ASTVผู้จัดการรายวัน-”ครม.มาร์ค”ตั้งทหารเป็นผู้ช่วยตำรวจ แต่เนิ่น! รับมือแก๊งแดงถ่อย “เทือก”กางตำราประเมินการชุมนุม 3 ระดับ ปูดเป้าหมายสุดท้าย ถึงขั้นไม่ยอมรับการตัดสินศาล เชื่อช่วง 5-7 วันก่อนตัดสินคดียึดทรัพย์ เสื้อแดงจะเคลื่อนไหวเข้มข้นที่สุด ด้าน“เหลิม-ตู่” หลงทางปฏิวัติ
วานนี้ (26ม.ค.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะมีขึ้นในเดือน ม.ค.และก.พ.2553 โดยจะใช้กฎหมายทั่วไปในการควบคุม แต่หากสถานการณ์รุนแรงให้เตรียมพร้อมใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในพระราชอาณาจักร โดยจะเฝ้าระวังตั้งแต่วันนี้ จนถึงช่วงของการชุมนุม
นอกจากนี้ ครม.มีมติให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นผู้ช่วยพนักงานตำรวจนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเพื่อเข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์ของการชุมนุมที่จะเกิดขึ้น
**ครม.ประเมินแดงป่วน 3 ระดับ
นายปณิธาน กล่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้เสนอรายงานการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อที่ประชุมครม.โดยประเมินว่า ก่อนจะถึงวันตัดสินคดียึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะมีการเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น 3 ระดับ คือรุนแรงที่สุด เพื่อไม่ให้มีการตัดสินคดี รุนแรงปานกลาง และแค่ดาวกระจายทั่วไป ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด
ทั้งนี้ จะมีการไปปิดล้อมบ้านบุคคลสำคัญเช่นผู้นำทางการเมือง ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมหรือองค์กรอิสระ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง สถานีตำรวจ สนามกอล์ฟของเอกชน โดยจะเชื่อมโยงประเด็นต่างๆ เพื่อโจมตีว่ารัฐบาลมี 2 มาตรฐาน ซึ่งนายกฯได้สั่งการให้นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ทำความเข้าใจกับประชาชนว่า คดีต่าง ๆ มีขั้นตอนอย่างไร เพราะบางคดีใช้เวลาเป็นปี จะไปเร่งรัดไม่ได้
นายปณิธาน กล่าวว่า ขั้นที่รุนแรงกว่านั้น คือ การชุมนุมขนาดใหญ่ เพื่อผลักดันให้เกิดวิกฤตที่แปรปรวน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต่อการเผชิญหน้า กดดันให้ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเมืองนอกวิถีประชาธิปไตย หลายคนยังคิดถึงสูตร ที่เคยใช้เมื่อ 19 ก.ย.49 ที่เมื่อจะมีการปะทะกันแล้วรัฐบาลบริหารไม่ได้ ทหารออกมาปฎิวัติ แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะรัฐบาลนี้มีวิธีควบคุมการชุมนุม ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้เกิดวิกฤตจนสุกงอมเปิดช่องให้อำนาจอื่นเข้ามา โดยเฉพาะในช่วง 5-7 วันก่อนตัดสินคดีจะเคลื่อนไหวเข้มข้นที่สุด
“เป้าหมายสุดท้ายหรือ end games คือไม่ยอมรับการตัดสินในคดียึดทรัพย์ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาก็ประกาศมาตลอดว่า ศาลมีความสองมาตรฐาน ดังนั้น ยิ่งใกล้วันตัดสินจะอันตรายและรุนแรงมากขึ้น เพราะเขาจะทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีการตัดสินคดี ต้องเอาคดีออกจากระบบให้ได้ ซึ่งเชื่อมโยงกับข่าวการปฎิวัติรัฐประหารทั้งที่ไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ แต่เขาก็ปล่อยข่าวออกมา เพื่อยั่วยุให้สถานการณ์รุนแรง นำไปสู่จุดเปลี่ยน และทำให้ไม่สามารถตัดสินคดีได้”
