xs
xsm
sm
md
lg

ความในใจที่เจ็บปวดของ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าอัลรูไวลี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม
รายงานพิเศษ
โดย...แสงตะวัน

หลังจากถูกยื่นฟ้องต่อศาลอาญา พัวพันในคดีอุ้มฆ่าและทำลายศพ นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก็เก็บตัวเงียบมาตลอดโดยไม่เคยให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชนในเรื่องนี้

การสัมภาษณ์ของพล.ต.ท.สมคิด กับASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ จึงเป็นครั้งแรกที่นายตำรวจคนดังเปิดความจริงในเรื่องราวทุกหมดตั้งแต่เหตุการณ์ในคดี และการสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร ซึ่งทำให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาฟ้องร้องใหม่ก่อนหมดอายุความเพียงวันเดียว ทั้งเขายังระบายสิ่งที่อยู่ในใจที่เขาไม่เคยพูดมาก่อนให้สังคมทุกฝ่ายได้รับรู้  

ในทางคดี ใครจะผิดจะถูก คงต้องรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินแต่เชื่อว่าคดีนี้สู้กันยาวถึงฎีกาแน่นอน และกว่าคดีจะยุติคงกินเวลาหลายปี ชะตากรรมของพล.ต.ท.สมคิดจะเป็นอย่างไร คงเป็นหนังเรื่องยาวที่มีสิทธิ์พลิกผันได้ทุกเมื่อ

-หลังถูกดีเอสไอ.แจ้งข้อกล่าวหาและฟ้องศาล มีการต่อสู้คดีอย่างหนัก ฟ้องกลับทั้งดีเอสไอ-อัยการ คิดว่าสาเหตุที่ถูกรื้อคดีกลับมาอีก จนตกเป็นจำเลยอีกครั้ง มาจากเรื่องการเมือง?

อันดับแรก ผมเห็นว่าการปัดฝุ่นคดีนี้ของดีเอสไอพบว่ากระบวนการรื้อฟื้นรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปอย่างไม่ตรงไปตรงมา บางขั้นตอนผิดกฎหมายด้วยซ้ำ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดย่อมได้รับความเสียหายจากผู้เกี่ยวข้อง แต่ไม่อยากไปก้าวล่วงทางซาอุดิอาระเบีย

สาเหตุที่ผมถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะความขัดแย้งในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตอนสมัยเป็นพ.ต.ท.อยู่เป็นรองผู้กำกับการกองกำกับการสื่อสวนสอบสวนตำรวจพระนครใต้ บช.น. ผมจนถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของอัลลูไวลี่ ในอดีตสิ่งที่นำมากล่าวหาเป็นพยานบอกเล่าคนหนึ่ง(พ.ต.ท. สุวิชชัย แก้วผลึก ) และหนังสือกล่าวโทษว่ากลุ่มตำรวจกลุ่มหนึ่งไปเกี่ยวข้อง โยงมาถึงผมและคนอื่น

การดำเนินคดีผมใช้พยานปากนี้คนเดียวว่าได้ยินลูกน้องผมพูดในวงสนทนาวงสุรา เมื่อสอบสวนความเป็นจริงแล้ว พยานปากนั้นก็ปฏิเสธ ผลการสอบสวนเป็นที่ยุติ พนักงานสอบสวนชุดที่นำโดยพล.ต.อ. พงษ์อำมาตย์ อำมาตยกุล และอัยการสูงสุดคือนาย โกเมน ภัทรภิรมย์ ก็สั่งไม่ฟ้อง แต่ข้อสงสัยของซาอุฯกลับพุ่งเป้าว่าผมเป็นผู้กระทำผิด

-แต่ครั้งนี้ดีเอสไอรวมถึงอัยการดูเหมือนมั่นใจในพยานหลักฐาน จนปัดฝุ่นรื้อคดีใหม่ ?

