ASTVผู้จัดการรายวัน-“การเมืองใหม่” ถามหาความกล้าหาญทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมีวาระซอนเร้น ดึงเกมแก้รธน.50 กับพรรคร่วมฯ เสียดายวงถกพรรคเก่าแก่ไม่กล้าฟันธง ย้ำจุดยืนเดียวกับพันธมิตรฯ ค้านแก้เอื้อประโยชน์นักการเมือง ชี้สถานการณ์ยังไม่จำเป็น
วานนี้ (24 ม.ค.) นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ และนายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ร่วมแถลงท่าทีของพรรคประจำสัปดาห์ ที่ทำการพรรคย่านสะพานวันชาติ
นายประพันธ์ กล่าวว่า ในวันจันทร์ ที่ 25 มกราคม เวลา 09.00 น. ทราบว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือคัดค้านมติ ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่ให้รับ 3 นายพล กลับเข้ารับราชการ กับนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
**หนุนพธม.ต้านแก้รธน.ก๊วนการเมือง
ด้าน นายสำราญกล่าวถึงท่าทีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลว่า พรรคการเมืองใหม่ขอประกาศย้ำจุดยืนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือลดพระราชพระอำนาจและโครงสร้างที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์, การแก้ไขเพื่อฟอกความผิดให้กับนักการเมืองและพวกพ้อง และการแก้ไขที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อันเป็นจุดยืนเดียวกันกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ได้แถลงไปแล้วไม่น้อยกว่าสองครั้ง
ทั้งนี้ เห็นว่า ในสถานการณ์ของประเทศขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นใด ๆที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลมีปัญหามีภารกิจด้านอื่น ๆ อีกมากมายที่จะต้องไปแก้ไข ไม่ว่าปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ,ปัญหาเศรษฐกิจ,ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ฯลฯ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีวาระซ่อนเร้นรังแต่จะนำพาประเทศไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกของคนในชาติโดยไม่จำเป็น
“น่าเสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำรัฐบาล ไม่ได้ตัดสินใจให้เด็ดขาดในการประชุมสัมมนาใหญ่เมื่อ22 -23 ม.ค.2553 ที่ผ่านมา กลับโยนการตัดสินใจให้กับกรรมการบริหารพรรค กรณีนี้น่าจะเป็นการตอกย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้มีข้อตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางมาตราจริง ๆ “นายสำราญกล่าว
นายสำราญ กล่าวอีกว่า พรรคการเมืองใหม่ขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์แสดงความกล้าหาญทางการเมืองโดยยึดหลักการความชอบธรรมถูกต้องมากกว่าอย่างอื่น และไม่สมควรที่จะเกรงกลัวต่อการต่อรองทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล แม้ว่าอาจจะต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยแต่ก็เป็นทางเลือกที่สง่างามกว่าจะปล่อยให้การเมืองน้ำเน่าครอบงำหรือบงการ
**ชี้M79ฝีมือคนสนุนระบอบทักษิณ
นายสำราญ ยังกล่าวว่า เหตุการณ์ไอ้โม่งยิงเอ็ม 79 ถล่มกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2553 ทำให้เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของกองทัพบกถูกเหยียดหยามลบหลู่ สะท้อนให้เห็นถึงการสะสมปัญหา ความอ่อนแอของผู้นำกองทัพ การถูกกระทำของกองทัพในครั้งนี้ไม่เพียงทำให้กองทัพเสื่อมเสียเท่านั้นแต่ยังสั่นสะเทือนถึงสถาบันสำคัญของสังคมไทย ทำให้ประชาชนว้าเหว่สิ้นหวังอีกด้วย
ทั้งนี้เห็นว่า มีความเป็นไปได้มากว่าการยิงถล่มบก.ทบ.น่าจะเป็นการดำเนินการของคนที่สนับสนุนระบอบทักษิณโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อซ้ำเติมสถานการณ์ให้ร้อนแรง ยั่วยุให้เกิดการรัฐประหาร เพราะเป้าหมายการต่อสู้ของคนกลุ่มนี้คือการล้มรัฐบาล ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพื่อกลุ่มของตัวเองจะได้พ้นผิดและกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนี่ง คำประกาศของคนกลุ่มนี้ที่ว่าจะลุกฮือต่อต้านการรัฐประหารนั้นอาจจะเป็นไปได้ถ้าการรัฐประหารนั้นทำให้กลุ่มตัวเองถูกกวาดล้าง แต่หากรัฐประหารนั้นเอื้อประโยชน์หรือเป็นคุณกับฝ่ายตนเองการต่อต้านลุกฮือก็จะไม่เกิดขึ้น
