xs
xsm
sm
md
lg

การเลือกตั้งแบบเผด็จการเหยียบย่ำทำลายชาติและการแก้ไข

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

ได้เห็นพฤติกรรมของพวกนักการเมืองสุดแสนโง่เขลาหรือไม่ก็คิดเอาแต่ประโยชน์ตนและพวกพ้องเป็นที่ตั้ง โดยไม่ได้ใส่ใจกับการเลือกตั้งโดยธรรมเพื่อประชาชนแม้แต่น้อย

นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นผู้ประสานงานพบปะกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เช่น นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายเนวิน ชิดชอบ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำหลักในพรรคภูมิใจไทย นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ปรึกษาหารือเพื่อร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็น ได้แก่

1. เพื่อแก้ไขเรื่องเขตเลือกตั้งจากเขตใหญ่เรียงเบอร์ กลับไปใช้การเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว (ทั้งสองแบบยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์ มันเป็นการเลือกตั้งแบบเพื่อพวกใคร พวกมัน มันไม่เป็นประโยชน์สำหรับประชาชนทั้งสองแบบ แบบที่ถูกต้องอธิบายในช่วงท้าย)

2. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 190 เรื่องการทำสนธิสัญญาต่างประเทศโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา (ประเด็นนี้ การทำสนธิสัญญาโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของสภา ก็เท่ากับว่ามุ่งหวังที่จะมีประโยชน์ทับซ้อน เช่น นายนพดล ปัทมะ เคยทำมาแล้วเพื่อประโยชน์ทักษิณ และประโยชน์แก่กัมพูชา กรณียกเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก) นักการเมืองพันธุ์เผด็จการเชื่อไม่ได้ มีแต่จะทำร้ายทำลายประเทศชาติและประชาชนเสมอมา

จึงมีความปรารถนาให้ประชาชนและหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยธรรม แต่เชื่อว่าหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ก็รู้ดีว่าการเลือกตั้งโดยธรรมนั้นมีลักษณะอย่างไร แต่หัวหน้าพรรคเหล่านั้นบิดเบือน หรือยอมรับการบิดเบือน ยอมรับการเลือกตั้งแบบเผด็จการ การเลือกตั้งแบบเผด็จการคือการเลือกตั้งที่กำหนดโดยผู้มีอำนาจที่มีแนวคิด ความเชื่อแบบเผด็จการ หรือมีความเชื่อตามลัทธิรัฐธรรมนูญที่สอนและสืบทอดกันมาอย่างผิดๆ ว่า “รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย การเรียกร้องรัฐธรรมนูญก็คือเรียกร้องระบอบประชาธิปไตย” จนกระทั่งมีรัฐธรรมนูญมากถึง 18 ฉบับ 78 ปี ประเทศไทยไม่เคยมีระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นแม้เพียงวินาทีเดียว

น่าเศร้าใจเหลือเกิน หลังจากยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์เมื่อ 24 มิถุนายน 2475 แล้วใช้รัฐธรรมนูญบังหน้าแล้วโฆษณาชวนเชื่อว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย พวกเขาหลอกโดยสืบทอดตามๆ กันมา โดยที่ผู้ปกครอง นักการเมือง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ไม่ได้ใส่ใจในการศึกษาวิเคราะห์ให้ถ่องแท้

พวกเขาแย่งอำนาจของพระมหากษัตริย์มาได้แล้วก็ปกครองโดยใช้รัฐธรรมนูญที่ปราศจากระบอบฯ หรือปราศจากหลักการปกครองโดยธรรม อำนาจอธิปไตยที่ได้มาก็กลายเป็นของกลุ่มอำนาจทางกลุ่มโน้นที กลุ่มนี้ที เกิดขัดแย้งกัน ก็ก่อขบถบ้าง ทำรัฐประหารบ้าง แล้วก็มาร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ มากมายถึง 18 ฉบับ ทั้ง 18 ฉบับล้วนแล้วแต่ทำผิดทั้งสิ้น

ผิดคือไม่มีตัวระบอบฯ หรือหลักการปกครองให้เห็น มีแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นเพียงวิธีการปกครอง คือหมวด และมาตราต่างๆ มันกลายเป็นว่า รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ มันก็กลายเป็นวิธีการปกครองของกลุ่มอำนาจนั้น กลุ่มอำนาจนี้ มันก็ไม่เป็นธรรมสำหรับประชาชน เมื่อปกครองแล้วไม่เกิดความเป็นธรรมมันก็ขัดแย้งกัน เมื่อขัดแย้งกัน วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือให้ทุนทหารไปทำรัฐประหาร แล้วก็มาร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่แบบเดิมๆ เพียงแต่มาตราต่างๆ เปลี่ยนไปบ้าง นี่คือความจริงที่เป็นแนวคิดทฤษฎีอุบาทว์ ที่ลำลายชาติจนโงหัวไม่ขึ้น

