เอเอฟพี - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เผยแพร่รายงานฉบับปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันอังคาร(26) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกว่าจะเติบโตได้ 3.9% ในปีนี้ สูงขึ้นถึง 0.8% จากที่ทำนายเอาไว้ในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ที่สำคัญเนื่องเพราะการเจริญเติบโตได้อย่าง “ค่อนข้างคึกคักเข้มแข็ง” ของพวกเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่และพวกชาติกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในเอเชียนั้น จีนจะขยายตัวได้ถึง 10% ขณะที่อินเดียก็จะทำได้ 7.7% ทางด้านประเทศไทยและอีก 4 ชาติที่มีการพัฒนาไปมากกว่าเพื่อนของสมาคมอาเซียน จะเติบโตโดยรวมในอัตรา 4.7%
“การฟื้นตัวของทั่วโลกสามารถออกตัวเริ่มต้นได้อย่างเข้มแข็งกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็กำลังคืบหน้าไปด้วยอัตราเร็วแตกต่างกันไปในภูมิภาคต่างๆ ของโลก” ไอเอ็มเอฟระบุเช่นนี้ ในฉบับปรับปรุงให้ทันสมัยของรายงาน “ทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก” (World Economic Outlook) ซึ่งออกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมปีที่แล้ว
รายงานปรับปรุงล่าสุดนี้กล่าวว่า การผลิตและการค้าของทั่วโลกได้กระเตื้องดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2009 และ “ความเชื่อมั่นก็ดีดตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งทั้งในแนวรบด้านการเงินและแนวรบด้านเศรษฐกิจแท้จริง เนื่องจากการสนับสนุนเชิงนโยบายเป็นพิเศษได้ขัดขวางยับยั้งไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำใหญ่ครั้งใหม่”
แต่รายงานฉบับนี้ก็เตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้วยมาตรการพิเศษต่างๆ เนื่องจากยังแทบไม่มีสัญญาณเลยว่าอุปสงค์ของภาคเอกชนจะเริ่มเฟื่องฟูและเข้าแทนที่มาตรการกระตุ้นของภาครัฐได้แล้ว
“ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งก็คือ การถอนตัวออกจากมาตรการสนับสนุน ในลักษณะที่เป็นการถอนตัวอย่างเร็วเกินการณ์และไร้ความต่อเนื่องสัมพันธ์กัน ซึ่งอาจจะกลายเป็นการบ่อนทำลายการเจริญเติบโตของทั่วโลก ตลอดจนการปรับสู่ดุลยภาพใหม่ของการเติบโตของโลก” รายงานระบุ
ขณะที่ โอลิวิเยร์ บลังชาร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไอเอ็มเอฟอธิบายขยายความว่า “ในขณะนี้ การฟื้นตัวยังต้องพึ่งพาอาศัยการตัดสินใจทางนโยบายและการปฏิบัติการต่างๆ เชิงนโยบายเป็นอย่างมาก คำถามจึงอยู่ที่ว่าเมื่อใดอุปสงค์ของภาคเอกชนทจึงจะสามารถผงาดขึ้นมาและรับเอาบทบาทนี้ไปแสดงแทนเสียที”
ในรายงานล่าสุดนี้ ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเติบโต 3.9% จากที่ในรายงานเมื่อเดือนตุลาคมให้ไว้ที่ 3.1% เท่านั้น โดยที่การเจริญเติบโตของปีที่แล้วนั้นอยู่ที่ -0.8%
สำหรับสหรัฐฯ รายงานล่าสุดทำนายว่าปีนี้จะโตได้ 2.7% จากที่ให้ไว้เพียง 1.5% ในเดือนตุลาคม แต่ในส่วนของญี่ปุ่น ไอเอ็มเอฟยังคงตัวเลขคาดการณ์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือปีนี้จะโตได้ 1.7% ทางด้าน 16 ประเทศยูโรโซน รายงานล่าสุดบอกว่าจะขยายตัวได้ 1.0% สูงขึ้นจากระดับ 0.3% ที่เคยทำนายไว้ในเดือนตุลาคม
เมื่อดูพวกเศรษฐกิจก้าวหน้าของทั่วโลกเป็นภาพรวม รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าปีนี้จะโตได้ 2.1% ขณะที่พวกเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนาจะขยายตัวได้ดีกว่ากันมาก นั่นคืออยู่ในระดับ 6.0% ทีเดียว