ก็มีการพยายามหยิบเรื่องนี้มาดิสเครดิตผมทุกครั้ง ที่ผ่านมาไม่รุนแรงเท่าใด ก็ทนได้ เพราะผู้บังคับบัญชาในอดีตก็ให้ความเป็นธรรมเป็นระยะเพราะเขารู้ความจริง ก็ได้ความก้าวหน้าในชีวิตราชการมาตลอดตั้งแต่คดีเสร็จสิ้นเมื่อปี 2536 พอมาวันนี้ ไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไปขัดแย้งขบวนการทางความคิดทางการเมืองในพื้นที่เป็นเหตุให้บุคคลบางกลุ่มไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกเหมือนในอดีต ทำเพื่อความสงบสุขของคนภาคเหนือ โดยเฉพาะการสกัดกั้นไม่ให้เกิดความรุนแรงเราสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่สะสมอาวุธปืน ถึงขนาดที่ต้องยกคนมากดดันให้เราปล่อยตัวพรรคพวกโดยปราศจากเงื่อนไข สิ่งที่ผิดกฎหมายแบบนี้เราก็ยอมไม่ได้

จึงเป็นเหตุให้คนที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ทางภาคเหนือที่ยังมีอิทธิพลในส่วนราชการบางส่วนมาหยิบเรื่องคดีนี้มาจัดการผม

-ทำไมเชื่อว่า กระบวนการสอบสวนผิดปกติ ดีเอสไอมีเหตุอะไรจะต้องทำคดีนี้เพื่อเอาผิด ?

ก็เพราะว่า ได้ตรวจสอบความไม่ถูกต้องในการรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เช่นการไปขอศาลอนุมัติหมายจับผม ก็ทำอย่างไม่ถูกต้อง ลุกลี้ลุกลน พยานหลักฐานไม่ครบถ้วน ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทราบ ก็ไปขอต่อศาล ทั้งที่พยานปากที่เอามาเป็นหลักฐานใหม่กล่าวหาผมก็เป็นพยานบอกเล่าคนเดิมที่มากลับคำให้การใหม่ ซึ่งหลักกฎหมายและคำพิพากษาศาลฎีกาก็ระบุไว้ว่าคำให้การของพยานที่เคยให้การไว้แล้วมากลับคำให้การใหม่ ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานใหม่

-ตามข่าวและสำนวนส่งฟ้องบอกว่า มีพยานวัตถุชิ้นสำคัญคือแหวนพระจันทร์เสี้ยวของผู้ตาย ไม่ใช่แค่พยานบอกเล่า ?

วัตถุพยานที่กล่าวว่าเป็นหลักฐานใหม่ คือแหวนที่เป็นหลักฐานสำคัญไว้มัดตัวพวกผมก็ไม่มีการตรวจพิสูจน์ และไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นนักธุรกิจซาอุดิอาระเบียคนที่สูญหายไปหรือไม่ แล้วก็ไปขออนุมัติศาลออกหมายจับผม จะอ้างว่ามีพยานแวดล้อมคนอื่นที่เชื่อมั่นว่าผมเป็นผู้กระทำผิด แต่ก็ต้องมีเหตุและผล

กระบวนการทั้งหมดที่กล่าวหาผมจึงไม่ได้รับพิสูจน์ว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญหรือไม่ ผมจึงนำไปฟ้องเอาผิดผู้เกี่ยวข้องต่อศาลและนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 15 ก.พ.นี้

ยิ่งกว่านั้นพยานหลักฐานปากนี้ มีข้อสงสัยว่ามาให้การปรักปรำผมเป็นเพราะมีแรงจูงใจจากคำมั่นสัญญาหรือว่าการต่อรองด้วยหมายจับ ที่พยานปากนี้หนีหมายจับในคดีฆ่าคนตายที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต เมื่อมีหมายจับก็ไปแจ้งให้พล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรักษาการผบ.ตร.ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้ไปร่วมสอบสวนคดีนี้ว่าพยานปากนี้ได้ข่าวว่าจะนำมากลับคำให้การและใส่ร้ายผม ขอให้พิจารณาให้ความเป็นธรรมผมด้วย และยังส่งศาลหมายจับให้ท่านเห็นด้วยว่าศาลมีนบุรีได้ออกหมายจับไว้เมื่อ 19 ก.พ.52 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่พนักงานสอบสวนคดีนี้ของกรมสอบสวนคดีพิเศษนำตัวมาสอบสวน