**นช.แม้วเป็นแค่รัฐบาลพลัดหลง
นายสำราญ กล่าวด้วยว่า คำประกาศของทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ที่ประกาศจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นทันทีที่เกิดรัฐประหารเป็นเพียงวาทกรรมปลุกเร้ามวลชนธรรมดา ๆ เท่านั้น สิ่งที่ทักษิณจะทำได้น่าจะเป็นเพียง “รัฐบาลพลัดหลง” เท่านั้น
อย่างไรก็ตามพรรคการเมืองใหม่มีข้อเสนอ ความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ เห็นด้วยกับการบุกตรวจค้นจับกุมอาวุธและคนสนิทของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง แต่การดำเนินการดังกล่าวก็ยังไม่ได้ชี้ชัดว่าเสธ.แดงและลูกน้องเป็นคนยิงถล่มบก.ทบ.แต่ประการใดยังต้องสืบสวนสอบสวนและขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ต้องเร่งกอบกู้เกียรติภูมิของกองทัพบกด้วยการใช้ศักยภาพของผู้นำหน่วย อำนาจตามกฎหมายหาตัวคนร้ายที่ยิงบก.ทบ.มาให้ได้ ขณะเดียวกันต้องแสดงจุดยืนในการพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ตามรธน.มาตรา 77) ตลอดจนการปกครองบังคับบัญชากำลังพลให้เป็นทหารอาชีพที่มีระเบียบวินัย
**จี้มาร์ค-เทือกอย่าแย่งบทกันเล่น
ขณะเดียวกัน ผบ.ทบ.ต้องใช้เวลาที่เหลืออีก 8 เดือนก่อนเกษียณอายุราชการด้วยการเป็นแม่ทัพหรือผู้นำหน่วยที่เข้มแข็ง เด็ดขาด กล้าหาญที่จะจัดการกับความไม่ถูกต้อง มากกว่าที่จะนั่งนับถอยหลังรอวันเกษียณไปวันๆ
นายสำราญ กล่าวว่า ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อของสถานการณ์ล่อแหลมเช่นขณะนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะต้องแสดงภาวะผู้นำจัดการกับความเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินขอบเขตของกฎหมายกับทุกกลุ่ม และระหว่างนายกฯกับรองนายกฯด้านความมั่นคงควรจะเป็นเอกภาพในการกำกับ ขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคง มากกว่าที่จะทำให้คนเข้าใจว่า “แยกบทกันเล่น” ดังเช่นกรณีก.ตร.สวนทางมติปปช. เป็นต้น
วานนี้ (24 ม.ค.) นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ และนายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ร่วมแถลงท่าทีของพรรคประจำสัปดาห์ ที่ทำการพรรคย่านสะพานวันชาติ
นายประพันธ์ กล่าวว่า ในวันจันทร์ ที่ 25 มกราคม เวลา 09.00 น. ทราบว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือคัดค้านมติ ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่ให้รับ 3 นายพล กลับเข้ารับราชการ กับนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
**หนุนพธม.ต้านแก้รธน.ก๊วนการเมือง
ด้าน นายสำราญกล่าวถึงท่าทีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลว่า พรรคการเมืองใหม่ขอประกาศย้ำจุดยืนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือลดพระราชพระอำนาจและโครงสร้างที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์, การแก้ไขเพื่อฟอกความผิดให้กับนักการเมืองและพวกพ้อง และการแก้ไขที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อันเป็นจุดยืนเดียวกันกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ได้แถลงไปแล้วไม่น้อยกว่าสองครั้ง
ทั้งนี้ เห็นว่า ในสถานการณ์ของประเทศขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นใด ๆที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลมีปัญหามีภารกิจด้านอื่น ๆ อีกมากมายที่จะต้องไปแก้ไข ไม่ว่าปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ,ปัญหาเศรษฐกิจ,ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ฯลฯ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีวาระซ่อนเร้นรังแต่จะนำพาประเทศไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกของคนในชาติโดยไม่จำเป็น