ว่าเฉพาะในเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่และกำลังพัฒนาทางแถบเอเชีย รายงานนี้บอกว่าจะเติบโตได้โดยเฉลี่ย 8.4% ในปีนี้ และรักษาระดับนี้ไว้ได้อีกในปี 2011 เปรียบเทียบกับปี 2009 ซึ่งทำได้ 6.5%
ประเทศที่มีอัตราเจริญเติบโตน่าตื่นใจที่สุดก็คือจีน โดยรายงานล่าสุดทำนายว่าปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 10% จากที่เคยคาดการณ์ในเดือนตุลาคมไว้ที่ 9.0% แต่สำหรับปีหน้า ไอเอ็มเอฟมองว่าจะชะลอลงมาบ้างเหลือ 9.7% กระนั้นก็ยังดีกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 8.7%
เวลานี้กำลังมีความกังวลกันว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะเติบโตร้อนแรงเกินไปแล้ว โดยที่กำลังมีอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น อีกทั้งรัฐบาลแดนมังกรก็เริ่มใช้มาตรการปรับขึ้นดอกเบี้ยและทำให้พวกธนาคารลดการปล่อยสินเชื่อ
ทว่า จอร์ก เดอเครสซิน หัวหน้าส่วนการศึกษาเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟ กล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวรายงานฉบับล่าสุดนี้ที่กรุงวอชิงตันว่า จีนยังไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะเกิดฟองสบู่ในตลาดรุนแรงอะไร “ราคาสินทรัพย์ในภาคเศรษฐกิจเฉพาะบางภาค ในพื้นที่เฉพาะบางพื้นที่ของจีน อาจจะกำลังเฟื่องฟูรุ่งเรืองมาก แต่แน่นอนทีเดียวว่าไม่ได้มีฟองสบู่สินทรัพย์แพร่กระจายอย่างกว้างขวางแต่อย่างใด”
สำหรับอินเดีย รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าปีนี้น่าจะเติบโตได้ 7.7% สูงขึ้นจากระดับ 6.4% ที่ทำนายไว้ตอนเดือนตุลาคม ส่วนปีหน้านั้น รายงานล่าสุดพยากรณ์ว่าจะไปได้ถึง 7.8% ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 5.6%
ในส่วนของ 5 ประเทศที่เศรษฐกิจค่อนข้างก้าวหน้ากว่าเพื่อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์-สิงคโปร์-ไทย รายงานล่าสุดเห็นว่าปีนี้จะเติบโตได้ 4.7% จากที่ทำได้เพียง 1.3% ในปีที่แล้ว
“การฟื้นตัวของทั่วโลกสามารถออกตัวเริ่มต้นได้อย่างเข้มแข็งกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็กำลังคืบหน้าไปด้วยอัตราเร็วแตกต่างกันไปในภูมิภาคต่างๆ ของโลก” ไอเอ็มเอฟระบุเช่นนี้ ในฉบับปรับปรุงให้ทันสมัยของรายงาน “ทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก” (World Economic Outlook) ซึ่งออกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมปีที่แล้ว
รายงานปรับปรุงล่าสุดนี้กล่าวว่า การผลิตและการค้าของทั่วโลกได้กระเตื้องดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2009 และ “ความเชื่อมั่นก็ดีดตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งทั้งในแนวรบด้านการเงินและแนวรบด้านเศรษฐกิจแท้จริง เนื่องจากการสนับสนุนเชิงนโยบายเป็นพิเศษได้ขัดขวางยับยั้งไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำใหญ่ครั้งใหม่”
แต่รายงานฉบับนี้ก็เตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้วยมาตรการพิเศษต่างๆ เนื่องจากยังแทบไม่มีสัญญาณเลยว่าอุปสงค์ของภาคเอกชนจะเริ่มเฟื่องฟูและเข้าแทนที่มาตรการกระตุ้นของภาครัฐได้แล้ว
“ความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งก็คือ การถอนตัวออกจากมาตรการสนับสนุน ในลักษณะที่เป็นการถอนตัวอย่างเร็วเกินการณ์และไร้ความต่อเนื่องสัมพันธ์กัน ซึ่งอาจจะกลายเป็นการบ่อนทำลายการเจริญเติบโตของทั่วโลก ตลอดจนการปรับสู่ดุลยภาพใหม่ของการเติบโตของโลก” รายงานระบุ
