xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.กังขาเงินกู้4แสนล้าน กรณ์แจงจำเป็นกระตุ้นศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – เปิดสภาสูงถกพ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท ส.ว.รุมจวกกังขารัฐบาลจะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ แขวะ พัฒนาเศรษฐกิจยังแพ้เวียดนาม รั้งคิวเกือบบ๊วยของในภูมิภาค ด้าน“วรินทร์” ถามรัฐบาลจนปัญญาหาเงินแล้วหรือถึงต้องกู้ “กรณ์” แจง จำเป็นต้องกู้ เหตุรายจ่ายเท่ารายรับ 100 % ยืนยันทุกขั้นตอนโปร่งใสตรวจสอบได้ ระบุรายงานความคืบหน้าเบิกจ่ายงบต่อครม.ทุกสัปดาห์ มั่นใจหาเงินใช้หนี้ได้

ที่รัฐสภา วานนี้(1ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น. มีการประชุมวุฒิสภา มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในที่ประชุม ภายหลังการหารือ ที่ประชุมได้รับทราบรายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 จากนั้นได้มีการอภิปรายและถามฝ่ายรัฐบาล ซึ่งมีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง มาชี้แจง ทั้งนี้ส.ว.ส่วนใหญ่ต่างตั้งข้อสงสัยในการใช้จ่ายเงินกู้ในพรก.4 แสนล้านบาท

นายอนันต์ วรธิติพงศ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนทราบดีว่ารัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องการนำเงินจำนวนมากมาใช้จ่ายโดยอ้างว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ จึงได้กู้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งตนไม่ขัดข้องหากต้องการกู้เงินเพื่อมาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้ากู้เงินมาแล้วนำมาใช้ในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ตนรับไม่ได้ อีกทั้งรัฐบาลอย่าลืมว่าจะต้องเสียดอกเบี้ยสูงที่งอกเงยขึ้นทุกวัน จึงต้องการให้รัฐบาลมองหาแนวทางในการหาเงินมาใช้หนี้ทั้งหมดว่าจะทำอย่างไรบ้าง

นายอนันต์ กล่าวอีกว่า ตนเห็นว่าความจริงรัฐบาลไม่จำเป็นต้องกู้เงิน เพราะยังมีอีกหลายแนวทางในการหาเงินมาใช้จ่ายเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีอีกหลายโครงการที่ภาคเอกชนต้องการเข้าร่วมลงทุนซึ่งล้วนก่อให้เกิดรายได้ โครงการที่เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลจะได้เงินจำนวนมาก คือ โครงการ 3 จี หากมีการออกใบอนุญาตรัฐจะได้เงินสดมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท ทันที และจะได้รายได้เฉลี่ยปีละกว่าแสนล้านบาท ซึ่งตนไม่เข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้คิดอะไรอยู่ เพราะตนไม่ต้องการให้ไทยเสียโอกาสทางเศรษฐกิจซ้ำรอยกับ พ.ศ.2500 ที่ไทยเคยเป็นหนึ่งใน 5 เสือภูมิภาคเอเชีย แต่ขณะนี้ไทยกลับตกเกือบรั้งท้ายในเอเชีย แม้แต่เวียดนามที่เคยตามเราแต่ขณะนี้ประเทศเค้ากลับนำหน้าเราในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

ด้านนายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม กล่าวว่า ตนได้ศึกษาพรก.4 แสนล้านนี้มาโดยตลอด จากการติดตามเห็นว่าการใช้จ่ายจากงบประมาณนี้ไม่มีความชัดเจน ซึ่งอยากทราบว่ารัฐบาลได้มีการใช้จ่ายเงินในพรก.4 แสนล้านนี้ เป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่ และนำไปใช้ในโครงการไทยเข้มแข็งจริงประมาณเท่าใด มีการเบิกจ่ายเพิ่มเติมหรือไม่อีกทั้งต้องชำระดอกเบี้ยปีละเท่าใด

