ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังจากที่เรียกร้องรัฐบาลและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ มานับ 10 ปีเพื่อให้แก้ไขเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ หรือบ้านบีโอไอ เพราะในทางปฏิบัติไม่สามารถดำเนินการได้เพราะต้นทุนการก่อสร้างได้ขยับขึ้นไปสูงมาก
กระทั้งกลางปีที่ผ่านมารัฐบาลอนุมัติปรับเงื่อนไขบ้านบีโอไอซึ่งเป็นการขยับเพดานราคาที่ควบคุมไว้ตั้งแต่ปี 2536 จาก 6 แสนบาท มาเป็น 1-1.2 ล้านบาท โดยบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ปรับขึ้นเป็น 1.2 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมพื้นที่ไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาสินค้า ป้อนตลาดผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้มีโอกาสมีบ้านเป็นของตัวเองมากขึ้น
ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศขยับเพดานราคาดังกล่าว เจ้าตลาดบ้านบีโอไออย่างบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ดูเหมือนจะเป็นรายแรกๆที่สามารถขยายการลงทุนได้ทันที เพราะทำตลาดนี้อยู่แล้ว แต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาลดเพดานบ้านบีโอไอลง เพราะไม่สามารถพัฒนาบ้านออกมาในราคาไม่เกิน 6 แสนบาทได้ ซึ่งพฤกษาเคยประกาศไว้ว่ามีโครงการที่จ่อคิวขอจัดสรรบ้านบีโอไอนับ 10,000 ยูนิต
ล่าสุด นายประเสริฐ แต่ดุยสาสิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาฯ ระบุว่า ปี 2553 พกฤษามีแผนที่จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมบีโอไอ จำนวน 10 โครงการ ราคาตั้งแต่ 8 แสนบาทขึ้นไป โดยจะกระจายลงทุนรอบกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีทาวน์เฮ้าส์บีโอไออีกหลายโครงการ ซึ่งล่าสุดปีนี้พฤกษาได้รับการอนุมัติบ้านบีโอไอไปแล้วกว่าเกือบ 4,000 ยูนิต
อย่างไรก็ตามมีผู้ประกอบการอีกหลายรายสนใจลงทุนบ้านบีโอไอ โดยนายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และในฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า หลังการปรับเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางหรือบ้านบีโอไอใหม่ นับเป็นข่าวดีของผู้ประกอบการที่จะสามารถเข้าสู่ตลาดนี้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะรายกลาง รายย่อย หลังจากก่อนหน้านี้ มีพัฒนาโครงการอยู่ไม่ถึง 10 ราย เพราะต้นทุนการก่อสร้างและต้นทุนที่ดินที่เพิ่มสูงมากจนไม่สามารถพัฒนาบ้านได้ตามเกณฑ์ของบีโอไอ
สำหรับกานดา พร็อพเพอร์ตี้ มีความสนใจที่จะพัฒนาบ้านบีโอไอเช่นเดียวกัน เพราะปัจจุบันบริษัทพัฒนาทาวน์เฮาส์ในระดับราคา 1.3 ล้านบาทอยู่แล้ว ซึ่งสามารถปรับลดราคาลงมาให้ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท และรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอได้ โดยในปีนี้บริษัทจะสามารถพัฒนาบ้านบีโอไอออกสู่ตลดาได้ 2 โครงการย่านประชาอุทิศ จำนวน 700 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 800-900 ล้านบาท
