นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯอภิสิทธิ์ กรณีที่ฮิวแมนไรท์วอทช์ เสนอรายงานประจำปี 2552 ระบุประเทศไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงว่า ความจริง ถ้าเอารายงานมาอ่านจะดูแล้วไม่รุนแรงเท่ากับคำแถลงข่าว หากติดตามเรื่อง สิทธิมนุษยชนอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน และข้อมูลก็อาจจะมีความคลาดเคลื่อนอยู่ 4 เรื่องสำคัญที่เขานำมากล่าวนั้น ก็ขอยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญเรื่อง สิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด โดย 4 เรื่องที่กล่าว อย่างเช่น เรื่องการจับตาการชุมนุม เรียกร้องทางการเมือง ที่ในรายงานเขียนไว้ชัดเจนว่าในช่วงเดือนเม.ย. 52 ที่มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะเริ่มมีการใช้ความรุนแรงจากผู้ชุมนุมและกับการการจัดในเรื่องนี้ ถ้าอ่านรวมๆ ก็จะเข้าใจผิดว่ามีคนเสียชีวิต 2 คน จากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่จริงไม่ใช่เป็นเรื่องการเสียชีวิตที่เกิดจากปัญหาการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับประชาชนในชุมชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องภาคใต้แม้ว่ายังมีสถานการณ์ความรุนแรง แต่ก็ลดลงและขณะเดียวกัน ระบบการจัดการและการเปลี่ยนแปลงในเรื่องกฎหมาย การใช้อำนาจพิเศษของรัฐบาลก็เป็นไปในทางที่จะช่วยดุแลคุ้มครองปกป้อง สิทธิมนุษยชนได้อย่างดียิ่งขึ้น รวมถึงเหตุการณ์ที่กระทบต่อจิตใจของประชาชน คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมัสยิดไอปาแยที่ขณะนี้การมอบตัวของผู้ที่รัฐบาลเคยออก หมายจับไว้ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเอาจริงเอาจัง กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ภาคใต้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่มีการพูดถึง กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาบรรดาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และการพิจารณาได้ทำอย่างรอบคอบ และจะดูเรื่องเจตนา โดยเฉพาะที่สำคัญก็คือจะไม่ให้มีการเอาเรื่องนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง ซึ่งตำรวจเองก็เข้าใจว่ารายงานของเขาอาจจะเขียนขึ้นก่อนที่จะมีการตั้งกลไกพิเศษเข้ามาดูแล ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขและทำความเข้าใจในด้านหนึ่ง ต่อไปในอนาคต
ส่วนเรื่องกฎหมายความมั่นคงนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมีการเข้าใจผิด บางครั้ง ไปเข้าใจว่ามีกฎหมายความมั่นคงแล้วจะตรวจสอบไม่ได้ หรือเป็นการห้ามสิทธิ การชุมนุม ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น การใช้กฎหมายความมั่นคงหรือการประกาศพื้นที่ความมั่นคง แต่ละครั้ง ไม่ได้ห้ามการชุมนุม เพราะทำให้เราสามารถบูรณาการ จัดการได้ และทุกครั้งที่มีการประกาศ ก็จะต้องทยอยการรายงานต่อสภา ไปในสมัยประชุมนี้
การประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่มักจะมีการออกมากล่าวว่าจะใช้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น ถ้ากลุ่มนี้มาชุมยนุมจะใช้ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมาไม่ใช้ ไม่จริง สังเกตดูจะเห็นว่าบางครั้งก็ใช้ บางครั้งก็ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับข่าวที่เราได้มา ผมมั่นใจในเรื่อง การดำเนินการ ในแนวทางของประเทศในเรื่องหลักธรรมาภิบาล ไม่เช่นนั้น เราคงไม่กล้าไปสมัครแข่งขันในการที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมาธิการที่จะดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนในสหประชาชาติที่ครม.เห็นชอบ เรื่องต่างๆ ที่เราสามารถ ดูแลได้ เราก็จะผ่อนผัน อย่างเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน แรงงานต่างด้าวที่กำลังจัดระบบ หรือเรื่องม้งที่เราส่งกลับลาว พบว่ามีความปลอดภัยดี ส.ส.ของสหรัฐฯ ก็เข้าไปดู ยืนยันว่าเป็นไปตามข้อตกลงต่างๆ
บัวแก้วซัดฮิวแมนไรท์วอทช์มองผิวเผิน
น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ เป็นเพียงฉบับหนึ่งในบรรดารายงานขององค์กร ด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ จำนวนมาก และในรายงานฉบับนี้เองไทยก็เป็นเพียงหนึ่ง ในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ที่ถูกกล่าวพาดพิง
น.ส.วิมล ตั้งข้อสังเกตุว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวสารนิเทศของฮิวแมนไรท์วอทช์ ที่เผยแพร่เอ็นจีโอกลุ่มนี้ให้ความสนใจเฉพาะด้านปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเท่านั้น ซึ่งแม้จะเป็นที่เข้าใจได้ แต่ข่าวสารนิเทศและเนื้อหาส่วนใหญ่ของรายงานเป็นการ กล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันโดยมองทุกเรื่องอย่างผิวเผิน และมิได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงต่างๆ และพัฒนาการที่เป็นบวกจำนวนมากในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นผลให้รายงานดังกล่าววาดภาพที่ไม่สมดุลเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ในไทย ซึ่งทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องว่าไทยกำลังก้าวถอยหลังในการปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
