรีแฟบกระจายใกล้โครงการ บริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันผันผวน
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดว่าในปีใหม่นี้ ทางบริษัทจะเพิ่มน้ำหนักในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น หลังจากในช่วงต้นปี 2552 ได้ชะลอเปิดโครงการ เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ภายในประเทศไม่เอื้ออำนวย ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีที่ผ่านมา ก็ถือว่ามีอัตราเติบโตอยู่ โดยเนื้อในที่ผลักดันให้ขยายตัวส่วนหนึ่ง มาจากโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ(กคช.)ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และโครงการคอนโดมิเนียมของผู้ประกอบการที่ได้พัฒนาตั้งแต่ปี 2549-2550 จะก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนจำนวนมากในปีที่ผ่านมา
ดังนั้นในปีนี้ ทางบริษัทมีแผนลงทุนโครงการต่อเนื่องเพิ่มขึ้น โดยจะเปิดประมาณ 6 โครงการ ได้แก่ โครงการสยาม เนเชอรัล โฮม รูปแบบบ้านเดี่ยวในเฟสที่ 3 ราคาตั้งแต่ 4 -10 ล้านบาท โครงการ กานดา พาร์ค พระราม 2 ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 100 ไร่ โครงการกานดา พาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ) ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะเน้นกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป โครงการบ้านกานดา ริมคลอง 3 รูปแบบทาวน์เฮาส์ขนาดใหญ่ ที่มีถึง 4 ห้องนอน
สำหรับโครงการ The First Home (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76 ) ที่ชูคอนเซ็ปต์ "คุณภาพชีวิต...ใกล้เมือง" จะเป็นรูปแบบบ้านบีโอไอ โดยเสนอราคาระดับ 1.2-1.5 ล้านบาท ในส่วนของโครงการบ้านกานดา ลำลูกกา ขณะนี้เริ่มปรับพื้นที่ภายในโครงการแล้ว ซึ่งเป็นเฟสต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะพัฒนาให้เข้ากับรูปแบบบ้านบีโอไอหรือไม่ ทั้งนี้ 6 โครงการจะมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายประมาณ 800-900 ยูนิต
"จะเห็นได้ว่า สินค้าที่บริษัทกานดาฯนำเสนอ จะมีทุกกลุ่มระดับราคาที่สนองความต้องการของลูกค้าได้ โดยสัดส่วนพอร์ตของราคาบ้านประมาณ 70% จะต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท และมากกว่า 2.5 ล้านบาทถึง 10 ล้านบาทจะเพียง 30% เท่านั้น ขณะที่สัดส่วนการผลิตจะเป็นทาวน์เฮาส์ 70% และ 30% จะอยู่ที่บ้านเดี่ยว ขณะที่เป้ารายได้ทั้งปีจะเพิ่มเป็น 800-900 ล้านบาท จากที่ในปี 52 มีรายได้ 750 ล้านบาทเท่ากับปี 51 อย่างไรก็ดี การที่ปีนี้เพิ่มลุยโครงการใหม่และเฟสต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าจะไม่เกินกำลังของบริษัท และอยู่ในวิสัยที่มีความสามารถในการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี"
นายอิสระกล่าวถึงในส่วนของบริษัท กานดา แอสเสท แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ KAD ซึ่งผลิตระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป หรือพรีแฟบ ที่รองรับการก่อสร้างบ้านทุกโครงการในเครือกานดาว่า ในภาวะที่แนวโน้มราคาน้ำมันจะขยับสูงขึ้น ทางบริษัทฯมีแผนจะเพิ่มลานผลิตไว้ใกล้เคียงกับโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนโครงการในบริเวณดังกล่าว เช่น พระราม 2 , ประชาอุทิศ และ ลำลูกกา และป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดว่าในปีใหม่นี้ ทางบริษัทจะเพิ่มน้ำหนักในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น หลังจากในช่วงต้นปี 2552 ได้ชะลอเปิดโครงการ เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ภายในประเทศไม่เอื้ออำนวย ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีที่ผ่านมา ก็ถือว่ามีอัตราเติบโตอยู่ โดยเนื้อในที่ผลักดันให้ขยายตัวส่วนหนึ่ง มาจากโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ(กคช.)ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และโครงการคอนโดมิเนียมของผู้ประกอบการที่ได้พัฒนาตั้งแต่ปี 2549-2550 จะก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนจำนวนมากในปีที่ผ่านมา
ดังนั้นในปีนี้ ทางบริษัทมีแผนลงทุนโครงการต่อเนื่องเพิ่มขึ้น โดยจะเปิดประมาณ 6 โครงการ ได้แก่ โครงการสยาม เนเชอรัล โฮม รูปแบบบ้านเดี่ยวในเฟสที่ 3 ราคาตั้งแต่ 4 -10 ล้านบาท โครงการ กานดา พาร์ค พระราม 2 ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 100 ไร่ โครงการกานดา พาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ) ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะเน้นกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป โครงการบ้านกานดา ริมคลอง 3 รูปแบบทาวน์เฮาส์ขนาดใหญ่ ที่มีถึง 4 ห้องนอน
สำหรับโครงการ The First Home (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76 ) ที่ชูคอนเซ็ปต์ "คุณภาพชีวิต...ใกล้เมือง" จะเป็นรูปแบบบ้านบีโอไอ โดยเสนอราคาระดับ 1.2-1.5 ล้านบาท ในส่วนของโครงการบ้านกานดา ลำลูกกา ขณะนี้เริ่มปรับพื้นที่ภายในโครงการแล้ว ซึ่งเป็นเฟสต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะพัฒนาให้เข้ากับรูปแบบบ้านบีโอไอหรือไม่ ทั้งนี้ 6 โครงการจะมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายประมาณ 800-900 ยูนิต
"จะเห็นได้ว่า สินค้าที่บริษัทกานดาฯนำเสนอ จะมีทุกกลุ่มระดับราคาที่สนองความต้องการของลูกค้าได้ โดยสัดส่วนพอร์ตของราคาบ้านประมาณ 70% จะต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท และมากกว่า 2.5 ล้านบาทถึง 10 ล้านบาทจะเพียง 30% เท่านั้น ขณะที่สัดส่วนการผลิตจะเป็นทาวน์เฮาส์ 70% และ 30% จะอยู่ที่บ้านเดี่ยว ขณะที่เป้ารายได้ทั้งปีจะเพิ่มเป็น 800-900 ล้านบาท จากที่ในปี 52 มีรายได้ 750 ล้านบาทเท่ากับปี 51 อย่างไรก็ดี การที่ปีนี้เพิ่มลุยโครงการใหม่และเฟสต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าจะไม่เกินกำลังของบริษัท และอยู่ในวิสัยที่มีความสามารถในการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี"
นายอิสระกล่าวถึงในส่วนของบริษัท กานดา แอสเสท แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ KAD ซึ่งผลิตระบบการก่อสร้างสำเร็จรูป หรือพรีแฟบ ที่รองรับการก่อสร้างบ้านทุกโครงการในเครือกานดาว่า ในภาวะที่แนวโน้มราคาน้ำมันจะขยับสูงขึ้น ทางบริษัทฯมีแผนจะเพิ่มลานผลิตไว้ใกล้เคียงกับโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนโครงการในบริเวณดังกล่าว เช่น พระราม 2 , ประชาอุทิศ และ ลำลูกกา และป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก