ลัทธิรัฐธรรมนูญคือลัทธิแนวคิดสร้างระบอบเผด็จการโดยหลงผิดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ระบอบเผด็จการคือระบอบที่ไม่มีหลักการปกครองแสดงให้เห็น มีเพียงกฎหมายรัฐธรรมนูญ ได้แก่หมวดและมาตราต่างๆ พวกลัทธิรัฐธรรมนูญหลงผิดเข้าใจการร่างรัฐธรรมนูญคือการสร้างระบอบประชาธิปไตย ถ้าเข้าใจเช่นนี้ แสดงว่าทุกประเทศเป็นประชาธิปไตย เพราะทุกประเทศต่างก็มีรัฐธรรมนูญ แต่ที่จริงแล้วรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายชนิดหนึ่ง กฎหมายย่อมสะท้อนระบอบ หรือสะท้อนหลักการปกครอง หลักการปกครองเป็นเช่นไร ระบอบก็เป็นเช่นนั้น
แต่เราไทย 77 ปี ยังไม่ได้สร้างหรือสถาปนาหลักการปกครอง หรือสถาปนาระบอบ นั่นเอง แต่กลับมีแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญมากถึง 18 ฉบับ อย่างนี้แล้ว กฎหมายรัฐธรรมนูญสะท้อนอะไร ก็ในเมื่อหลักการปกครองไม่มี ไม่แสดงโชว์ให้เห็น ไม่แสดงให้ประชาชนรับทราบ ก็มันแสดงไม่ได้ ก็เพราะมันไม่มีหลักการปกครองนั่นเอง
วัวเทียมเกวียน วัวต้องนำหน้าเกวียน แต่ความสัมพันธ์ของรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ ไม่มีหลักการปกครอง มีแต่รัฐธรรมนูญ จึงดุจดังว่า วัวไม่มี มีแต่เกวียน แล้วเกวียนมันจะเคลื่อนก้าวหน้าไปสู่จุดมุ่งหมายที่ดีงามได้อย่างไร ดาวเคราะห์หากไร้ซึ่งดวงสุริยัน มันก็ดำรงอยู่ไม่ได้
ต่อไปนี้เป็นหนึ่งในผลผลิตของระบอบเผด็จการ เห็นชัดถึงความบกพร่องทางศีลธรรมจริยธรรมอย่างมาก ไม่น่าเลย ลองอ่านดู ข้อเขียนจากบุคคลในข่าวของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ความตอนหนึ่งว่า
“รัฐบาลอภิสิทธิ์ มีโอกาสใช้อำนาจรัฐทั้งหมดเพื่อครองใจประชาชน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์และพันธมิตรทั้งในและนอกรัฐบาลกลับทำตัวอวดเบ่งงัดข้อ ปัดแข้งปัดขากันเอง ทำให้กระบวนการบริหารอำนาจ เพื่อครองใจประชาชนเกิดความอ่อนด้อยอย่างมาก มิหนำซ้ำ คนในรัฐบาลชุดนี้ยังชอบคิดอะไรเฮงซวย เช่น ยกเลิกหวยออนไลน์ รวมถึงแนวคิดในการยกเลิกลอตเตอรี่ โดยอ้างเรื่องศีลธรรมจรรยาเพียงอย่างเดียว รัฐบาลหล่อหลักลอย ดันไปกระทืบหัวใจประชาชนส่วนใหญ่ รู้ทั้งรู้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความหวังเล็กๆ น้อยๆ อยู่กับการเล่นหวย เรียกว่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้ชาวบ้าน มีความหวัง และมีความสุข ที่ได้พูดคุยหยอกล้อกันหลังหวยออก แต่รัฐบาลไม่ดูดำดูดี กลับกระทำและพูดจาย่ำยีจิตใจชาวบ้าน ไม่รู้ว่า ใช้สมองส่วนไหนคิดกัน” เขาใช้สมองส่วนไหนเขียนเน้อ หลุดมาได้อย่างไร มิน่าเขียนเชียร์คนทำผิดอยู่เรื่อย
