xs
xsm
sm
md
lg

สถาปนาธรรมาธิปไตย คือความสุขของพระองค์และปวงชนไทย

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

เดือนธันวาคมนี้ เป็นเดือนแห่งความสุขของปวงพสกนิกรทั่วไทย ชื่นชมในพระเมตตา กรุณา ชื่นชมพระบารมี ถวายความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ ที่เหนือพระมหากษัตริย์

แต่นั่นเป็นเพียงความสุขชั่วคราว ความสุขที่ตั้งอยู่บนความทุกข์ใหญ่ของชาติ ทั้งนี้เพราะเหตุแห่งวิกฤตชาติยังไม่ได้รับการแก้ไข สภาพการณ์ที่แท้จริง หรือสภาพที่ดำรงอยู่จริงๆ ของบ้านเมืองเรา เป็นสภาพการณ์ของระบอบการเมืองแบบเผด็จการ

หลายฝ่ายอาจจะพูดว่า ระบอบการเมืองไทยเราเป็นประชาธิปไตยไม่สมบูรณ์ หากว่าเป็นประชาธิปไตยแต่มันไม่สมบูรณ์ มันก็จะสามารถพัฒนาต่อไปให้สมบูรณ์ได้

แต่ในความเป็นจริง การสร้างระบอบใดๆ คือการโชว์หลักการปกครองนั้นๆ ให้เห็นเป็นประจักษ์ต่อหน้าประชาชน เป็นสัญญาประชาคม และประชาชนเข้าใจได้อย่างถูกต้อง

โดยมีหลักแนวคิดง่ายๆ ธรรม ต้องมาก่อนวินัย ดวงอาทิตย์ ต้องมาก่อนดาวเคราะห์ จุดมุ่งหมาย ต้องมาก่อนวิธีการที่จะเข้าสู่จุดมุ่งหมาย

แท้จริงการเมืองไทยเราผิดพลาดมายาวนาน 77 ปี เพราะเราไม่เคยสร้างระบอบ หรือเราไม่เคยสร้างหลักการปกครอง หรือสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรมให้เห็น

ผู้ปกครองไทยสร้างแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะเข้าใจว่ายกร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ คือ การสร้างระบอบประชาธิปไตย มันเป็นความเห็นผิดร้ายแรงอย่างใหญ่หลวงของผู้ปกครองไทย มีเพียงประเทศไทยประเทศเดียวที่เห็นผิดเช่นนี้ การสร้างรัฐธรรมนูญ โดยปราศจากหลักการปกครอง คือสร้างกฎเกณฑ์ใหญ่ที่ผิดครอบงำประเทศ ครอบงำประชาชน ทำลายประเทศชาติของตนเอง ว่าไปแล้ว การสร้างกฎหมายรัฐธรรมนูญ อุปมา สร้างดาวเคราะห์ขึ้นมาก่อน โดยปราศจากดวงอาทิตย์ มันจะดำรงอยู่ได้อย่างไร หรือเรามีแต่วิธีการที่จะไปสู่จุดมุ่งหมาย แต่กลับไม่มีจุดมุ่งหมาย มันก็ไปไหนไม่ได้วนอยู่กับที่ จึงเห็นได้ว่า แท้จริงการสร้างรัฐธรรมนูญ คือการสร้างความขัดแย้งใหญ่ครอบงำประเทศ ทำให้ผู้ปกครองและประชาชนไปกันคนละทิศคนละทาง เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศ รัฐบาลนั้นๆ ก็จะหลงทางบริหารผิดพลาด จึงเป็นเหตุให้มีรัฐประหาร แล้วก็มาร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ วนเวียนเช่นนี้ เป็นวงจรอุบาทว์ ครอบงำประเทศไทยให้ล้าหลัง มันทำลายศักยภาพของคนในชาติให้อ่อนแอ มันทำให้ประชาชนในชาติยากจน

เราจะเห็นได้ว่า เมื่อการเมืองปราศจากหลักการปกครองโดยธรรม มันก็คือการเมืองเป็นเผด็จการ นั่นเอง การเมืองชนิดนี้ เมื่อมีกลุ่มการ พรรคการเมืองประชุมกัน ก็จะมุ่งแต่ประโยชน์ของพรรคตน หลายๆ พรรคก็หลายๆ จุดมุ่งหมาย มันก็จะขัดแย้งกันอย่างเป็นไปเอง ดังรูป