** จับตาสามกลุ่มแดงรอป่วน
นายปณิธาน กล่าวว่า มีการวิเคราะห์กลุ่มเสื้อแดงเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มแดงเดือนตุลา ที่ตั้งโรงเรียนทั่วประเทศ ใช้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเครื่องมือปลุกระดมคนให้เท่านั้น ไม่มองว่าจุดสุดท้ายของเกมนี้อยู่ที่การตัดสินคดียึดทรัพย์ แม้ไม่มีพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคลื่อนไหวต่อไปได้ เขารอมาได้ตั้งแต่อยู่ในป่ากว่า 20 ปี ดังนั้น สามารถจะรอต่อไปได้ ในทางกลับกันมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจุดอ่อนที่จะถูกโจมตีกลับด้วยซ้ำ
2.กลุ่มแดงเถือก หรือแดงฮาร์ดคอร์ เป็นคนที่เคยมีประสบการณ์ความรุนแรงและเชื่อในแนวทางนี้ ต้องการเห็นเลือด ใช้กำลังความรุนแรงเพื่อก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เป็นกลุ่มที่อันตรายที่สุด เราเฝ้าระวังมากที่สุด มีฐานหลักอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ และ 3.กลุ่มแดงตามกระแสนิยม ถนัดในการใช้สื่อปลุกระดมมวลชน และยังมีกลุ่มที่คอยประสานงานทั้งสามกลุ่ม คนพวกนี้เคยมีตำแหน่งสำคัญปัจจุบันก็ยังอยู่ในระบบการเมือง ติดต่อประสานงานกับพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ตลอด
**ดักจับกลุ่มป่วนทางเวปไซด์
“หน่วยความมั่นคงกำลังเฝ้าดูทั้งสามกลุ่ม เราให้คนอ่านตามเว็ปบอร์ดต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ก็มีการตัดตอน เพื่อไม่ให้จับได้โดยแยกกันระหว่างเจ้าของเว็ปบอร์ด กับเจ้าของเว็ปไซต์ หรือติดตามการนัดหมายทางวิทยุชุมชนหรือทางเอสเอ็มเอส แต่ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายที่จะดักฟังโทรศัพท์อย่างเด็ดขาด และสุดท้ายแล้ว หากภารกิจของทั้ง 3 กลุ่มประสบผลสำเร็จพวกเขาก็จะขัดแย้งกันเอง แต่ช่วงนี้ต้องอยู่ด้วยกันเพราะสถานการณ์เหมือนกับการแต่งงานด้วยความจำเป็น วันหนึ่งข้างหน้าก็ต้องหย่าร้าง” โฆษกรัฐบาล กล่าว
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหากมีการปฎิวัตินั้นเป็นแค่นวัตกรรมทางการเมือง ปลุกเร้าใจให้มวลชนเสื้อแดง มองว่า จะมีเกมให้เล่นหลังคดียึดทรัพย์ แต่ความจริงเป็นไปไม่ได้ เพราะการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นส่วนใหญ่จะทำในภาวะสงคราม และต้องมีประเทศมหาอำนาจในองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ให้การรับรองด้วย ลำพังกัมพูชารับรองไม่สามารถตั้งได้
**สุเทพ เชื่อเหล่าทัพไม่ปฏิวัติ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการปฏิวัติว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม จึงมีการโหมกระแสข่าวนี้ แต่ในฐานะที่ทำหน้าที่ทางด้านความมั่นคง ทำงานใกล้ชิด อยู่กับผู้นำเหล่าทัพตลอด จึงขอยืนยันกับประชาชนว่า บรรดาผู้นำเหล่าทัพในยุคนี้ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย และยืนยันที่จะสนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยเพื่อที่จะทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ประชาชน ไม่มีแนวความคิดที่จะทำปฏิวัติรัฐประหาร ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ทางผู้นำเหล่าทัพก็ต้องการให้การเมืองแก้ไขปัญหากันเองโดยวิถีทางทางการเมือง
“ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าจุดประสงค์ที่โหมโรงข่าวปฏิวัติในขณะนี้เพื่ออะไร แต่เท่าที่ติดตามข่าวกระบวนการของลูกน้องคุณ ทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) มีแผนการอยู่ว่า จะพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้ทหารทนไม่ได้ และจะได้เอาไปขยายผลเพื่อเรียกร้องประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ให้กว้างขวางขึ้น ซึ่งจะเข้าแผนที่เรียกว่า ปฏิวัติประชาชน”