การที่รัฐบาลมีนโยบายยกเลิกหวยออนไลน์ หรือจะยกเลิกอบายมุขทุกชนิดเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม เป็นสิ่งที่ควรยกย่องส่งเสริม รัฐบาลท่านได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว หวยและอบายมุขทุกชนิดซึ่งมันเป็นปากทางแห่งความฉิบหาย หายนะ วอดวาย ย่อยยับของพี่น้องประชาชน ความเสียหายของที่เกิดหวยทุกชนิดมันมากมายมหาศาล มันทำลายทรัพย์ของคนเล่นหวย มันทำลายศักยภาพของบุคคลในชาติให้อ่อนล้า คิดไม่เป็น กลายเป็นคนอ่อนแอ ลุ่มหลง เพ้อฝันอยู่แต่กับหวยอย่างไร้สาระ คนดีทั้งหลายล้วนแล้วแต่ต้องการให้เลิกหวยและอบายมุขทั้งนั้น
ข้อเขียนข้างต้น อ่านอย่างไรๆ ก็เหมือนกับการส่งเสริมให้ประชาชนเล่นหวย ส่งเสริมความหายนะของบุคคล ครอบครัว และของชาติ พอรัฐบาลมีนโยบายเลิกหวย นักเขียนคนดังกล่าวกลับคัดค้าน ไม่พอใจ วังเวงจริงหนอเจ้ายักษ์ใหญ่เอ๋ย บรรณาธิการน่าจะตรวจสอบดูให้รอบคอบ
การทำผิดที่เคยชิน มันกลายเป็นความรู้สึกที่ถูกต้อง มิน่าสังคมไทยจึงกลายเป็นสังคมนรก ก็เพราะนักเขียนที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีศีลธรรม ไม่รู้จักแยกแยะว่าอะไรสมควร อะไรไม่สมควร การเขียนข่าวเพื่อเอาใจคนผิด หรือเพื่อเอาใจให้คนลุ่มหลงในอบายมุขต่อไป ส่งเสริมให้ประชาชนฉิบหายนั่นเอง นักเขียนพวกนี้จัดอยู่ในประเภท “อาชญากรทางปัญญา”
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ กฎอิทัปปัจจยตา และเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเป็นสัพพัญญู และทรงบัญญัติคำสอนทั้งหมดล้วนเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นเองตามเหตุปัจจัยของกฎธรรมชาติ และเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยของมนุษย์ ย่อมเป็นไปจากกฎอิทัปปัจจยตา ทั้งสิ้น
กฎอิทัปปัจจยตา คือลักษณะความสัมพันธ์ของเหตุปัจจัยระหว่างเหตุและผล ในลักษณะ 4 มิติ 3 ลักษณะ คือ (1) ลักษณะที่เจริญก้าวหน้าไปในทางกุศล (2) ลักษณะเป็นกลางๆ (3) ลักษณะที่เป็นไปในทางอกุศล เสื่อม กฎอิทัปปัจจยตามีลักษณะฟันเฟืองเครื่องจักรหมุนไปอย่างมีเหตุปัจจัย หรือเหมือนกับแม่สี 3 สีผสมกันเรื่อยไปอย่างไม่รู้จบสิ้น ถ้าปัจจัยเหตุดี ปัจจัยผลก็จะดี แต่ถ้าปัจจัยเหตุเลว ปัจจัยผลก็จะเลว ซึ่งต่างก็รู้กันโดยทั่วไปว่า “กฎแห่งกรรม” แสดงให้เห็นดังนี้
กฎอิทัปปัจจยตาฝ่ายเสื่อม หายนะ วอดวาย ย่อยยับ ถ้าเรา นำมาอธิบายแนวทางระบอบการเมืองมิจฉาทิฐิ หรือการเมืองแบบเผด็จการในปัจจุบัน จะได้ว่า
(1) เมื่อไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม (ระบอบ) ย่อมเป็นเหตุให้รัฐธรรมนูญบกพร่อง
(2) เมื่อรัฐธรรมนูญ (การปกครอง) บกพร่อง ย่อมเป็นเหตุให้รัฐบาลปกครองบกพร่อง
(3) เมื่อรัฐบาลปกครองบกพร่อง ย่อมเป็นเหตุให้กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว บุคคล องค์กรต่างๆ และทุกส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดพลอยบกพร่องผิดตามด้วยอย่างเป็นไปเองตามกระแสของการเมืองและการปกครองเผด็จการ จึงทำให้ไทยเราหายนะ วอดวาย ย่อยยับ นั่นเอง