การเมืองที่ปราศจากหลักการปกครอง หมวดและมาตราต่างๆ ไปกันคนละทิศละทาง หาเอกภาพไม่ได้ เพราะปราศจากหลักการปกครอง จึงมีลักษณะสับสน แตกแยก ไร้จุดมุ่งหมาย ดังรูป

พรรคการเมืองต่างๆ ภายใต้กฎหมายที่ปราศจากหลักการปกครอง มีลักษณะยุ่งเหยิง สับสน แตกแยก ไร้จุดมุ่งหมาย กลายเป็นถือประโยชน์พรรคเป็นใหญ่ ประโยชน์บุคคลเป็นใหญ่ นักการเมืองจะจูงประชาชนให้ไปรับใช้บุคคล ดังรูป

ผลของการบริหารประเทศ จึงก่อให้เกิดความสับสน และความขัดแย้งไปทั่วทั้งประเทศ เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา หรือกฎความสัมพันธ์ของเหตุและผล (ฝ่ายลบ)

เมื่อระบอบสับสน ย่อมเป็นเหตุให้รัฐบาลสับสน เมื่อรัฐบาลสับสน ย่อมเป็นเหตุให้กระทรวงสับสน กรม จังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ครอบครัวสับสน ไร้ทิศไร้ทาง ทั้งในทางการเมือง การปกครอง และด้านอื่น เกิดความขัดแย้งถ้วนทั่วทุกองค์กร ทุกระดับทั่วประเทศ

ระบอบเผด็จการ คือเหตุแห่งปัญหาเหตุวิกฤตชาติที่สืบเนื่องกันมายาวนาน 77 ปี ไม่มีใครคิดแก้ไข ใครเป็นคนสร้างระบอบเผด็จการ เพราะพวกเขาใจผิดว่ารัฐธรรมนูญ คือระบอบประชาธิปไตย แท้จริง “สร้างรัฐธรรมนูญ คือสร้างระบอบเผด็จการ” “ใครคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญย่อมทำให้เป็นเผด็จการยิ่งขึ้น”

ปัญหาปรากฏการณ์ใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้น
หรือปัญหาที่เป็นผลของเหตุแห่งปัญหา คือ ความสับสนของประเทศ ปัญหาต่างๆ มันท่วมประเทศ มันเดินหน้าต่อไปไม่ได้แล้ว

ฝ่ายทักษิณ ซึ่งเป็นจอมลวงโลก ล่าสุดเล่นละครตบตาชาวไทย กรณีนายศิวรักษ์ ทักษิณมีจุดยืนเพื่อตนเอง ฉลาดแกมโกง หลอกลวงเก่ง โกงทุกอย่าง ซื้อทุกอย่าง ทำทุกอย่างเพื่อตัวของเขาเอง โดยมีกองกำลังทางการเมือง ได้แก่

1.พรรคเพื่อไทย นายทุน นายทหารแก่ผู้โง่เขลาบางส่วน

2.ฝ่ายซ้าย (แดงแท้) ที่เข้าไปเป็นที่ปรึกษา และทำแนวร่วมทางตรงเพื่อนำการปฏิวัติประชาธิปไตยไปสู่คอมมิวนิสต์

3.ฝ่ายลัทธิประชาธิปไตย นำโดยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่เข้ามาเพื่อนำการปฏิวัติประชาธิปไตย โดยชูหลักการปกครอง 5 ข้อ

4.แนวร่วมทางอ้อมและแนวร่วมมุมกลับ มวลชนทั่วไป มวลชนรับจ้าง ที่ถือหางทักษิณ โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจทางการเมือง

5.ฮุนเซน ผู้นำเขมร ให้การสนับสนุนฝ่ายทักษิณ เพราะมีประโยชน์ร่วมกันในทางธุรกิจ

เป็นที่ชัดเจนว่า ฝ่ายทักษิณ มีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างขนานใหญ่ เพื่อให้ทักษิณพ้นผิด ได้ทรัพย์สินคืน และกลับมามีอำนาจมากที่ในประเทศ จากที่เขาพูดซ้ำคณะราษฎร ซึ่งได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว เมื่อ 2475 ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย” ซึ่งเขาพูดเพียงด้านเดียว ไม่ครบองค์ประกอบของหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย เรารู้ว่าเขาพูดเพื่อให้ประชาชนลุกขึ้นสู้ ลุกขึ้นช่วงชิงอำนาจ ล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้นปีหน้า หากพวกเขาทำได้จริงจะเกิดสงครามกลางเมืองแน่นอน

ฝ่ายรัฐบาล รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดขึ้นเพราะความเสื่อมของระบอบเผด็จการและรัฐบาลนอมินีของทักษิณ (ทั้งสมัคร และสมชาย) คิดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน ใครก็ทนไม่ได้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติทุกฝ่ายจึงผลักดันให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

หนึ่งปีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ บริหารประเทศ ไม่เข้าตากรรมการ ลงทุนลงแรง กู้เงินมาบริหารประเทศมากถึง 800,000 ล้าน ก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะมุ่งแต่จะแก้ปัญหาปลายเหตุ เหตุแห่งปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาต่างๆ จึงเพิ่มขึ้นมากมากมาย การแก้ปัญหาปลายเหตุ ยิ่งแก้ ยิ่งสับสน รัฐบาลรู้ตัวบ้างหรือไม่หนอ

ประเทศไทยตกอยู่ใต้ระบอบเผด็จการโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญมายาวนาน จึงทำทุกองค์กร ทุกส่วนของชาติล่มสลาย รัฐบาลไหนๆ ก็ไปไม่รอด หากไม่คิดแก้ไขที่เหตุแห่งวิกฤตชาติ รัฐบาล กระทรวง กรม จนถึง ครอบครัวไทยล่มสลายมันก็ไม่ก้าวหน้าไปไหน

ย้อนกลับมาย้ำอ่านพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความตอนหนึ่งว่า “ขอให้ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่นคงเป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงจะสำเร็จผลเป็นจริงได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติมุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลังด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น”

พระราชดำรัสของพระองค์จะเป็นจริง เกิดผลจริงต่อพระองค์ และปวงพสกนิกรได้นั้น มีทางเดียวคือปวงพสกนิกรร่วมมือกันสร้างสรรค์อย่างยิ่งใหญ่ เป็นไปอย่างสันติ โดยรัฐบาลต้องมีนโยบายร่วมแรงร่วมใจ เสนอ ผลักดัน “ธรรมาธิปไตย ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง มั่นคง ก้าวหน้า สู่การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
โดยย่อได้แก่ (1) หลักธรรมาธิปไตย (2) หลักพระมหากษัตริย์ เป็นผู้นำและประมุขของประเทศ (3) หลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน (4) หลักเสรีภาพเพื่อสร้างสรรค์ (5) หลักความเสมอภาคทางโอกาส (6) หลักภราดรภาพ (7) หลักเอกภาพ (8) หลักดุลยภาพ (9) หลักนิติธรรม หลักการปกครองโดยธรรมทั้ง 9 เป็นแก่นแท้ของชาติ ย่อมเป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลางของชาติ เป็นศูนย์กลางของปวงชนไทยทุกคน เป็นศูนย์กลางรัฐธรรมนูญ คือหมวดและมาตราต่างๆ เป็นศูนย์กลางของกฎหมายทั้งหมดและเป็นศูนย์กลางของการปกครองทุกระดับ พลังอันยิ่งใหญ่ของปวงชนชาติ จะดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน

เพราะเป็นปัญหาของชาติ เป็นปัญหาของปวงชนไทยทุกคน รัฐบาลท่านมีอำนาจ สามารถขอความร่วมมือทุกพรรค ทุกกลุ่มพลังมวลชน ขอความร่วมมือจากปัญญาชน จากทั่วประเทศ ทำในนามปวงพสกนิกรทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างระบอบการเมืองที่ถูกต้องอย่างสันติ

หรือจะรอให้ทักษิณจะกลับมาเป็นใหญ่ บ้านเมืองเกิดระส่ำระสายมิคสัญญีกลียุคแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น