โฆษกพรรคการเมืองใหม่ ประเมินเหตุไอ้โม่งยิงเอ็ม 79 ถล่ม บก.ทบ. ฝีมือคนหนุน “ระบอบทักษิณ” หวังตบหน้ากองทัพ ก่อให้เกิดรัฐประหาร เย้ยแนวคิด “นช.แม้ว” เป็นได้แค่รัฐบาลพลัดหลง จี้ “มาร์ค-เทือก” อย่าแย่งบทกันเล่นในสถานการณ์หัวเลี้ยวต่อ
วันนี้ (24 ม.ค.) นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวถึงเหตุการณ์ไอ้โม่งยิงเอ็ม 79 ถล่มกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2553 ทำให้เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของกองทัพบกถูกเหยียดหยามลบหลู่ สะท้อนให้เห็นถึงการสะสมปัญหา ความอ่อนแอของผู้นำกองทัพ การถูกกระทำของกองทัพในครั้งนี้ไม่เพียงทำให้กองทัพเสื่อมเสียเท่านั้น แต่ยังสั่นสะเทือนถึงสถาบันสำคัญของสังคมไทย ทำให้ประชาชนว้าเหว่สิ้นหวังอีกด้วย
ทั้งนี้เห็นว่า มีความเป็นไปได้มากว่าการยิงถล่ม บก.ทบ.น่าจะเป็นการดำเนินการของคนที่สนับสนุนระบอบทักษิณ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อซ้ำเติมสถานการณ์ให้ร้อนแรง ยั่วยุให้เกิดการรัฐประหาร เพราะเป้าหมายการต่อสู้ของคนกลุ่มนี้คือการล้มรัฐบาล ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพื่อกลุ่มของตัวเองจะได้พ้นผิดและกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนี่ง คำประกาศของคนกลุ่มนี้ที่ว่าจะลุกฮือต่อต้านการรัฐประหารนั้นอาจจะเป็นไปได้ ถ้าการรัฐประหารนั้นทำให้กลุ่มตัวเองถูกกวาดล้าง แต่หากรัฐประหารนั้นเอื้อประโยชน์หรือเป็นคุณกับฝ่ายตนเองการต่อต้านลุกฮือก็จะไม่เกิดขึ้น
นายสำราญกล่าวด้วยว่า คำประกาศของทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ที่ประกาศจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นทันทีที่เกิดรัฐประหาร เป็นเพียงวาทกรรมปลุกเร้ามวลชนธรรมดาๆ เท่านั้น สิ่งที่ทักษิณจะทำได้น่าจะเป็นเพียง “รัฐบาลพลัดหลง” เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองใหม่มีข้อเสนอความเห็นเพิ่มเติมดังนี้ เห็นด้วยกับการบุกตรวจค้นจับกุมอาวุธและคนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง แต่การดำเนินการดังกล่าวก็ยังไม่ได้ชี้ชัดว่า เสธ.แดงและลูกน้องเป็นคนยิงถล่ม บก.ทบ.แต่ประการใด ยังต้องสืบสวนสอบสวนและขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ต้องเร่งกอบกู้เกียรติภูมิของกองทัพบกด้วยการใช้ศักยภาพของผู้นำหน่วย อำนาจตามกฎหมายหาตัวคนร้ายที่ยิง บก.ทบ.มาให้ได้ ขณะเดียวกัน ต้องแสดงจุดยืนในการพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ตามรธน.มาตรา 77) ตลอดจนการปกครองบังคับบัญชากำลังพลให้เป็นทหารอาชีพที่มีระเบียบวินัย
ขณะเดียวกัน ผบ.ทบ.ต้องใช้เวลาที่เหลืออีก 8 เดือนก่อนเกษียณอายุราชการด้วยการเป็นแม่ทัพหรือผู้นำหน่วยที่เข้มแข็ง เด็ดขาด กล้าหาญที่จะจัดการกับความไม่ถูกต้อง มากกว่าที่จะนั่งนับถอยหลังรอวันเกษียณไปวันๆ
นายสำราญกล่าวว่า ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อของสถานการณ์ล่อแหลมเช่นขณะนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจะต้องแสดงภาวะผู้นำจัดการกับความเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินขอบเขตของกฎหมายกับทุกกลุ่ม และระหว่างนายกฯ กับรองนายกฯ ด้านความมั่นคงควรจะเป็นเอกภาพในการกำกับ ขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคง มากกว่าที่จะทำให้คนเข้าใจว่า “แยกบทกันเล่น” ดังเช่นกรณี ก.ตร.สวนทางมติ ป.ป.ช. เป็นต้น
ด้าน นายประพันธ์ คูณมี กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า ในวันจันทร์ ที่ 25 มกราคม เวลา 09.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือคัดค้านมติ ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ที่ให้รับ 3 นายพล กลับเข้ารับราชการ กับนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันปละปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.