xs
xsm
sm
md
lg

ส.ว.รุมซักเงินกู้ 4 แสนล้าน จี้ถามใช้หนี้อย่างไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประสพสุข บุญเดช
ส.ว.เรียงหน้าอภิปราย พ.ร.ก.4 แสนล้าน จี้ถามจะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ แขวะ พัฒนาเศรษฐกิจแพ้เวียดนาม รั้งคิวเกือบบ๊วย ด้าน “กรณ์” แจงจำเป็นต้องกู้ เหตุรายจ่ายเท่ารายรับ 100% มั่นใจ รบ.หาเงินใช้หนี้ได้ แจงเบิกจ่ายงบฯล่าช้า เหตุติดทุจริตโกงสธ.

วันนี้ (1 ก.พ.) ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในที่ประชุม ภายหลังการหารือ ที่ประชุมได้รับทราบรายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 จากนั้นได้มีการอภิปรายและถามฝ่ายรัฐบาล ซึ่งมีนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง มาชี้แจง ทั้งนี้ส.ว.ส่วนใหญ่ต่างตั้งข้อสงสัยในการใช้จ่ายเงินกู้ในพรก.4 แสนล้านบาท

นายอนันต์ วรธิติพงศ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนทราบดีว่ารัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องการนำเงินจำนวนมากมาใช้จ่ายโดยอ้างว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ จึงได้กู้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งตนไม่ขัดข้องหากต้องการกู้เงินเพื่อมาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ถ้ากู้เงินมาแล้วนำมาใช้ในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ตนรับไม่ได้ อีกทั้งรัฐบาลอย่าลืมว่าจะต้องเสียดอกเบี้ยสูงที่งอกเงยขึ้นทุกวัน จึงต้องการให้รัฐบาลมองหาแนวทางในการหาเงินมาใช้หนี้ทั้งหมดว่าจะทำอย่างไรบ้าง

นายอนันต์กล่าวอีกว่า ตนเห็นว่าความจริงรัฐบาลไม่จำเป็นต้องกู้เงิน เพราะยังมีอีกหลายแนวทาง ในการหาเงินมาใช้จ่าย เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีอีกหลายโครงการที่ภาคเอกชน ต้องการเข้าร่วมลงทุนซึ่งล้วนก่อให้เกิดรายได้ โครงการที่เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลจะได้เงินจำนวนมาก คือ โครงการ 3 จี หากมีการออกใบอนุญาตรัฐจะได้เงินสดมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท ทันที และจะได้รายได้เฉลี่ยปีละกว่าแสนล้านบาท ซึ่งตนไม่เข้าใจว่ารัฐบาลชุดนี้คิดอะไรอยู่ เพราะตนไม่ต้องการให้ไทยเสียโอกาสทางเศรษฐกิจซ้ำรอยกับ พ.ศ.2500 ที่ไทยเคยเป็นหนึ่งใน 5 เสือภูมิภาคเอเชีย แต่ขณะนี้ไทยกลับตกเกือบรั้งท้ายในเอเชีย แม้แต่เวียดนามที่เคยตามเรา แต่ขณะนี้ประเทศเค้ากลับนำหน้าเราในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

ด้าน นายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม กล่าวว่า ตนได้ศึกษาพรก.4 แสนล้านนี้มาโดยตลอด จากการติดตามเห็นว่า การใช้จ่ายจากงบประมาณนี้ไม่มีความชัดเจน ซึ่งอยากทราบว่ารัฐบาลได้มีการใช้จ่ายเงินในพรก.4 แสนล้านนี้ เป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่ และนำไปใช้ในโครงการไทยเข้มแข็งจริงประมาณเท่าใด มีการเบิกจ่ายเพิ่มเติมหรือไม่ อีกทั้งต้องชำระดอกเบี้ยปีละเท่าใด