ท่านรองธานีก็บอกผมว่าได้ไปเตือนแล้ว แต่พนักงานสอบสวนดีเอสไอที่อยู่ในการดูแลของพ.ต.อ. ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ในตอนนั้น อ้างว่าถึงแม้จะมีหมายจับแต่เขาไม่ต้องจับก็ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นตำรวจ แต่ผมมองว่าการที่พยานปากนี้มาให้การขณะมีหมายจับ โดยไม่ยอมจับจึงตั้งข้อสังเกตว่าเอาเรื่องหมายจับมาเป็นเครื่องต่อรองหรือเปล่า

-เหตุใดจึงคิดเช่นนี้ เขามีเหตุผลอะไรที่ต้องจัดการกับท่าน เพราะลึกๆ พนักงานสอบสวนอาจปิดความลับอะไรบางอย่างอยู่เพื่อรอทีเดียวในศาลเลย?

ผมมีสิทธิ์จะคิดได้และเป็นประเด็นสำคัญที่พยานปากนี้เคยให้การในอดีตว่าเคยได้ยินลูกน้องผมพูดในวงสุราที่เป็นพยานบอกเล่าแต่วันนี้กลับมาให้การใหม่ เป็นตุเป็นตะแล้วเห็นลูกน้องผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

ยิ่งกว่านั้นยังระบุว่าเมื่อหกปีที่แล้วอ้างว่าได้รับแหวนจากลูกน้องผมซึ่งเป็นของกลางคดีนี้ แล้วตัวเองเก็บไว้ตลอด พนักงานสอบสวนเรียกลูกน้องผมไปสอบถาม แต่เราก็ทำบันทึกสอบถามไปก่อนไปการว่าถ้าหากมีวัตถุพยานหรือคำกล่าวอ้างเกี่ยวข้องกับเราว่ากระทำผิด ขอให้เรามีโอกาสพิสูจน์หรือตรวจสอบก่อน แต่พนักงานสอบสวนไม่สอบถามเราและลูกน้องเราเลยคือพ.ต.ท. สุรเดช อุดมดี นายตำรวจนอกราชการ  ที่กล่าวอ้างว่านำแหวนไปให้พ.ต.ท. สุวิชชัย แก้วผลึก พยานปากนี้ สุรเดชก็บอกว่าไม่เคยให้เลย

ที่เราทำบันทึกสอบถามว่าเราเกี่ยวข้องอย่างไร เพราะเราได้ข่าวมาว่าเขาเอาพยานไปขอสืบพยานลับหลังก่อนปล่อยตัวไป ก่อนที่จะมีการขอออกหมายจับพวกผมเมื่อ 16 มี.ค. 52 เมื่อรู้อย่างงั้นเมื่อเขาเรียกเราไปแจ้งข้อกล่าวหาเราก็ทำบันทึกสอบถามดังกล่าว

-ดีเอสไอบอกว่าคำให้การของสุวิชชัยเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่สำคัญที่สามารถพลิกคดีได้ ?

ประเด็นปัญหาคือว่าเขากลับเชื่อพยานปากนี้ ว่าได้แหวนจากลูกน้องผมเมื่อหกปีที่แล้ว โดยอ้างว่าเมื่อได้แหวนแล้วจึงนำไปทำพิธีทางศาสนาอิสลามเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ตาย ตามความต้องการของลูกน้องผมที่ต้องการไถ่บาป ซึ่งไม่เป็นความจริง ถามว่าได้แหวนแล้วเก็บเอาไว้หกปีแล้ววันดีคืนดีก็เอามา

 ที่มาที่ไปมันก็แปลก ไม่น่าเชื่อถือ ยิ่งกว่านั้นความไม่น่าเชื่อถืออย่างไม่มีเหตุผลแต่พนักงานสอบสวนก็ยังเชื่อว่าพยานนี้เป็นหลักฐานใหม่ที่จะดำเนินคดี ทั้งหมดมีพิรุธหมด

-เรื่องนี้ดีเอสไอ.รับเป็นคดีพิเศษปี 47 ทำไมเพิ่งมาสรุป เป็นเพราะอาจมีบางคนไม่พอใจที่พล.ต.ท.สมคิดเกี่ยวข้องกับคดียุบพรรคพลังประชาชนหรือเปล่า?