ส่วนบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ได้นำห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียม สมาร์ทคอนโด ย่านพระราม 2 ยื่นขอบีโอไอ จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 8 อาคาร 2,202 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 25 -29 ตร.ม.ราคาขายเริ่มต้น 6.99 แสนบาท/ยูนิต
นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการอีกหลายรายที้แม้ว่าจะสนใจลงทุนบ้านบีโอไอ แต่ยังกล้าๆกลัวๆ ขอศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพราะแม้ว่าจะได้รับส่งเสริมการลงทุนยกเว้นภาษี แต่ก็ใช้ว่าจะสามารถทำกำไรได้ เพราะเมื่อบ้านราคาถูก กำไรย่อมน้อยมาก หากบริหารจัดการไม่ดีอาจทำให้ขาดทุนได้ง่ายๆ
แอล.พี.เอ็น.ยันทำคอนโดฯ6แสน
อย่างไรก็ตาม นายโอภาส ศรีพยัฆค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่ผู้ประกอบการหันมาสร้างคอนโดฯ28 ตร.ม. ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เพื่อผู้มีรายได้น้อยได้ซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างชนเพดาน 1 ล้านบาทพอดี หรือบางห้องในโครงการเดียวกันราคาสูงกว่านั้น
แต่สำหรับแอล.พี.เอ็น.แล้วยังคงเน้นการพัฒนารูปแบบเดิมคือเริ่มตั้งแต่ 6 แสนบาท/ยูนิต แม้ว่าขนาดห้องจะไม่ถึง28 ตร.ม. ตามเกณฑ์บีโอไอที่จะได้รับการส่งเสริม แต่แอล.พี.เอ็น.ก็จะไม่ขยับไปทำห้องขนาดใหญ่ขึ้น เพราะนั้นหมายถึงราคาต้องสูงขึ้นตาม
นั้นหมายความว่าแอล.พี.เอ็น.จะยังคงรักษาฐานลูกค้าที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางที่ซื้อคอนโดฯระหว่าง 6 แสนบาทถึง 1 ล้านบาท แต่ก็ไม่ใช้เรื่องแปลกเพราะแม้ว่าแอล.พี.เอ็น.จะรักษาฐานลูกค้า 6 แสนกว่าบาท /ยูนิตไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายว่าว่าจะไม่ได้ผลิตบ้านบีโอไอ หรือสินค้าในกลุ่มอื่นๆ เพราะแอล.พี.เอ็น.ยังมีคอนโดนอีกหลายเซ็กเมนต์ที่พร้อมจะแย่งมาร์เก็ตแชร์จากตลาดอยู่แล้ว
กระทั้งกลางปีที่ผ่านมารัฐบาลอนุมัติปรับเงื่อนไขบ้านบีโอไอซึ่งเป็นการขยับเพดานราคาที่ควบคุมไว้ตั้งแต่ปี 2536 จาก 6 แสนบาท มาเป็น 1-1.2 ล้านบาท โดยบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ปรับขึ้นเป็น 1.2 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมพื้นที่ไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาสินค้า ป้อนตลาดผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้มีโอกาสมีบ้านเป็นของตัวเองมากขึ้น
ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศขยับเพดานราคาดังกล่าว เจ้าตลาดบ้านบีโอไออย่างบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ดูเหมือนจะเป็นรายแรกๆที่สามารถขยายการลงทุนได้ทันที เพราะทำตลาดนี้อยู่แล้ว แต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาลดเพดานบ้านบีโอไอลง เพราะไม่สามารถพัฒนาบ้านออกมาในราคาไม่เกิน 6 แสนบาทได้ ซึ่งพฤกษาเคยประกาศไว้ว่ามีโครงการที่จ่อคิวขอจัดสรรบ้านบีโอไอนับ 10,000 ยูนิต
ล่าสุด นายประเสริฐ แต่ดุยสาสิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาฯ ระบุว่า ปี 2553 พกฤษามีแผนที่จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมบีโอไอ จำนวน 10 โครงการ ราคาตั้งแต่ 8 แสนบาทขึ้นไป โดยจะกระจายลงทุนรอบกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีทาวน์เฮ้าส์บีโอไออีกหลายโครงการ ซึ่งล่าสุดปีนี้พฤกษาได้รับการอนุมัติบ้านบีโอไอไปแล้วกว่าเกือบ 4,000 ยูนิต