ขณะที่ โอลิวิเยร์ บลังชาร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ไอเอ็มเอฟอธิบายขยายความว่า “ในขณะนี้ การฟื้นตัวยังต้องพึ่งพาอาศัยการตัดสินใจทางนโยบายและการปฏิบัติการต่างๆ เชิงนโยบายเป็นอย่างมาก คำถามจึงอยู่ที่ว่าเมื่อใดอุปสงค์ของภาคเอกชนทจึงจะสามารถผงาดขึ้นมาและรับเอาบทบาทนี้ไปแสดงแทนเสียที”
ในรายงานล่าสุดนี้ ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเติบโต 3.9% จากที่ในรายงานเมื่อเดือนตุลาคมให้ไว้ที่ 3.1% เท่านั้น โดยที่การเจริญเติบโตของปีที่แล้วนั้นอยู่ที่ -0.8%
สำหรับสหรัฐฯ รายงานล่าสุดทำนายว่าปีนี้จะโตได้ 2.7% จากที่ให้ไว้เพียง 1.5% ในเดือนตุลาคม แต่ในส่วนของญี่ปุ่น ไอเอ็มเอฟยังคงตัวเลขคาดการณ์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือปีนี้จะโตได้ 1.7% ทางด้าน 16 ประเทศยูโรโซน รายงานล่าสุดบอกว่าจะขยายตัวได้ 1.0% สูงขึ้นจากระดับ 0.3% ที่เคยทำนายไว้ในเดือนตุลาคม
เมื่อดูพวกเศรษฐกิจก้าวหน้าของทั่วโลกเป็นภาพรวม รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าปีนี้จะโตได้ 2.1% ขณะที่พวกเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนาจะขยายตัวได้ดีกว่ากันมาก นั่นคืออยู่ในระดับ 6.0% ทีเดียว
ว่าเฉพาะในเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่และกำลังพัฒนาทางแถบเอเชีย รายงานนี้บอกว่าจะเติบโตได้โดยเฉลี่ย 8.4% ในปีนี้ และรักษาระดับนี้ไว้ได้อีกในปี 2011 เปรียบเทียบกับปี 2009 ซึ่งทำได้ 6.5%
ประเทศที่มีอัตราเจริญเติบโตน่าตื่นใจที่สุดก็คือจีน โดยรายงานล่าสุดทำนายว่าปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 10% จากที่เคยคาดการณ์ในเดือนตุลาคมไว้ที่ 9.0% แต่สำหรับปีหน้า ไอเอ็มเอฟมองว่าจะชะลอลงมาบ้างเหลือ 9.7% กระนั้นก็ยังดีกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 8.7%
เวลานี้กำลังมีความกังวลกันว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะเติบโตร้อนแรงเกินไปแล้ว โดยที่กำลังมีอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น อีกทั้งรัฐบาลแดนมังกรก็เริ่มใช้มาตรการปรับขึ้นดอกเบี้ยและทำให้พวกธนาคารลดการปล่อยสินเชื่อ
ทว่า จอร์ก เดอเครสซิน หัวหน้าส่วนการศึกษาเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟ กล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวรายงานฉบับล่าสุดนี้ที่กรุงวอชิงตันว่า จีนยังไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะเกิดฟองสบู่ในตลาดรุนแรงอะไร “ราคาสินทรัพย์ในภาคเศรษฐกิจเฉพาะบางภาค ในพื้นที่เฉพาะบางพื้นที่ของจีน อาจจะกำลังเฟื่องฟูรุ่งเรืองมาก แต่แน่นอนทีเดียวว่าไม่ได้มีฟองสบู่สินทรัพย์แพร่กระจายอย่างกว้างขวางแต่อย่างใด”
สำหรับอินเดีย รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าปีนี้น่าจะเติบโตได้ 7.7% สูงขึ้นจากระดับ 6.4% ที่ทำนายไว้ตอนเดือนตุลาคม ส่วนปีหน้านั้น รายงานล่าสุดพยากรณ์ว่าจะไปได้ถึง 7.8% ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 5.6%
ในส่วนของ 5 ประเทศที่เศรษฐกิจค่อนข้างก้าวหน้ากว่าเพื่อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่ อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์-สิงคโปร์-ไทย รายงานล่าสุดเห็นว่าปีนี้จะเติบโตได้ 4.7% จากที่ทำได้เพียง 1.3% ในปีที่แล้ว