การสอบสวนเพื่อค้นหาความจริง เชื่อว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาโดยตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมให้ธานีไปร่วมสอบสวน ติดตามความคืบหน้าทุกระยะ ย่อมเป็นประโยชน์กับสังคมและเป็นเรื่องที่อยู่ในความติดตามของซาอุ

 แต่ปัญหาคือเขาพุ่งเป้ามาที่ผมโดยทำแบบรวบรัดเร่งทำ ในช่วงที่เขากำลังจะพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ น่าจะมีข้อสงสัย รองธานีเคยไปสอบถามทวีก่อนถูกย้ายหนึ่งสัปดาห์เพื่อถามความคืบหน้า ทวีก็บอกว่าอยู่ระหว่างการรอคำตอบยืนยันเรื่องแหวน จากซาอุว่าใช่หรือไม่ใช่ ถ้าหากยังไม่ตอบก็จะเดินทางไปซาอุเพราะประสานงานกันไว้แล้ว จะได้ไปสอบถามคำยืนยันจะได้มาพิจารณาสำนวนกันอีกทีหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไร ต่อไป ตรงนี้น่าสงสัย

เพราะเมื่อรองธานีพ้นหน้าที่ไปพร้อมๆกับทวี และอยู่ระหว่างการส่งมอบหน้าที่ แต่วันสุดท้ายทวีกลับไปขอออกหมายจับ ทั้งที่วัตถุพยานคือแหวนที่เป็นหลักฐานสำคัญก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์เลย อยากถามว่าแล้วเอาอะไรพิสูจน์ว่าแหวนนี้เป็นของนักธุรกิจซาอุฯ ที่จะทำให้คำให้การของพยานปากนี้น่าเชื่อถือ เกิดเขาไปเอาแหวนอะไรมาก็ไม่รู้แล้วบอกว่าได้มาจากลูกน้องผม

แล้วอย่างนี้การดำเนินคดีผม ทั้งที่พยานยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทำได้อย่างไร เหมือนกับการตรวจพิสูจน์เฮโรอีน หากยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่ แล้วจะดำเนินคดีสั่งฟ้องได้อย่างไร การเร่งรัดที่จะเอาผิดผมมันมีความผิดปกติในตัวเอง

ส่วนเรื่องยุบพรรคพลังประชาชน ขอบอกว่าเกี่ยวข้องกับที่ผมไปทำงานในคดียุบพรรคหรือไม่ ขอบอกว่าผมไม่เกี่ยวข้อง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ เพราะมีนักการเมืองบางคนไปบอกว่าผมกับพี่ชายคือพล.อ.สมเจตน์ ร่วมกันไปสืบสวนจับกุมพยานคนสำคัญจนมีการยุบพรรคพลังประชาชน

ขอบอกว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของกกต.และตำรวจสันติบาลที่ได้รับมอบหมายจาก กกต.ให้ลงพื้นที่ เพียงแต่เหตุการณ์ไปเกิดที่เชียงราย ซึ่งผมเคยเป็นผู้บังคับการที่นั่น แล้วผมก็ไม่เคยรู้จักกับกำนันชัยวัฒน์อะไรมาก่อน มารู้จักก็ตอนติดตามความคืบหน้าของคดีเท่านั้นเอง แต่ถ้าหากมีการขัดแย้งก่อนเลือกตั้ง มีนักการเมืองภาคเหนือกล่าวหาผมว่าขึ้นไปใช้กำลังตรวจค้นหัวคะแนนของกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่ง ตรงนี้ก็ไม่เป็นความจริง ผมมองดูว่าถ้าผมไม่ได้ไปอยู่ภาค 5 คงไม่ถูกเร่งรัดดำเนินคดี และมีที่มาที่ไปบางขั้นตอนที่แปลก

-มีการตั้งข้อสังเกตว่า ดีเอสไอ.ที่เร่งทำคดีนี้เพื่อให้ทักษิณ ได้เครดิตจะได้นำไปอ้างขออยู่ที่ซาอุฯ ?