**ป้อม ยันไม่มีปฏิวัติตามข่าวตลอด
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวยืนยันว่าจะไม่มีการปฏิวัติตามที่มีการปล่อยข่าว การเคลื่อนย้ายรถถังในกรุงเทพฯ เป็นการเตรียมนำไปซ่อมส่งไปซูดาน ยืนยันไม่มีเรื่องปฏิวัติ จริงๆ เป็นเพียงกระแสข่าวคือไปคิดกันเอง ดังนั้น การเมือง ต้องแก้ปัญหาด้วยการเมือง แต่ในเรื่องของความสงบสุขก็ต้องเป็นเรื่องของความมั่นคง ขณะเดียวกันได้มีการติดตามดูแล ในเรื่องของการข่าวกองทัพตลอดเวลา เมื่อถามต่อว่า มองเจตนาการปล่อยข่าวปฏิวัติในช่วงนี้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มันก็เป็นอย่างนี้ตลอด ยืนยันไม่มีคลื่นใต้น้ำภายในกองทัพ ตนไม่ต้องสั่งการอะไร มั่นคง และภายในกองทัพไม่มีความแตกแยกแน่นอน
**ทหารตบเท้าโต้ ส.ส.พท.มั่ววางแผน
พล.ต.วริศ โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ร.2 รอ.) ค่ายพรหมโยธี ต.บ้านพระ อ.เมือง ปราจีนบุรี กล่าวถึงกรณีนาย สุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหาว่ามีนายทหารกลุ่มหนึ่งที่คุมกำลังหลักในกองทัพ เรียกทหารจากกองร้อยปฏิบัติการพิเศษ หรือ ฉก.90 ประชุมลับค่ายทหาร พล.ร.2 รอ. ปราจีนบุรี เพื่อวางแผนปฏิวัติว่าไม่รู้เรื่องดังกล่าว หน่วยฉก.90 ไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชา หรือสังกัด ของ พล.ร 2 รอ. แต่อย่างใด ที่ผ่านมามีหน่วยงานอื่นที่เข้ามาศึกษาดูงาน ใน พล.ร.2 รอ. มีแต่ฝ่ายข่าวของทหารอากาศที่มาดูงาน และนายทหารที่อบรมหลักสูตรชั้นนายพัน ที่มาฝึกงานตรวจภูมิประเทศ และขอยืนยันไม่มีการปฏิวัติ
ด้านพ.ท.อินทนนท์ รัตนกาฬ ผบ.หน่วย ฉก.90 กรมรบพิเศษที่ 3 จ.ลพบุรี ซึ่งเป็น อดีตนายทหารคนสนิท พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ปฏิเสธว่า ไม่ทราบเรื่องการนัดประชุมลับของ ที่พล ร.2 รอ.จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 14 ม.ค.จึงเป็นเรื่องตลก และไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีนายทหารนัดประชุมลับเพื่อหารือปฏิวัติ กระแสดังกล่าวกำลังกลายเป็นประเด็นใหญ่ โดยที่คนออกมาพูดไม่รู้จริง รวมทั้งที่พูดว่านายทหารคนสนิทพลเอก ส. ที่เข้าประชุมด้วยนั้นเป็นใคร แต่ไม่ใช่ตนแน่นอน
พ.อ.ชัยชนะ นาคเกิด เสนาธิการกองพลรบพิเศษที่ 1 อดีต หน.รปภ.และฝ่ายเสธ.พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. กล่าวว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวตามที่ ส.ส.เพื่อไทย ออกมากล่าวหา ขณะที่ข่าวปฏิวัติโดยมีลูกน้องของ พล.อ.สนธิ จะไปร่วมด้วย ไม่เป็นความจริง ส่วนกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่ากลุ่ม ฉก.90 กองร้อยปฏิบัติการพิเศษ จะมีส่วนร่วมทำปฏิวัติด้วยนั้นตนเคยดูแลงานด้านนี้มาก่อน ว่าทำไม่ได้ และสังคมขณะนี้ไม่ยอมรับ
**ป๊อก-ตู่หายเข้ากลีบเมฆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ททบ.5 พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งมีกำหนดจะเดินทาง มาร่วมประชุมบอร์ด ททบ.5 ประจำเดือนม.ค. ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม โดยแจ้งว่าติดภารกิจด่วน รวมถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.ก็ไม่ได้เดินทางมาด้วยเช่นกัน ขณะที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เข้ามายัง บก.ทบ.ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ม.ค.หลังจากที่เดินทางไปร่วมงานวันสถาปนา ททบ.5 ครอบรอบ 52 ปี ท่ามกลางข่าวลือปฏิวัติ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่ากองทัพได้เคลื่อน ย้ายรถทหาร ซึ่งเป็นรถหุ้มเกราะรุ่น v 150 เป็นรถในสังกัดของ กองพลทหารม้าที่ 1 รอ. ซึ่งได้ส่งไปปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 22 คัน จากทั้งหมดที่อยู่ในสังกัดกองทัพบก จำนวน 113 คัน โดยลำเลียงผ่านมายังเส้นทางรถไฟตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.