อีกนัยหนึ่งเป็นแนวทางสัมมาทิฐิ หรือฝ่ายเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า มั่งคง ดังนี้
หากว่าท่านนายกฯ มีปัญญากระจ่างแจ้งโดยธรรมเกิดขึ้นแล้วไซร้ ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้มีนโยบาย (Policy) เพื่อการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม (ระบอบ) อย่างถูกต้อง
เมื่อมีการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรมโดย พระเจ้าอยู่หัว ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ถูกต้องโดยธรรม
เมื่อมีรัฐธรรมนูญถูกต้องโดยธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้รัฐบาลการปกครองโดยธรรม เมื่อรัฐบาลปกครองโดยธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว บุคคล องค์กรต่างๆ และทุกส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดพลอยถูกต้อง เจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า มั่นคง อย่างเป็นไปเองตามกระแสของการเมืองและการปกครองโดยธรรม
อีกมิติหนึ่ง การเมือง (หลักการปกครอง) การปกครอง (รัฐธรรมนูญ) ที่ถูกต้อง ย่อมเป็นปัจจัยให้มีระบบเศรษฐกิจถูกต้องเป็นธรรมตามไปด้วยอย่างเป็นไปเองหลักกฎเกณฑ์ที่ว่า
ระบบเศรษฐกิจที่ถูกต้อง ย่อมเป็นปัจจัยให้สังคม ฯลฯ ส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดขับเคลื่อนไปในแนวทางที่ถูกต้องด้วยอย่างเป็นไปเองตามกระแสของการเมืองที่ถูกต้อง
ขอยืนยันว่า สรรพสิ่งล้วนเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา ไม่มีสิ่งใดหลุดพ้นไปจากกฎธรรมชาตินี้ได้ เพียงแต่เราจะเลือกให้ดำเนินไปในทางกุศล อันทางที่ดำเนินไปอย่างเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า หรือนำจะปล่อยให้ดำเนินไปในทางอกุศล อันเป็นแนวทางจะทำให้ประเทศไทยเสื่อมถอย เกิดโกลาหล ตกอยู่ในความอัปยศอดสูมาอย่างยาวนานกว่า 77 ปีแล้ว
ยิ่งไปกว่านี้หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ยังมีมีลักษณะพิเศษซ้อนอยู่หลายมิติ เช่น
1. เป็นกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ความมั่นคงแห่งชาติเป็นกฎหมายสูงสุด (Supreme law)
2. เป็นหลักการปกครองโดยธรรม (Principle of government)
3. เป็นระบอบ (Regime) การเมืองที่ชัดเจนไม่ลวงประชาชน ดังที่เคยทำมาแล้ว
4. เป็นรากฐานของหลักนิติธรรมอย่างสมบูรณ์ที่สุด
5. ประยุกต์มาจากกฎธรรมชาติเข้ากับลักษณะพิเศษของประเทศไทย คือรากฐานของชาติได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฯลฯ
สิ่งที่รัฐบาลต้องทำให้ถูกต้อง คือ ประกาศนโยบาย (Policy) สถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ถึงขณะนี้รัฐบาลก็ยังสามารถทำได้ ถ้ารัฐบาลดำเนินการตามที่แนะนำนี้ รัฐบาลนี้จะเป็นเป็นรัฐบาลแรกของประเทศไทยที่ได้เป็นผู้เปลี่ยนจากแนวทางนรก ตกเหว หายนะ วอดวาย ย่อยยับ ไปเป็นแนวทางที่สร้างสรรค์ ก้าวหน้า มั่นคง ยิ่งกว่าประเทศอื่นใดในโลก
แต่เราไทย 77 ปี ยังไม่ได้สร้างหรือสถาปนาหลักการปกครอง หรือสถาปนาระบอบ นั่นเอง แต่กลับมีแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญมากถึง 18 ฉบับ อย่างนี้แล้ว กฎหมายรัฐธรรมนูญสะท้อนอะไร ก็ในเมื่อหลักการปกครองไม่มี ไม่แสดงโชว์ให้เห็น ไม่แสดงให้ประชาชนรับทราบ ก็มันแสดงไม่ได้ ก็เพราะมันไม่มีหลักการปกครองนั่นเอง
วัวเทียมเกวียน วัวต้องนำหน้าเกวียน แต่ความสัมพันธ์ของรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ ไม่มีหลักการปกครอง มีแต่รัฐธรรมนูญ จึงดุจดังว่า วัวไม่มี มีแต่เกวียน แล้วเกวียนมันจะเคลื่อนก้าวหน้าไปสู่จุดมุ่งหมายที่ดีงามได้อย่างไร ดาวเคราะห์หากไร้ซึ่งดวงสุริยัน มันก็ดำรงอยู่ไม่ได้
ต่อไปนี้เป็นหนึ่งในผลผลิตของระบอบเผด็จการ เห็นชัดถึงความบกพร่องทางศีลธรรมจริยธรรมอย่างมาก ไม่น่าเลย ลองอ่านดู ข้อเขียนจากบุคคลในข่าวของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ความตอนหนึ่งว่า
“รัฐบาลอภิสิทธิ์ มีโอกาสใช้อำนาจรัฐทั้งหมดเพื่อครองใจประชาชน แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์และพันธมิตรทั้งในและนอกรัฐบาลกลับทำตัวอวดเบ่งงัดข้อ ปัดแข้งปัดขากันเอง ทำให้กระบวนการบริหารอำนาจ เพื่อครองใจประชาชนเกิดความอ่อนด้อยอย่างมาก มิหนำซ้ำ คนในรัฐบาลชุดนี้ยังชอบคิดอะไรเฮงซวย เช่น ยกเลิกหวยออนไลน์ รวมถึงแนวคิดในการยกเลิกลอตเตอรี่ โดยอ้างเรื่องศีลธรรมจรรยาเพียงอย่างเดียว รัฐบาลหล่อหลักลอย ดันไปกระทืบหัวใจประชาชนส่วนใหญ่ รู้ทั้งรู้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความหวังเล็กๆ น้อยๆ อยู่กับการเล่นหวย เรียกว่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้ชาวบ้าน มีความหวัง และมีความสุข ที่ได้พูดคุยหยอกล้อกันหลังหวยออก แต่รัฐบาลไม่ดูดำดูดี กลับกระทำและพูดจาย่ำยีจิตใจชาวบ้าน ไม่รู้ว่า ใช้สมองส่วนไหนคิดกัน” เขาใช้สมองส่วนไหนเขียนเน้อ หลุดมาได้อย่างไร มิน่าเขียนเชียร์คนทำผิดอยู่เรื่อย
การที่รัฐบาลมีนโยบายยกเลิกหวยออนไลน์ หรือจะยกเลิกอบายมุขทุกชนิดเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม เป็นสิ่งที่ควรยกย่องส่งเสริม รัฐบาลท่านได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว หวยและอบายมุขทุกชนิดซึ่งมันเป็นปากทางแห่งความฉิบหาย หายนะ วอดวาย ย่อยยับของพี่น้องประชาชน ความเสียหายของที่เกิดหวยทุกชนิดมันมากมายมหาศาล มันทำลายทรัพย์ของคนเล่นหวย มันทำลายศักยภาพของบุคคลในชาติให้อ่อนล้า คิดไม่เป็น กลายเป็นคนอ่อนแอ ลุ่มหลง เพ้อฝันอยู่แต่กับหวยอย่างไร้สาระ คนดีทั้งหลายล้วนแล้วแต่ต้องการให้เลิกหวยและอบายมุขทั้งนั้น