อย่างไรก็ตามมีผู้ประกอบการอีกหลายรายสนใจลงทุนบ้านบีโอไอ โดยนายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และในฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า หลังการปรับเกณฑ์ส่งเสริมการลงทุนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางหรือบ้านบีโอไอใหม่ นับเป็นข่าวดีของผู้ประกอบการที่จะสามารถเข้าสู่ตลาดนี้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะรายกลาง รายย่อย หลังจากก่อนหน้านี้ มีพัฒนาโครงการอยู่ไม่ถึง 10 ราย เพราะต้นทุนการก่อสร้างและต้นทุนที่ดินที่เพิ่มสูงมากจนไม่สามารถพัฒนาบ้านได้ตามเกณฑ์ของบีโอไอ
สำหรับกานดา พร็อพเพอร์ตี้ มีความสนใจที่จะพัฒนาบ้านบีโอไอเช่นเดียวกัน เพราะปัจจุบันบริษัทพัฒนาทาวน์เฮาส์ในระดับราคา 1.3 ล้านบาทอยู่แล้ว ซึ่งสามารถปรับลดราคาลงมาให้ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท และรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอได้ โดยในปีนี้บริษัทจะสามารถพัฒนาบ้านบีโอไอออกสู่ตลดาได้ 2 โครงการย่านประชาอุทิศ จำนวน 700 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 800-900 ล้านบาท
ส่วนบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ได้นำห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียม สมาร์ทคอนโด ย่านพระราม 2 ยื่นขอบีโอไอ จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 8 อาคาร 2,202 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 25 -29 ตร.ม.ราคาขายเริ่มต้น 6.99 แสนบาท/ยูนิต
นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการอีกหลายรายที้แม้ว่าจะสนใจลงทุนบ้านบีโอไอ แต่ยังกล้าๆกลัวๆ ขอศึกษาความเป็นไปได้ก่อน เพราะแม้ว่าจะได้รับส่งเสริมการลงทุนยกเว้นภาษี แต่ก็ใช้ว่าจะสามารถทำกำไรได้ เพราะเมื่อบ้านราคาถูก กำไรย่อมน้อยมาก หากบริหารจัดการไม่ดีอาจทำให้ขาดทุนได้ง่ายๆ
แอล.พี.เอ็น.ยันทำคอนโดฯ6แสน
อย่างไรก็ตาม นายโอภาส ศรีพยัฆค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวแสดงความเห็นว่า การที่ผู้ประกอบการหันมาสร้างคอนโดฯ28 ตร.ม. ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เพื่อผู้มีรายได้น้อยได้ซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะสร้างชนเพดาน 1 ล้านบาทพอดี หรือบางห้องในโครงการเดียวกันราคาสูงกว่านั้น
แต่สำหรับแอล.พี.เอ็น.แล้วยังคงเน้นการพัฒนารูปแบบเดิมคือเริ่มตั้งแต่ 6 แสนบาท/ยูนิต แม้ว่าขนาดห้องจะไม่ถึง28 ตร.ม. ตามเกณฑ์บีโอไอที่จะได้รับการส่งเสริม แต่แอล.พี.เอ็น.ก็จะไม่ขยับไปทำห้องขนาดใหญ่ขึ้น เพราะนั้นหมายถึงราคาต้องสูงขึ้นตาม
นั้นหมายความว่าแอล.พี.เอ็น.จะยังคงรักษาฐานลูกค้าที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางที่ซื้อคอนโดฯระหว่าง 6 แสนบาทถึง 1 ล้านบาท แต่ก็ไม่ใช้เรื่องแปลกเพราะแม้ว่าแอล.พี.เอ็น.จะรักษาฐานลูกค้า 6 แสนกว่าบาท /ยูนิตไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายว่าว่าจะไม่ได้ผลิตบ้านบีโอไอ หรือสินค้าในกลุ่มอื่นๆ เพราะแอล.พี.เอ็น.ยังมีคอนโดนอีกหลายเซ็กเมนต์ที่พร้อมจะแย่งมาร์เก็ตแชร์จากตลาดอยู่แล้ว