เพื่อนำไปซ่อมแซมที่โรงซ่อมสร้างรถยนต์ทหาร กรมสรรพวุธทหารบก จ.ปทุมธานี ทั้งนี้ เพื่อเตรียมที่จะส่งไปปฏิบัติภารกิจ รักษาสันติภาพในประเทศซูดาน โดยจะมีกำหนดการซ่อมแล้วเสร็จ และส่งไปประเทศซูดานในช่วงเดือนพ.ค.นี้
**“เฉลิม”ตั้งหลักเขมรเพราะเข็ดปฏิวัติ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยว่า ตนและพล.อ.ชวลิต เห็นตรงกันว่าจะไม่มีการปฏิวัติเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ยอมรับว่ามีกระแสข่าวการปฏิวัติจริงตนจึงเดินทางไปกัมพูชาช่วงวันเสาร์และเพิ่งกลับมาถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา เรียกว่าไปตั้งหลัก เพราะตนเข็ดการปฏิวัติเนื่องจากในอดีตเคยโดนมากับตัวเอง ยอมรับว่ากลัวจริงๆ
ทั้งนี้การไปกัมพูชาเป็นการไปเยี่ยมเยียนเพื่อน ไม่ได้ไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนกระแสข่าวการปฏิวัตินั้น ไม่ได้มาจากทหารแต่มาจากคนกลุ่มหนึ่ง พวกอกหัก ผิดหวัง พวกนักการเมืองที่เห็นแล้วว่ารัฐบาล ไปไม่รอดก็เลยไปสร้างข่าวลือกันมา ที่มันยุ่งทุกวันนี้เพราะกลัวว่าจะมีการเลือกตั้งแล้วพรรคเพื่อไทยชนะกลับมาได้เกินครึ่ง สำหรับทหารเขาไม่คิดกันแล้วเรื่องปฏิวัติ เพราะมีบทเรียนมาแล้ว
**จตุพรปูด “ประยุทธ์”นั่งหัวโต๊ะยึดอำนาจ
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่ากระแสข่าวเรื่องปฏิวัติเป็นผลมาจากที่คนเสื้อแดงจะไปกองทัพบกเพื่อสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกวางตัวเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารขอถามว่าเมื่อ 23 ม.ค.ที่ผ่านมามีการประชุมที่กองทัพอากาศเพื่อตรวจสอบกำลังในการทำรัฐประหาร ซึ่งหัวโต๊ะนั้นนำโดยพล.อ.ประยุทธ์ ,ผบ.ทอ. ,ผบ.ทร. รักษาการ ผบ.ตร. และนักการเมืองคนหนึ่งที่มีสัญลักษณ์อยู่ที่แขนร่วมประชุมด้วย แต่ ทร. ตำรวจ รวมถึงกรมทหารราบที่ 11 รอ. ปฏิเสธ ทั้งนี้ในวงพูดคุยนั้นต้องการปฏิวัติแต่ตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้นายอานันท์ ปันยารชุน หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี สำหรับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยนั้น เพราะต้องการจบชีวิตทางการทหารในวาระเกษียณโดยไม่ใช่ทรราช และไม่ต้องการเดือดร้อนในชีวิตบั้นปลาย
นายจตุพร กล่าวอ้างว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้วางตัวพล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ.ไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อคืนนี้(26 ม.ค.) กรณีที่รถถังเสียพร้อมๆ กันและอ้างว่าเตรียมส่งไปประเทศซูดานนั้นเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น
“ถ้าเกิดการปฏิวัติจริงเราก็ต้องต่อสู้กับรัฐบาลที่มาจากปฏิวัติ ซึ่ง 19 ก.ย. 2549 มีคนเสนอให้่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น แต่ได้ปฏิเสธไปเพราะต้องการให้ประเทศเรียบร้อย แต่รอบนี้ถ้าเกิดจริงพ.ต.ท.ทักษิณจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นแน่ และไม่กลัวว่าประเทศไหนจะรับรองหรือไม่"
**พท.มั่วไปเรื่อยอ้างรถถังจากอุตรดิตถ์
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมส.ส.ว่ารถหุ้มเกราะทราบมาว่าเคลื่อนขบวนมาจากจ.อุตรดิตถ์ อีกทั้งโรงซ่อมรถหุ้มเกราะก็ตั้งอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ดังนั้นตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดต้องเคลื่อนรถถังจาก จ.อุตรดิตถ์มาแวะพักที่กทม.ทั้งๆ ที่เคลื่อนขบวนไปที่จ.นครราชสีมาเลย ขณะเดียวกันนายทหารยศพันโทชื่อนำหน้าด้วยตัวอักษร ท. เป็นผู้รับคำสั่งให้นำรถถังไปจอดตามจุดต่างๆ ถือเป็นการข่มขวัญพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังเคลื่อนไหวเรื่องแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่