ข้อเขียนข้างต้น อ่านอย่างไรๆ ก็เหมือนกับการส่งเสริมให้ประชาชนเล่นหวย ส่งเสริมความหายนะของบุคคล ครอบครัว และของชาติ พอรัฐบาลมีนโยบายเลิกหวย นักเขียนคนดังกล่าวกลับคัดค้าน ไม่พอใจ วังเวงจริงหนอเจ้ายักษ์ใหญ่เอ๋ย บรรณาธิการน่าจะตรวจสอบดูให้รอบคอบ
การทำผิดที่เคยชิน มันกลายเป็นความรู้สึกที่ถูกต้อง มิน่าสังคมไทยจึงกลายเป็นสังคมนรก ก็เพราะนักเขียนที่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีศีลธรรม ไม่รู้จักแยกแยะว่าอะไรสมควร อะไรไม่สมควร การเขียนข่าวเพื่อเอาใจคนผิด หรือเพื่อเอาใจให้คนลุ่มหลงในอบายมุขต่อไป ส่งเสริมให้ประชาชนฉิบหายนั่นเอง นักเขียนพวกนี้จัดอยู่ในประเภท “อาชญากรทางปัญญา”
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ กฎอิทัปปัจจยตา และเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเป็นสัพพัญญู และทรงบัญญัติคำสอนทั้งหมดล้วนเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นเองตามเหตุปัจจัยของกฎธรรมชาติ และเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยของมนุษย์ ย่อมเป็นไปจากกฎอิทัปปัจจยตา ทั้งสิ้น
กฎอิทัปปัจจยตา คือลักษณะความสัมพันธ์ของเหตุปัจจัยระหว่างเหตุและผล ในลักษณะ 4 มิติ 3 ลักษณะ คือ (1) ลักษณะที่เจริญก้าวหน้าไปในทางกุศล (2) ลักษณะเป็นกลางๆ (3) ลักษณะที่เป็นไปในทางอกุศล เสื่อม กฎอิทัปปัจจยตามีลักษณะฟันเฟืองเครื่องจักรหมุนไปอย่างมีเหตุปัจจัย หรือเหมือนกับแม่สี 3 สีผสมกันเรื่อยไปอย่างไม่รู้จบสิ้น ถ้าปัจจัยเหตุดี ปัจจัยผลก็จะดี แต่ถ้าปัจจัยเหตุเลว ปัจจัยผลก็จะเลว ซึ่งต่างก็รู้กันโดยทั่วไปว่า “กฎแห่งกรรม” แสดงให้เห็นดังนี้
กฎอิทัปปัจจยตาฝ่ายเสื่อม หายนะ วอดวาย ย่อยยับ ถ้าเรา นำมาอธิบายแนวทางระบอบการเมืองมิจฉาทิฐิ หรือการเมืองแบบเผด็จการในปัจจุบัน จะได้ว่า
(1) เมื่อไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม (ระบอบ) ย่อมเป็นเหตุให้รัฐธรรมนูญบกพร่อง
(2) เมื่อรัฐธรรมนูญ (การปกครอง) บกพร่อง ย่อมเป็นเหตุให้รัฐบาลปกครองบกพร่อง
(3) เมื่อรัฐบาลปกครองบกพร่อง ย่อมเป็นเหตุให้กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว บุคคล องค์กรต่างๆ และทุกส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดพลอยบกพร่องผิดตามด้วยอย่างเป็นไปเองตามกระแสของการเมืองและการปกครองเผด็จการ จึงทำให้ไทยเราหายนะ วอดวาย ย่อยยับ นั่นเอง
อีกนัยหนึ่งเป็นแนวทางสัมมาทิฐิ หรือฝ่ายเจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า มั่งคง ดังนี้