ด้านนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไม่มีทางหาเงินอย่างอื่นมาใช้จ่ายแล้วหรือถึงจำเป็นต้องกู้เงินจำนวนมหาศาลนี้ และต้องการทราบว่ารัฐบาลมีนโยบายการใช้จ่ายเงินในโครงการใดบ้างที่ต้องเร่งรีบให้ใช้จ่ายเงินโดยเห็นว่ามีความจำเป็นมากขนาดที่รอไม่ได้เชียวหรือ ซึ่งเห็นว่าหลายโครงการเบื้องต้นของรัฐบาลไม่มีความชัดเจนพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ที่อภิปรายซักถามต่างเห็นว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายชัดเจนในการหาเงินมาใช้หนี้จำนวนมหาศาลจากการกู้เงินกว่า 4 แสนล้านบาท

นายกรณ์ รมว.คลัง ชี้แจงว่า ในส่วนเรื่อง 3 จี นั้นยังมีปัญหาเรื่องเทคนิคสำคัญ การโอนเงินลูกค้า ในส่วนของ2 จี ซึ่งจะให้ส่วนแบ่งของรัฐ 20 -25 % แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็น 3 จี จะให้ส่วนตอบแทนรัฐ เพียงแค่ 3-6 % ซึ่งส่วนต่างนี้มีมูลค่าสูงถึง แสนล้านบาท ที่จะทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ ในการออกใบอนุญาติจึงต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบด้าน ดังนั้นยืนยันว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมากโดยเฉพาะเรื่อง3 จี เพราะที่ผ่านมามีปัญหาสะสมในเรื่องของรูปแบบการสัมปทานของผู้ประกอบการที่เกิดความไม่เสมอภาค ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าไม่ควรสะสมปัญหาเพิ่มมากขึ้นควรสะสางปัญหาที่มีอยู่ให้เกิดความชัดเจนก่อน
 

นอกจากนี้ นายกรณ์ ได้ชี้แจงเรื่องพรก.4 แสนล้านบาทว่า รัฐบาลไม่เห็นด้วยหากมีการยกเลิกพรก.กู้เงิน4 แสนล้านบาท เนื่องจากรัฐบาล มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้ พรก.ดังกล่าว แม้ว่าจะมีแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีภาระงบประมาณรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ของรายได้เช่นกัน ขณะเดียวกันตนยืนยันว่าทุกอย่างมีการดำเนินการที่เน้นความโปร่งใสในการใช้เงินตาม พรก.ดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการ 2 สภา ขึ้นมาตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ โดยรัฐบาลจะนำรายละเอียดของโครงการต่างๆ ให้คณะกรรมการพิจารณา เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาแสดงความคิดโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย เพื่อยกระดับการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณของรัฐบาล อีกทั้งตนจะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมครม.ทราบทุกสัปดาห์

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลขอให้สมาชิกวุฒิสภาได้มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถหาเงินรายได้ใช้จ่ายหนี้ดอกเบี้ยได้อย่างแน่นอน โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะใช้เงินจ่ายเงินตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี มากกว่าใช้เงินนอกงบประมาณ อีกทั้งยืนยันว่า ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และจากการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกฝ่ายยังให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมาเป็นลำดับแรก

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า การที่เบิกจ่ายงบประมาณล่าช้านั้นเนื่องจากที่ผ่านมา โครงการไทยเข้มแข็ง ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส รวมทั้งของกรมอาชีวะ เมื่อมีความโปร่งใสจึงจะมีการอนุมัติให้เบิกใช้จ่ายงบประมาณได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง ได้ขีดเส้นสิ้นสุดการจัดสรรของบประมาณจากสำนักงบฯ โดยให้ทุกหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม ทำเรื่องมา หากไม่ทำเรื่องมาจะถูกตัดสิทธิ์ ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่31 ม.ค. ที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น