วานนี้ (26ม.ค.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะมีขึ้นในเดือน ม.ค.และก.พ.2553 โดยจะใช้กฎหมายทั่วไปในการควบคุม แต่หากสถานการณ์รุนแรงให้เตรียมพร้อมใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในพระราชอาณาจักร โดยจะเฝ้าระวังตั้งแต่วันนี้ จนถึงช่วงของการชุมนุม
นอกจากนี้ ครม.มีมติให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นผู้ช่วยพนักงานตำรวจนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเพื่อเข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์ของการชุมนุมที่จะเกิดขึ้น
**ครม.ประเมินแดงป่วน 3 ระดับ
นายปณิธาน กล่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้เสนอรายงานการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อที่ประชุมครม.โดยประเมินว่า ก่อนจะถึงวันตัดสินคดียึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะมีการเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น 3 ระดับ คือรุนแรงที่สุด เพื่อไม่ให้มีการตัดสินคดี รุนแรงปานกลาง และแค่ดาวกระจายทั่วไป ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด
ทั้งนี้ จะมีการไปปิดล้อมบ้านบุคคลสำคัญเช่นผู้นำทางการเมือง ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมหรือองค์กรอิสระ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง สถานีตำรวจ สนามกอล์ฟของเอกชน โดยจะเชื่อมโยงประเด็นต่างๆ เพื่อโจมตีว่ารัฐบาลมี 2 มาตรฐาน ซึ่งนายกฯได้สั่งการให้นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ทำความเข้าใจกับประชาชนว่า คดีต่าง ๆ มีขั้นตอนอย่างไร เพราะบางคดีใช้เวลาเป็นปี จะไปเร่งรัดไม่ได้
นายปณิธาน กล่าวว่า ขั้นที่รุนแรงกว่านั้น คือ การชุมนุมขนาดใหญ่ เพื่อผลักดันให้เกิดวิกฤตที่แปรปรวน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต่อการเผชิญหน้า กดดันให้ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเมืองนอกวิถีประชาธิปไตย หลายคนยังคิดถึงสูตร ที่เคยใช้เมื่อ 19 ก.ย.49 ที่เมื่อจะมีการปะทะกันแล้วรัฐบาลบริหารไม่ได้ ทหารออกมาปฎิวัติ แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะรัฐบาลนี้มีวิธีควบคุมการชุมนุม ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้เกิดวิกฤตจนสุกงอมเปิดช่องให้อำนาจอื่นเข้ามา โดยเฉพาะในช่วง 5-7 วันก่อนตัดสินคดีจะเคลื่อนไหวเข้มข้นที่สุด
“เป้าหมายสุดท้ายหรือ end games คือไม่ยอมรับการตัดสินในคดียึดทรัพย์ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาก็ประกาศมาตลอดว่า ศาลมีความสองมาตรฐาน ดังนั้น ยิ่งใกล้วันตัดสินจะอันตรายและรุนแรงมากขึ้น เพราะเขาจะทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีการตัดสินคดี ต้องเอาคดีออกจากระบบให้ได้ ซึ่งเชื่อมโยงกับข่าวการปฎิวัติรัฐประหารทั้งที่ไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ แต่เขาก็ปล่อยข่าวออกมา เพื่อยั่วยุให้สถานการณ์รุนแรง นำไปสู่จุดเปลี่ยน และทำให้ไม่สามารถตัดสินคดีได้”
** จับตาสามกลุ่มแดงรอป่วน
นายปณิธาน กล่าวว่า มีการวิเคราะห์กลุ่มเสื้อแดงเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มแดงเดือนตุลา ที่ตั้งโรงเรียนทั่วประเทศ ใช้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเครื่องมือปลุกระดมคนให้เท่านั้น ไม่มองว่าจุดสุดท้ายของเกมนี้อยู่ที่การตัดสินคดียึดทรัพย์ แม้ไม่มีพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคลื่อนไหวต่อไปได้ เขารอมาได้ตั้งแต่อยู่ในป่ากว่า 20 ปี ดังนั้น สามารถจะรอต่อไปได้ ในทางกลับกันมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจุดอ่อนที่จะถูกโจมตีกลับด้วยซ้ำ