หากว่าท่านนายกฯ มีปัญญากระจ่างแจ้งโดยธรรมเกิดขึ้นแล้วไซร้ ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้มีนโยบาย (Policy) เพื่อการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม (ระบอบ) อย่างถูกต้อง
เมื่อมีการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรมโดย พระเจ้าอยู่หัว ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ถูกต้องโดยธรรม
เมื่อมีรัฐธรรมนูญถูกต้องโดยธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้รัฐบาลการปกครองโดยธรรม เมื่อรัฐบาลปกครองโดยธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัว บุคคล องค์กรต่างๆ และทุกส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดพลอยถูกต้อง เจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า มั่นคง อย่างเป็นไปเองตามกระแสของการเมืองและการปกครองโดยธรรม
อีกมิติหนึ่ง การเมือง (หลักการปกครอง) การปกครอง (รัฐธรรมนูญ) ที่ถูกต้อง ย่อมเป็นปัจจัยให้มีระบบเศรษฐกิจถูกต้องเป็นธรรมตามไปด้วยอย่างเป็นไปเองหลักกฎเกณฑ์ที่ว่า
ระบบเศรษฐกิจที่ถูกต้อง ย่อมเป็นปัจจัยให้สังคม ฯลฯ ส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดขับเคลื่อนไปในแนวทางที่ถูกต้องด้วยอย่างเป็นไปเองตามกระแสของการเมืองที่ถูกต้อง
ขอยืนยันว่า สรรพสิ่งล้วนเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา ไม่มีสิ่งใดหลุดพ้นไปจากกฎธรรมชาตินี้ได้ เพียงแต่เราจะเลือกให้ดำเนินไปในทางกุศล อันทางที่ดำเนินไปอย่างเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า หรือนำจะปล่อยให้ดำเนินไปในทางอกุศล อันเป็นแนวทางจะทำให้ประเทศไทยเสื่อมถอย เกิดโกลาหล ตกอยู่ในความอัปยศอดสูมาอย่างยาวนานกว่า 77 ปีแล้ว
ยิ่งไปกว่านี้หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ยังมีมีลักษณะพิเศษซ้อนอยู่หลายมิติ เช่น
1. เป็นกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ความมั่นคงแห่งชาติเป็นกฎหมายสูงสุด (Supreme law)
2. เป็นหลักการปกครองโดยธรรม (Principle of government)
3. เป็นระบอบ (Regime) การเมืองที่ชัดเจนไม่ลวงประชาชน ดังที่เคยทำมาแล้ว
4. เป็นรากฐานของหลักนิติธรรมอย่างสมบูรณ์ที่สุด
5. ประยุกต์มาจากกฎธรรมชาติเข้ากับลักษณะพิเศษของประเทศไทย คือรากฐานของชาติได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฯลฯ
สิ่งที่รัฐบาลต้องทำให้ถูกต้อง คือ ประกาศนโยบาย (Policy) สถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ถึงขณะนี้รัฐบาลก็ยังสามารถทำได้ ถ้ารัฐบาลดำเนินการตามที่แนะนำนี้ รัฐบาลนี้จะเป็นเป็นรัฐบาลแรกของประเทศไทยที่ได้เป็นผู้เปลี่ยนจากแนวทางนรก ตกเหว หายนะ วอดวาย ย่อยยับ ไปเป็นแนวทางที่สร้างสรรค์ ก้าวหน้า มั่นคง ยิ่งกว่าประเทศอื่นใดในโลก