ซีเอ็นเอ็น – นักเศรษฐศาสตร์สงสัย การจับจ่ายของผู้บริโภคจีน ที่พุ่งร้อนแรง เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจแดนมังกร และเศรษฐกิจโลก ภายหลังช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้จริงหรือไม่ ?
ขณะนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคในจีนกำลังคึกคัก ประหนึ่งประทัดแตกเปรี้ยงปร้าง เห็นได้จากดัชนีหลายตัว อาทิ ฐานลูกค้าผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแดนมังกรเมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา พุ่งทะลุหลักครึ่งพันล้านราย โดยโทรศัพท์มือถือจัดเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของขนาดตลาดผู้บริโภคจีน ที่น่าเกรงขาม
ในปีนี้ จีนยังผงาดขึ้นเป็นชาติที่มีตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยเดือนที่แล้ว ยอดขายรถเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติถึงร้อยละ 78 จากเมื่อหนึ่งปีก่อน ขณะที่ช่วงวันหยุดยาว เนื่องในวันชาติจีนเมื่อต้นเดือนตุลาคม โทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ขายได้จำนวนมาก
นอกจากนั้น ดัชนียืนยันล่าสุดได้แก่ยอดการค้าปลีก ซึ่งประกาศเมื่อวันพฤหัสฯ (22 ต.ค.) ระบุ ยอดค้าปลีกของจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 ซึ่งโตอย่างน้อยร้อยละ 2 จากเมื่อปีที่แล้วในช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เกิดข้อสงสัย 3 ประการ ว่า ตัวเลขที่พุ่งกระฉูดเป็นการเพิ่มการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างแท้จริงหรือไม่? เพราะผู้สำรวจจัดทำดัชนี ได้รวมการจัดซื้อของภาครัฐจำนวนหนึ่ง ซึ่งพุ่งสูงในปีนี้จากแรงอัดฉีดของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งมโหฬาร
นอกจากนั้น ความต้องการบริโภค ที่กำลังบูม จะยั่งยืนแค่ไหน? และมันสะท้อนถึงการสร้างดุลยภาพใหม่ทางเศรษฐกิจของจีน โดยลดการพึ่งพาการลงทุนและการส่งออกได้อย่างแท้จริงหรือ ?
ด้านนักเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนเองก็ได้ลดความสำคัญของความคิดเกี่ยวกับเรื่องความร้อนแรงของการบริโภค โดยรายงานของธนาคากลางจีนเมื่อเดือนสิงหาคมระบุ ความประทับใจของประชาชน ที่อาศัยในเมืองต่อรายได้ของตนลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา ขณะที่นายสวี เสียนชุน รองกรรมาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติตีพิมพ์บทความ ซึ่งระบุว่า การเติบโตของการบริโภคที่แท้จริงนั้น ต่ำกว่าอัตรา ที่เป็นหัวข้อข่าวกัน
กระนั้นก็ตาม มีหลักฐานอีกมากมาย ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของการบริโภค โดยเฉพาะในเขตชนบท ซึ่งผู้ค้าปลีกกล่าวว่า มีผู้มาจับจ่ายซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านกันมาก นอกจากนั้น แรงงานประเภททำงานชั่วคราวยังลดน้อยลง โดยเมื่อเร็ว ๆนี้ รัฐบาลยังได้เพิ่มงบประมาณด้านสาธารณสุข และการศึกษาในเขตชนบท และเริ่มจ่ายเงินบำนาญในชนบท
ในขณะที่การจับจ่ายของผู้บริโภคในเมืองก็คักคัก เนื่องจากประชาชนหลายล้านคนมีรายได้เพิ่มขึ้นระหว่าง 4,000-6,000 ดอลลาร์ และเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายจากการซื้อสิ่งของที่จำเป็น มาเป็นการซื้อสินค้าราคาแพงกันมากขึ้น เช่น รถยนต์
อย่างไรก็ตาม มันเป็นภาวะยั่งยืนเพียงใด? เนื่องจากการเติบโตเป็นผลมาจากชาวชนบทได้รับเงินอุดหนุนและมาตรการจูงใจต่าง ๆ จากรัฐบาลในการซื้อรถ และสินค้า เช่นการลดภาษี โดยเจดี พาวเว่อร์ (JD Power) บริษัทที่ปรึกษาด้านรถยนต์เชื่อว่า อัตราการเติบโตของยอดขายรถในจีนจะตกฮวบร้อยละ2-3 ในปีหน้า
เจ้าหน้าที่จีนระบุว่า การบริโภคที่ร้อนแรง กำลังช่วยสร้างดุลยภาพใหม่ทางเศรษฐกิจ แต่จากข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า การลงทุนจากภาครัฐต่างหาก ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแดนมังกรเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยศาสตราจารย์หยาเซิง หวง ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีนของสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซ็ตส์ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่รัฐบาลจีนจะเริ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น การบริโภคมีอัตราส่วนเพียงร้อยละ 33 ของจีดีพี ซึ่งต่ำสุดในหมู่ประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลก
ศาสตราจารย์หวงยังเตือนด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในจีนอย่างเพียงพอ ซึ่งจะเป็นสิ่งเพิ่มรายได้อย่างแท้จริง