2.กลุ่มแดงเถือก หรือแดงฮาร์ดคอร์ เป็นคนที่เคยมีประสบการณ์ความรุนแรงและเชื่อในแนวทางนี้ ต้องการเห็นเลือด ใช้กำลังความรุนแรงเพื่อก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เป็นกลุ่มที่อันตรายที่สุด เราเฝ้าระวังมากที่สุด มีฐานหลักอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ และ 3.กลุ่มแดงตามกระแสนิยม ถนัดในการใช้สื่อปลุกระดมมวลชน และยังมีกลุ่มที่คอยประสานงานทั้งสามกลุ่ม คนพวกนี้เคยมีตำแหน่งสำคัญปัจจุบันก็ยังอยู่ในระบบการเมือง ติดต่อประสานงานกับพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ตลอด
**ดักจับกลุ่มป่วนทางเวปไซด์
“หน่วยความมั่นคงกำลังเฝ้าดูทั้งสามกลุ่ม เราให้คนอ่านตามเว็ปบอร์ดต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ก็มีการตัดตอน เพื่อไม่ให้จับได้โดยแยกกันระหว่างเจ้าของเว็ปบอร์ด กับเจ้าของเว็ปไซต์ หรือติดตามการนัดหมายทางวิทยุชุมชนหรือทางเอสเอ็มเอส แต่ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายที่จะดักฟังโทรศัพท์อย่างเด็ดขาด และสุดท้ายแล้ว หากภารกิจของทั้ง 3 กลุ่มประสบผลสำเร็จพวกเขาก็จะขัดแย้งกันเอง แต่ช่วงนี้ต้องอยู่ด้วยกันเพราะสถานการณ์เหมือนกับการแต่งงานด้วยความจำเป็น วันหนึ่งข้างหน้าก็ต้องหย่าร้าง” โฆษกรัฐบาล กล่าว
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหากมีการปฎิวัตินั้นเป็นแค่นวัตกรรมทางการเมือง ปลุกเร้าใจให้มวลชนเสื้อแดง มองว่า จะมีเกมให้เล่นหลังคดียึดทรัพย์ แต่ความจริงเป็นไปไม่ได้ เพราะการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นส่วนใหญ่จะทำในภาวะสงคราม และต้องมีประเทศมหาอำนาจในองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ให้การรับรองด้วย ลำพังกัมพูชารับรองไม่สามารถตั้งได้
**สุเทพ เชื่อเหล่าทัพไม่ปฏิวัติ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการปฏิวัติว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม จึงมีการโหมกระแสข่าวนี้ แต่ในฐานะที่ทำหน้าที่ทางด้านความมั่นคง ทำงานใกล้ชิด อยู่กับผู้นำเหล่าทัพตลอด จึงขอยืนยันกับประชาชนว่า บรรดาผู้นำเหล่าทัพในยุคนี้ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย และยืนยันที่จะสนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยเพื่อที่จะทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ประชาชน ไม่มีแนวความคิดที่จะทำปฏิวัติรัฐประหาร ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ทางผู้นำเหล่าทัพก็ต้องการให้การเมืองแก้ไขปัญหากันเองโดยวิถีทางทางการเมือง
“ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าจุดประสงค์ที่โหมโรงข่าวปฏิวัติในขณะนี้เพื่ออะไร แต่เท่าที่ติดตามข่าวกระบวนการของลูกน้องคุณ ทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) มีแผนการอยู่ว่า จะพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้ทหารทนไม่ได้ และจะได้เอาไปขยายผลเพื่อเรียกร้องประชาชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ให้กว้างขวางขึ้น ซึ่งจะเข้าแผนที่เรียกว่า ปฏิวัติประชาชน”