มีคนวิจารณ์ว่าเกี่ยวพันกับเรื่องความเคลื่อนไหวของคนบางคนที่จะได้รับเครดิตเรื่องนี้จากประเทศซาอุฯ แต่ก็ยังมองไม่ออก  ข้อกล่าวหาที่กล่าวหาว่าผมเกี่ยวข้องก็ยินดีจะให้พิสูจน์ จะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เพราะข้อกล่าวหาคดีนี้มีโทษถึงประหารชีวิต การดึงผมไปเกี่ยวข้องโดยไม่ถูกต้องก็ถือว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับผม ใช้กฎหมายวิธีการที่ไม่ถูกต้องมาดำเนินการกับผม ใครจะได้เครดิตกับเรื่องนี้ ไม่ขอวิจารณ์ ผมหวังบารมีศาลและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

-ตอนเกิดเหตุที่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย มีข่าวว่าตอนนั้น ตำรวจทำคดียึดทรัพย์ขัดแย้งกันระหว่างทีมนครบาลและ บช.ก.-กองปราบปราม ?

เมื่อเกิดเรื่องกับซาอุตำรวจทุกคนมาช่วยกันสืบสวนหาตัวคนร้าย เพื่อต้องการจับกุมคนร้ายเพราะเป็นเรื่องสำคัญแต่เมื่อทำงานไปแล้วขั้นตอนการบังคับบัญชาเปลี่ยนไปทำให้ผู้บังคับบัญชาบางคนไม่ได้รับความร่วมมือในการทำงาน เกิดความขัดแย้งในทีมงาน

ในช่วงที่ พล.ต.ท.ธนู หอมหวน อดีตผบช.ก.ไปจับกุมตำรวจกลุ่มหนึ่งงที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเพชรของกลาง ความขัดแย้งเริ่มเกิดขึ้น มีการทำหนังสือกล่าวหาว่าทีมสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่มีผมอยู่ด้วย เกี่ยวข้องกับการไปเอาตัวนักธุรกิจคนนี้มาและทำให้เขาหายตัวไป

ข้อกล่าวหาที่ผมไปถูกโยงมูลเหตุจูงใจไม่มีอะไรเลยที่เกี่ยวข้องกับผม เพราะผมอยู่ใต้การสั่งการของผู้บังคับการตำรวจนครบาลใต้ คือพล.ต.ต. ทวี ทิพยรัตน์ แต่ความเกี่ยวข้องในภาษาความขัดแย้งในการทำคดีนี้ก็เลยต้องมีการโยนความผิดจึงมากล่าวหาลูกน้องผมที่นำความลับไปเปิดเผยในวงสุราแท้ที่จริงก็เป็นพยานบอกเล่าเพราะเจ้าตัวบอกไม่ได้พูด จากเหตุการณ์ในอดีตการมากล่าวหาหลักฐานน้อยนิดมาก แต่เหมือนกับเป็นแผลเป็น ยิ่งมาเป็นผบช.ภาค 5 แผลก็ยิ่งใหญ่ตามตัว ก็นำเรื่องนี้มากำจัดผมให้พ้นจากตำแหน่งสำคัญๆ

-ผลกระทบที่เกิดขึ้นได้รับอะไรบ้าง?