ปัจจุบันเป็นความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างคณะผู้ปกครองชุดเก่าได้แก่ นช. ทักษิณกับพวกเสื้อแดง โดยยึดมั่นรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 40 กับคณะผู้ปกครองชุดปัจจุบันที่ยึดมั่นถือมั่นในรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 50 ซึ่งรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ และทุกฉบับล้วนเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการที่ผิด จัดความสัมพันธ์ไม่ถูกต้องทุกฉบับ เพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่มีระบอบหรือหลักการปกครองโดยธรรมนั่นเอง มันเป็นรัฐธรรมนูญแบบไม้มะเดื่อ ดาวเคราะห์ไร้ซึ่งดวงสุริยา มันก็ตั้งอยู่ไม่ได้

แท้จริงหากแกนนำประชาชนสาขาอาชีพต่างๆ นักวิชาการรัฐศาสตร์ต้องการประชาธิปไตยอย่างแท้จริงแล้ว พวกเขาต้องเรียกร้องหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยธรรม เมื่อได้มาก็จะได้ระบอบประชาธิปไตยจริงๆ จากนั้นจึงมาร่างรัฐธรรมนูญรักษาหลักการปกครองหรือระบอบประชาธิปไตยโดยธรรมนั่นเอาไว้ ก็เท่านี้เอง
แต่ผู้ปกครองไทยก็เดินหลงทางมาแล้ว 78 ปีแล้ว พวกเขาก็ยังหลงทางกันอยู่อีก ยังบิดเบือนต่อไปอีก ดังได้ชี้แจงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้ว

ว่าด้วยการเลือกตั้ง ก่อนอื่นต้องรู้อย่างถูกต้องว่า การเลือกตั้งเป็นวิธีการอย่างหนึ่งของการขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองแบบปกติ การรัฐประหารขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองแบบไม่ปกติ การเลือกตั้งถือว่าเป็นวิธีการเลือกตั้งของระบอบการเมืองแบบไหนก็ได้ เพราะการเลือกตั้งเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง วิธีการย่อมเป็นของกลาง ระบอบไหนๆ ก็เอาไปใช้ได้ อย่าหลงเข้าใจผิดตามคำโฆษณาชวนเชื่อของผู้ปกครองว่ามีการเลือกตั้งแล้วเป็นประชาธิปไตยเสมอไป

ระบอบต่างๆ ต่างก็มีการเลือกตั้ง ประเทศเยอรมนีสมัย ฮิตเลอร์และพรรคนาซี เรืองอำนาจก็มาจากการเลือกตั้งแต่เป็นเผด็จการ จีน ลาว เวียดนาม นักการเมืองล้วนมาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้นแต่เป็นการเลือกตั้งของระบอบคอมมิวนิสต์ การเลือกตั้งของระบอบต่างๆ ยุติธรรมบ้าง ไม่ยุติธรรมบ้าง ดังนั้น วิธีการเลือกตั้งของระบอบเผด็จการ ก็อย่างหนึ่ง วิธีการเลือกตั้งของระบอบคอมมิวนิสต์ก็อย่างหนึ่ง วิธีการเลือกตั้งของระบอบประชาธิปไตยก็อย่างหนึ่ง เป็นต้น

การเลือกตั้งโดยธรรม เป็นธรรมต่อประชาชนทุกคน เรียกกันง่ายๆ ว่า วันแมน วันโหวต โดยมี 2 ลักษณะ คือ

1. ด้านประชาชนหรือผู้ออกเสียง ประชาชนหนึ่งเมื่อไปเลือกผู้แทน จะต้องเลือกผู้แทนได้เพียงคนเดียว หรือมีเสียงเดียว นี่คือหัวใจสำคัญของการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย

2. ด้านพื้นที่ เช่น ในแต่ละจังหวัดประชากรแตกต่างกันมากบ้าง น้อยบ้าง โดยกำหนดให้มีผู้แทนเขตละ 3 คน หรือ สองคนบ้าง หนึ่งคนบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่อย่ากำหนดตายตัวว่า เขตเลือกตั้งเดียวเบอร์เดียวอย่างนี้แล้วจะก่อให้เกิดการลอบสังหารตัวเต็งที่จะได้เป็น ส.ส. และง่ายต่อการซื้อเสียง เป็นประโยชน์ต่อนายทุน หรือพวกนักธุรกิจการเมือง

การเลือกตั้งในปัจจุบันตามกฎหมาย
เป็นแบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ เขตใหญ่ คือกำหนดให้มีผู้แทนเขตละ 3 คน ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เลือกผู้แทนได้ 3 คน แต่บางเขตเลือกผู้แทนได้ 2 คน บางเขตเลือกได้เพียงคนเดียว เช่น

จังหวัดที่มีเขตเลือกตั้งเดียว มี ส.ส. 1 คน (รวมทั้งจังหวัด 1 คน) ได้แก่ จังหวัดระนอง, สมุทรสงคราม, สิงห์บุรี, ตราด

จังหวัดที่มีเขตเลือกตั้งเดียว มี ส.ส. 2 คน (รวมทั้งจังหวัด 2 คน) ได้แก่ จังหวัดพังงา, นครนายก, แม่ฮ่องสอน, สตูล, อ่างทอง, ภูเก็ต, อุทัยธานี, มุกดาหาร, ชัยนาท เป็นต้น

การเลือกตั้งแบบปัจจุบัน แบบเขตใหญ่เรียงเบอร์นี้ มันไม่ยุติธรรม สอนประชาชนไม่ให้รู้จักความยุติธรรม มันแสดงให้เห็นว่าผู้มีอำนาจออกกฎหมายโดยไม่สนใจประชาชน สนใจแต่ประโยชน์ที่พวกตนจะได้ ไม่ยุติธรรมเพราะ หนึ่งคนมี 3 เสียง หรือกาได้ 3 เบอร์ หรือเลือกผู้แทนได้ 3 คน บางเขตหนึ่งคนมี 2 เสียง หรือกาได้ 2 เบอร์ หรือเลือกผู้แทนได้ 2 คน บางเขตเลือกผู้แทนได้เพียงคนเดียว จะอ้างอย่างไรมันไม่มีความยุติธรรม มันไม่เสมอภาค เป็นการสอนให้ประชาชนเลือกตั้งแบบผิดๆ แต่พวกผู้ปกครองพันธุ์เผด็จการ มันก็ทำกันได้ เพราะมันมองเห็นประชาชนเป็นเพียงทาสทางการเมือง มันเหลือเชื่อจริงๆ

การเลือกตั้งแบบเขตใหญ่เรียงเบอร์ หากทำให้ถูกต้องก็คือ เขตใหญ่มี ส.ส. 3 คน เพียงแต่กำหนดให้เกิดความเป็นธรรมตามธรรมชาติของคน คือ หนึ่งคน หนึ่งเสียง (One man, One vote) เพียงเท่านี้ก็เกิดความเป็นธรรม ในการใช้มติในที่ประชุมทุกหนทุกแห่งทั่วโลก ต้องหนึ่งคน หนึ่งเสียง กันทั้งนั้น

ดังนั้น เขตใหญ่เรียงเบอร์นั้นดีแล้ว แต่ต้องให้ประชาชนใช้สิทธิโดยความเป็นธรรม คือ หนึ่งคน หนึ่งเสียง มีความยุติธรรมเสมอกันทุกคนสำหรับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ การเลือกตั้งแบบนี้จะทำให้ประชาชนตื่นตัว เกิดความสำนึกทางการเมือง รู้จักรักษาประโยชน์ทางการเมือง เปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกตัวแทนของตนได้ถูกต้อง ไม่ใช่เลือกตั้งกี่ครั้งๆ ก็ได้แต่ผู้แทนนายทุน ผู้แทนนักธุรกิจการเมือง บ้านเมืองจึงมีแต่ความหายนะ ล่มจม

ผู้ปกครอง นักการเมือง รู้กันหมดทุกคน แต่พวกกูไม่สน พวกกูต้องได้เปรียบไว้ก่อน เลยคิดกันคนละแบบ ตามที่เป็นข่าว บอกแล้วว่าการเมืองแบบลัทธิเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญมีลักษณะ “อัปรีย์ไปจัญไรมา” เป็นอย่างนี้มา 78 ปี มีรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ โง่ที่สุดในโลก รู้ตัวกันบ้างไหม
กำลังโหลดความคิดเห็น