**ป้อม ยันไม่มีปฏิวัติตามข่าวตลอด
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวยืนยันว่าจะไม่มีการปฏิวัติตามที่มีการปล่อยข่าว การเคลื่อนย้ายรถถังในกรุงเทพฯ เป็นการเตรียมนำไปซ่อมส่งไปซูดาน ยืนยันไม่มีเรื่องปฏิวัติ จริงๆ เป็นเพียงกระแสข่าวคือไปคิดกันเอง ดังนั้น การเมือง ต้องแก้ปัญหาด้วยการเมือง แต่ในเรื่องของความสงบสุขก็ต้องเป็นเรื่องของความมั่นคง ขณะเดียวกันได้มีการติดตามดูแล ในเรื่องของการข่าวกองทัพตลอดเวลา เมื่อถามต่อว่า มองเจตนาการปล่อยข่าวปฏิวัติในช่วงนี้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มันก็เป็นอย่างนี้ตลอด ยืนยันไม่มีคลื่นใต้น้ำภายในกองทัพ ตนไม่ต้องสั่งการอะไร มั่นคง และภายในกองทัพไม่มีความแตกแยกแน่นอน
**ทหารตบเท้าโต้ ส.ส.พท.มั่ววางแผน
พล.ต.วริศ โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ร.2 รอ.) ค่ายพรหมโยธี ต.บ้านพระ อ.เมือง ปราจีนบุรี กล่าวถึงกรณีนาย สุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหาว่ามีนายทหารกลุ่มหนึ่งที่คุมกำลังหลักในกองทัพ เรียกทหารจากกองร้อยปฏิบัติการพิเศษ หรือ ฉก.90 ประชุมลับค่ายทหาร พล.ร.2 รอ. ปราจีนบุรี เพื่อวางแผนปฏิวัติว่าไม่รู้เรื่องดังกล่าว หน่วยฉก.90 ไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชา หรือสังกัด ของ พล.ร 2 รอ. แต่อย่างใด ที่ผ่านมามีหน่วยงานอื่นที่เข้ามาศึกษาดูงาน ใน พล.ร.2 รอ. มีแต่ฝ่ายข่าวของทหารอากาศที่มาดูงาน และนายทหารที่อบรมหลักสูตรชั้นนายพัน ที่มาฝึกงานตรวจภูมิประเทศ และขอยืนยันไม่มีการปฏิวัติ
ด้านพ.ท.อินทนนท์ รัตนกาฬ ผบ.หน่วย ฉก.90 กรมรบพิเศษที่ 3 จ.ลพบุรี ซึ่งเป็น อดีตนายทหารคนสนิท พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ปฏิเสธว่า ไม่ทราบเรื่องการนัดประชุมลับของ ที่พล ร.2 รอ.จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 14 ม.ค.จึงเป็นเรื่องตลก และไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีนายทหารนัดประชุมลับเพื่อหารือปฏิวัติ กระแสดังกล่าวกำลังกลายเป็นประเด็นใหญ่ โดยที่คนออกมาพูดไม่รู้จริง รวมทั้งที่พูดว่านายทหารคนสนิทพลเอก ส. ที่เข้าประชุมด้วยนั้นเป็นใคร แต่ไม่ใช่ตนแน่นอน
พ.อ.ชัยชนะ นาคเกิด เสนาธิการกองพลรบพิเศษที่ 1 อดีต หน.รปภ.และฝ่ายเสธ.พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. กล่าวว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวตามที่ ส.ส.เพื่อไทย ออกมากล่าวหา ขณะที่ข่าวปฏิวัติโดยมีลูกน้องของ พล.อ.สนธิ จะไปร่วมด้วย ไม่เป็นความจริง ส่วนกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่ากลุ่ม ฉก.90 กองร้อยปฏิบัติการพิเศษ จะมีส่วนร่วมทำปฏิวัติด้วยนั้นตนเคยดูแลงานด้านนี้มาก่อน ว่าทำไม่ได้ และสังคมขณะนี้ไม่ยอมรับ
**ป๊อก-ตู่หายเข้ากลีบเมฆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ททบ.5 พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งมีกำหนดจะเดินทาง มาร่วมประชุมบอร์ด ททบ.5 ประจำเดือนม.ค. ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม โดยแจ้งว่าติดภารกิจด่วน รวมถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.ก็ไม่ได้เดินทางมาด้วยเช่นกัน ขณะที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เข้ามายัง บก.ทบ.ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ม.ค.หลังจากที่เดินทางไปร่วมงานวันสถาปนา ททบ.5 ครอบรอบ 52 ปี ท่ามกลางข่าวลือปฏิวัติ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่ากองทัพได้เคลื่อน ย้ายรถทหาร ซึ่งเป็นรถหุ้มเกราะรุ่น v 150 เป็นรถในสังกัดของ กองพลทหารม้าที่ 1 รอ. ซึ่งได้ส่งไปปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 22 คัน จากทั้งหมดที่อยู่ในสังกัดกองทัพบก จำนวน 113 คัน โดยลำเลียงผ่านมายังเส้นทางรถไฟตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.เพื่อนำไปซ่อมแซมที่โรงซ่อมสร้างรถยนต์ทหาร กรมสรรพวุธทหารบก จ.