ด้าน นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไม่มีทางหาเงินอย่างอื่นมาใช้จ่ายแล้วหรือ ถึงจำเป็นต้องกู้เงินจำนวนมหาศาลนี้ และต้องการทราบว่ารัฐบาลมีนโยบายการใช้จ่ายเงินในโครงการใดบ้างที่ต้องเร่งรีบให้ใช้จ่ายเงินโดยเห็นว่า มีความจำเป็นมากขนาดที่รอไม่ได้เชียวหรือ ซึ่งเห็นว่าหลายโครงการเบื้องต้นของรัฐบาล ไม่มีความชัดเจนพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ที่อภิปรายซักถามต่างเห็นว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายชัดเจนในการหาเงินมาใช้หนี้จำนวนมหาศาลจากการกู้เงินกว่า 4 แสนล้านบาท

นายกรณ์ชี้แจงว่า ในส่วนเรื่อง 3 จี นั้นยังมีปัญหาเรื่องเทคนิคสำคัญ การโอนเงินลูกค้า ในส่วนของ2 จี ซึ่งจะให้ส่วนแบ่งของรัฐ 20-25 % แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็น 3 จี จะให้ส่วนตอบแทนรัฐ เพียงแค่ 3-6% ซึ่งส่วนต่างนี้มีมูลค่าสูงถึง แสนล้านบาท ที่จะทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ ในการออกใบอนุญาติจึงต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบด้าน ดังนั้นยืนยันว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่อง 3 จี เพราะที่ผ่านมามีปัญหาสะสมในเรื่องของรูปแบบการสัมปทานของผู้ประกอบการ ที่เกิดความไม่เสมอภาค ซึ่งรัฐบาลเห็นว่า ไม่ควรสะสมปัญหาเพิ่มมากขึ้นควรสะสางปัญหา ที่มีอยู่ให้เกิดความชัดเจนก่อน

นอกจากนี้ นายกรณ์ได้ชี้แจงเรื่อง พ.ร.ก.4 แสนล้านบาทว่า รัฐบาลไม่เห็นด้วยหากมีการยกเลิกพรก.กู้เงิน4 แสนล้านบาท เนื่องจากรัฐบาล มีความจำเป็น ที่จะต้องบังคับใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าว แม้ว่าจะมีแนวโน้มเศรษฐกิจไทย จะมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีภาระงบประมาณรายจ่ายประจำ ที่เพิ่มขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ของรายได้เช่นกัน ขณะเดียวกัน ตนยืนยันว่าทุกอย่างมีการดำเนินการที่เน้นความโปร่งใสในการใช้เงินตาม พ.ร.ก.ดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลได้เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการ 2 สภา ขึ้นมาตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ โดยรัฐบาลจะนำรายละเอียดของโครงการต่างๆ ให้คณะกรรมการพิจารณา เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภา แสดงความคิดโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย เพื่อยกระดับการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณของรัฐบาล อีกทั้งตนจะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุม ครม.ทราบทุกสัปดาห์

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลขอให้สมาชิกวุฒิสภาได้มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถหาเงินรายได้ใช้จ่ายหนี้ดอกเบี้ยได้อย่างแน่นอน โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะใช้เงินจ่ายเงินตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี มากกว่าใช้เงินนอกงบประมาณ อีกทั้งยืนยันว่าปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่กระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และจากการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกฝ่ายยังให้ความสำคัญ ต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมาเป็นลำดับแรก

นายกรณ์กล่าวอีกว่า การที่เบิกจ่ายงบประมาณล่าช้านั้นเนื่องจากที่ผ่านมา โครงการไทยเข้มแข็ง ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส รวมทั้งของกรมอาชีวะ เมื่อมีความโปร่งใสจึงจะมีการอนุมัติให้เบิกใช้จ่ายงบประมาณได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง ได้ขีดเส้นสิ้นสุดการจัดสรรของบประมาณจากสำนักงบฯ โดยให้ทุกหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม ทำเรื่องมา หากไม่ทำเรื่องมาจะถูกตัดสิทธิ์ ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น