“น่าเสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแกนนำรัฐบาล ไม่ได้ตัดสินใจให้เด็ดขาดในการประชุมสัมมนาใหญ่เมื่อ22 -23 ม.ค.2553 ที่ผ่านมา กลับโยนการตัดสินใจให้กับกรรมการบริหารพรรค กรณีนี้น่าจะเป็นการตอกย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้มีข้อตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางมาตราจริง ๆ “นายสำราญกล่าว
นายสำราญ กล่าวอีกว่า พรรคการเมืองใหม่ขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์แสดงความกล้าหาญทางการเมืองโดยยึดหลักการความชอบธรรมถูกต้องมากกว่าอย่างอื่น และไม่สมควรที่จะเกรงกลัวต่อการต่อรองทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล แม้ว่าอาจจะต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยแต่ก็เป็นทางเลือกที่สง่างามกว่าจะปล่อยให้การเมืองน้ำเน่าครอบงำหรือบงการ
**ชี้M79ฝีมือคนสนุนระบอบทักษิณ
นายสำราญ ยังกล่าวว่า เหตุการณ์ไอ้โม่งยิงเอ็ม 79 ถล่มกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2553 ทำให้เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของกองทัพบกถูกเหยียดหยามลบหลู่ สะท้อนให้เห็นถึงการสะสมปัญหา ความอ่อนแอของผู้นำกองทัพ การถูกกระทำของกองทัพในครั้งนี้ไม่เพียงทำให้กองทัพเสื่อมเสียเท่านั้นแต่ยังสั่นสะเทือนถึงสถาบันสำคัญของสังคมไทย ทำให้ประชาชนว้าเหว่สิ้นหวังอีกด้วย
ทั้งนี้เห็นว่า มีความเป็นไปได้มากว่าการยิงถล่มบก.ทบ.น่าจะเป็นการดำเนินการของคนที่สนับสนุนระบอบทักษิณโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อซ้ำเติมสถานการณ์ให้ร้อนแรง ยั่วยุให้เกิดการรัฐประหาร เพราะเป้าหมายการต่อสู้ของคนกลุ่มนี้คือการล้มรัฐบาล ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพื่อกลุ่มของตัวเองจะได้พ้นผิดและกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนี่ง คำประกาศของคนกลุ่มนี้ที่ว่าจะลุกฮือต่อต้านการรัฐประหารนั้นอาจจะเป็นไปได้ถ้าการรัฐประหารนั้นทำให้กลุ่มตัวเองถูกกวาดล้าง แต่หากรัฐประหารนั้นเอื้อประโยชน์หรือเป็นคุณกับฝ่ายตนเองการต่อต้านลุกฮือก็จะไม่เกิดขึ้น
**นช.แม้วเป็นแค่รัฐบาลพลัดหลง
นายสำราญ กล่าวด้วยว่า คำประกาศของทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ที่ประกาศจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นทันทีที่เกิดรัฐประหารเป็นเพียงวาทกรรมปลุกเร้ามวลชนธรรมดา ๆ เท่านั้น สิ่งที่ทักษิณจะทำได้น่าจะเป็นเพียง “รัฐบาลพลัดหลง” เท่านั้น
อย่างไรก็ตามพรรคการเมืองใหม่มีข้อเสนอ ความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ เห็นด้วยกับการบุกตรวจค้นจับกุมอาวุธและคนสนิทของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง แต่การดำเนินการดังกล่าวก็ยังไม่ได้ชี้ชัดว่าเสธ.แดงและลูกน้องเป็นคนยิงถล่มบก.ทบ.แต่ประการใดยังต้องสืบสวนสอบสวนและขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ต้องเร่งกอบกู้เกียรติภูมิของกองทัพบกด้วยการใช้ศักยภาพของผู้นำหน่วย อำนาจตามกฎหมายหาตัวคนร้ายที่ยิงบก.ทบ.มาให้ได้ ขณะเดียวกันต้องแสดงจุดยืนในการพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ตามรธน.มาตรา 77) ตลอดจนการปกครองบังคับบัญชากำลังพลให้เป็นทหารอาชีพที่มีระเบียบวินัย
**จี้มาร์ค-เทือกอย่าแย่งบทกันเล่น
ขณะเดียวกัน ผบ.ทบ.ต้องใช้เวลาที่เหลืออีก 8 เดือนก่อนเกษียณอายุราชการด้วยการเป็นแม่ทัพหรือผู้นำหน่วยที่เข้มแข็ง เด็ดขาด กล้าหาญที่จะจัดการกับความไม่ถูกต้อง มากกว่าที่จะนั่งนับถอยหลังรอวันเกษียณไปวันๆ
นายสำราญ กล่าวว่า ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อของสถานการณ์ล่อแหลมเช่นขณะนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะต้องแสดงภาวะผู้นำจัดการกับความเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินขอบเขตของกฎหมายกับทุกกลุ่ม และระหว่างนายกฯกับรองนายกฯด้านความมั่นคงควรจะเป็นเอกภาพในการกำกับ ขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคง มากกว่าที่จะทำให้คนเข้าใจว่า “แยกบทกันเล่น” ดังเช่นกรณีก.ตร.สวนทางมติปปช. เป็นต้น