ปทุมธานี ทั้งนี้ เพื่อเตรียมที่จะส่งไปปฏิบัติภารกิจ รักษาสันติภาพในประเทศซูดาน โดยจะมีกำหนดการซ่อมแล้วเสร็จ และส่งไปประเทศซูดานในช่วงเดือนพ.ค.นี้
**“เฉลิม”ตั้งหลักเขมรเพราะเข็ดปฏิวัติ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยว่า ตนและพล.อ.ชวลิต เห็นตรงกันว่าจะไม่มีการปฏิวัติเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ยอมรับว่ามีกระแสข่าวการปฏิวัติจริงตนจึงเดินทางไปกัมพูชาช่วงวันเสาร์และเพิ่งกลับมาถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา เรียกว่าไปตั้งหลัก เพราะตนเข็ดการปฏิวัติเนื่องจากในอดีตเคยโดนมากับตัวเอง ยอมรับว่ากลัวจริงๆ
ทั้งนี้การไปกัมพูชาเป็นการไปเยี่ยมเยียนเพื่อน ไม่ได้ไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนกระแสข่าวการปฏิวัตินั้น ไม่ได้มาจากทหารแต่มาจากคนกลุ่มหนึ่ง พวกอกหัก ผิดหวัง พวกนักการเมืองที่เห็นแล้วว่ารัฐบาล ไปไม่รอดก็เลยไปสร้างข่าวลือกันมา ที่มันยุ่งทุกวันนี้เพราะกลัวว่าจะมีการเลือกตั้งแล้วพรรคเพื่อไทยชนะกลับมาได้เกินครึ่ง สำหรับทหารเขาไม่คิดกันแล้วเรื่องปฏิวัติ เพราะมีบทเรียนมาแล้ว
**จตุพรปูด “ประยุทธ์”นั่งหัวโต๊ะยึดอำนาจ
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่ากระแสข่าวเรื่องปฏิวัติเป็นผลมาจากที่คนเสื้อแดงจะไปกองทัพบกเพื่อสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกวางตัวเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารขอถามว่าเมื่อ 23 ม.ค.ที่ผ่านมามีการประชุมที่กองทัพอากาศเพื่อตรวจสอบกำลังในการทำรัฐประหาร ซึ่งหัวโต๊ะนั้นนำโดยพล.อ.ประยุทธ์ ,ผบ.ทอ. ,ผบ.ทร. รักษาการ ผบ.ตร. และนักการเมืองคนหนึ่งที่มีสัญลักษณ์อยู่ที่แขนร่วมประชุมด้วย แต่ ทร. ตำรวจ รวมถึงกรมทหารราบที่ 11 รอ. ปฏิเสธ ทั้งนี้ในวงพูดคุยนั้นต้องการปฏิวัติแต่ตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้นายอานันท์ ปันยารชุน หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี สำหรับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยนั้น เพราะต้องการจบชีวิตทางการทหารในวาระเกษียณโดยไม่ใช่ทรราช และไม่ต้องการเดือดร้อนในชีวิตบั้นปลาย
นายจตุพร กล่าวอ้างว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้วางตัวพล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ.ไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อคืนนี้(26 ม.ค.) กรณีที่รถถังเสียพร้อมๆ กันและอ้างว่าเตรียมส่งไปประเทศซูดานนั้นเป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น
“ถ้าเกิดการปฏิวัติจริงเราก็ต้องต่อสู้กับรัฐบาลที่มาจากปฏิวัติ ซึ่ง 19 ก.ย. 2549 มีคนเสนอให้่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น แต่ได้ปฏิเสธไปเพราะต้องการให้ประเทศเรียบร้อย แต่รอบนี้ถ้าเกิดจริงพ.ต.ท.ทักษิณจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นแน่ และไม่กลัวว่าประเทศไหนจะรับรองหรือไม่"
**พท.มั่วไปเรื่อยอ้างรถถังจากอุตรดิตถ์
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมส.ส.ว่ารถหุ้มเกราะทราบมาว่าเคลื่อนขบวนมาจากจ.อุตรดิตถ์ อีกทั้งโรงซ่อมรถหุ้มเกราะก็ตั้งอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ดังนั้นตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดต้องเคลื่อนรถถังจาก จ.อุตรดิตถ์มาแวะพักที่กทม.ทั้งๆ ที่เคลื่อนขบวนไปที่จ.นครราชสีมาเลย ขณะเดียวกันนายทหารยศพันโทชื่อนำหน้าด้วยตัวอักษร ท. เป็นผู้รับคำสั่งให้นำรถถังไปจอดตามจุดต่างๆ ถือเป็นการข่มขวัญพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังเคลื่อนไหวเรื่องแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่