เห็นๆ เลยคือจากที่ผมเป็นผู้บังคับการจังหวัดเชียงรายก็ถูกย้าย แต่ผู้บังคับบัญชาให้ความเป็นธรรมก็ให้มาเป็นผู้การทางหลวง แต่พอนำเรื่องนี้ขึ้นมาอีกก็ย้ายผมจากทางหลวงมาเป็นผู้บังคับการอำนวยการ สำนักงานวิทยาการ โดยระบุว่าถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีอะไรจะคืนความชอบธรรมให้

 ผมก็ได้รับคือได้เป็นผู้ช่วยผบช.ศึกษา แต่ก็ยังไม่ให้ทำงานที่ถนัดคือปราบปราม แต่ต่อมาก็ได้เป็นผบช.ประจำตร.หัวหน้าสำนักงานพล.ต.อ. เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส อดีตผบ.ตร. ต่อมากำลังจะได้เป็นผบช.น.ก็หยิบยกเรื่องนี้มาอีก เป็นเงื่อนไขที่ไม่ให้ผมก้าวหน้า

-ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทางซาอุฯ จ้างนักสืบเอกชนมาสอบสวน?

เรื่องนี้ผ่านมา 13 รัฐบาลแล้ว ตั้งกรรมการสอบตลอดแต่ก็พบว่าผมไม่เกี่ยวข้อง ถึงขนาดมีข่าวว่าจ้างนักสืบเอกชนต่างประเทศมาสอบสวน การพิสูจน์ขั้นตอนกฎหมายก็ยังไม่พบว่าผมเกี่ยวข้องเหมือนครั้งนี้ ครั้งนี้ทำเพื่อต้องการให้พ้นจากตำแหน่งผบช.ภาค 5 ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจผู้บังคับบัญชา ผมไม่ได้ทำแน่นอนแต่ใครจะทำผมไม่รู้

-การเคลื่อนไหวของอุปทูตซาอุฯ ที่เดินสายพบนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย อัยการสูงสุด ก่อนที่อัยการจะยื่นฟ้องต่อศาลดูแล้วเป็นอย่างไร?

ผมมองว่าฝ่ายอุปทูตท่านอาจได้รับข้อมูลด้านเดียว การทำหน้าที่ของเขา เขาทำทุกสมัยไม่ว่าใครเข้ามา แต่ปัญหาคือใครเป็นคนเอาเขามาแล้วมีวัตถุประสงค์อะไร

สิ่งที่เขาทำ ผมขอตั้งข้อสังเกตุว่ามาสร้างแรงกดดันทำให้การทำงานของอัยการต้องเกิดแรงกดดัน ผมพูดได้เพราะผมได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะไม่ได้มาสอบถามความคืบหน้าตามปกติ แต่ไปพบนายกฯ ไปพบรมว.มหาดไทย ถึงขนาดพบอัยการสูงสุด

ถามว่าตามขั้นตอนพิธีการทูตมีขั้นตอนนี้ไหม และทางปฏิบัติประเทศเราเคยไปสอบถามความคืบหน้ากับประเทศอื่นแบบนี้ไหม น่าจะเป็นการกดดัน แรงบีบบังคับทำให้การพิจารณาไม่ตรงไปตรงมาหรือเปล่า

-ถ้ามีโอกาสได้เจออุปทูตซาอุฯอยากจะบอกอะไรเขาไหม?

คงไม่มีช่องทางและผมก็ไม่เคยคิดถึงช่องทางนี้ แต่อยากบอกผ่านสื่อว่าขอเรียกร้องให้อุปทูตซาอุ ไปถามความจริงพนักงานสอบสวนคดีนี้เหตุใดที่กล่าวอ้างว่าเป็นพยานปากสำคัญแล้วทำไมปล่อยตัวไป

ที่ผ่านมาไม่มีช่องทางได้ชี้แจงกับทางซาอุ ตอนเกิดเหตุผมเป็นแค่นายตำรวจเด็กๆ ยศ พ.ต.ท. แต่มาวันนี้มองย้อนกลับไปในอดีตถ้าทำให้เขาเข้าใจได้ก็จะดี แต่ก็ยังมองไม่ออกว่าจะใช้ช่องทางไหน แม้แต่คณะกรรมการสอบสวนชุดไหนก็ตามก็ไม่เคยเรียกผมไปสอบสวนเพราะมีข้อห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญา ที่ว่าถ้าอัยการสั่งไม่ฟ้องแล้วห้ามไม่ให้สอบสวนกับบุคคลนั้นในคดีนั้นอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น