น.ส.วิมล กล่าวว่า พัฒนาการต่างๆ ที่ไทยประสบผลสำเร็จในรอบปีที่ผ่านมา ในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนตลอดจนสวัสดิการของประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่มีความจำเป็นต้องได้รับการปกป้อง ผ่านโครงการริเริ่มต่างๆ ของรัฐบาล เช่น โครงการเรียนฟรี 15 ปี และสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ การป้องกันความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และการลงทะเบียนบุตรแรงงานต่างด้าว เพื่อให้เด็กเหล่านี้ได้อยู่กับบิดามารดาในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ไทยในฐานะประธานอาเซียนยังสามารถผลักดันข้อริเริ่มต่างๆ จำนวนมากในอันที่จะส่งเสริมหลักการของสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาค อาทิ การจัดตั้งคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และการจัดการพบปะระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนภาคประชาสังคม ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยสำคัญในการ ทำให้อาเซียนเป็นองค์กรที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางตามที่ไทยได้ตั้งวิสัยทัศน์ไว้สำหรับการเป็นประธานอาเซียนของไทย
ชี้บางประเด็นพาดพิงไทยเกินจริง
บางประเด็นที่รายงานฉบับดังกล่าวได้พาดพิงไทยอย่างเกินจริง เช่น การใช้คำว่า ปราบปราม crack down) เมื่อกล่าวถึงการชุมนุมต่างๆ ทางการเมือง ซึ่งในเรื่องนี้นั้น แม้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะประสบปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แต่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า การเปิดให้ ประชาชนชาวไทยทุกคนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญซึ่งรวมถึงการแสดงความคิดเห็น ทางการเมืองและการชุมนุมโดยสงบ เป็นหลักการสำคัญที่รัฐบาลยึดมั่นมาโดยตลอด ทั้งนี้ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะใช้ความอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการใช้กำลังอย่างถึงที่สุด และแม้เมื่อรัฐบาลมีความจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ. ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมสถานการณ์จลาจลเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ก็ได้ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตของทุกๆ ฝ่าย โดยกระสุนจริงถูกใช้ในการยิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนให้ผู้ชุมนุมถอยจากบริเวณที่เกิดจลาจล และกระสุนปลอมจะถูกใช้เฉพาะในกรณีที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนเข้าหาเจ้าหน้าที่เท่านั้น ทั้งนี้ ผู้กระทำผิดมิว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองใดหรือกรณีใดก็ตาม ก็ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่มีการแบ่งแยกหรือใช้สองมาตรฐาน
ส่วนกรณีของจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อให้การใช้ กฎหมายพิเศษเป็นไปโดยโปร่งใส และได้ปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เพื่อให้สามารถ หาผู้รับผิดชอบในกรณีต่างๆ ที่มีการใช้อำนาจพิเศษโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้
นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับปรุงระบบการรับเรื่องร้องทุกข์เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ และการขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ. ฉุกเฉินในแต่ละครั้งจะต้องผ่านการพิจารณาประเมินอย่างละเอียดรอบคอบ ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เริ่มทดลองนำ พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ ซึ่งมีความเข้มงวดน้อยกว่า มาใช้แทนกฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 อำเภอของสงขลา ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้เนื้อหาของรายงานฉบับดังกล่าวของ HRW เองจะยอมรับความคืบหน้าในด้านการส่งเสริมความโปร่งใสของการบังคับใช้กฎหมายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ข่าวสารนิเทศของHRW กลับสื่อความหมายไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
น.ส.วิมล ยืนยันว่าไทยไม่ยินยอมให้ผู้กระทำผิดที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับโทษ ซึ่งเรื่องนี้ ฝ่ายต่างๆ ไม่ควรตั้งข้อสงสัยต่อความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย ในการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม ถึงแม้ว่ากระบวนการทางกฎหมายจะใช้เวลานานบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเป็นเช่นเดียวกับในประเทศอื่นๆ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มัสยิดอัลฟุรกอน จ. นราธิวาส รัฐบาลได้ประณามการกระทำดังกล่าว และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการสืบสวนโดยไม่ด่วนสรุปว่าเ ป็นการลงมือของกลุ่มใด ซึ่งเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ผู้ต้องสงสัยรายสำคัญก็ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่แล้ว ขณะเดียวกัน คดีการเสียชีวิตของนายยะผา กาเซ็ง ก็ได้ถูกส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว และนายทหารที่เกี่ยวข้องก็ได้รับการลงโทษทางวินัยไปแล้วในเบื้องต้น
กม.หมิ่นสถาบันตั้งกก.ขึ้นมาดูแลแล้ว
สำหรับเรื่องของกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ถูกอ้างถึงนั้น รัฐบาลตระหนักดีถึงปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว โดยรัฐบาลได้จัดตั้งกลไกขึ้นใหม่ ในรูปของคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันมิให้มีการตีความ กฎหมายนี้ตามอำเภอใจ หรือใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความชัดเจนในแง่ของการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีอยู่ เพื่อพิทักษ์สถาบันสำคัญของชาติที่ไม่สามารถป้องกันตนเองได้โดยวิธีการอื่น และป้องกันมิให้สถาบันถูกดึงเข้าสู่วังวนความขัดแย้งของประชาชน
ประเด็นสุดท้าย การส่งกลับชาวม้งลาว รายงานของ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ไม่ได้ ให้ความเป็นธรรมแก่ไทย โดยเฉพาะไม่ได้คำนึงการให้ความช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมที่ไทยได้ดำเนินมาอย่างยาวนาน และความรุนแรงของปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายที่ไทยต้องรับภาระมาโดยตลอด ปัจจุบัน ไทยยังคงให้ที่พักพิงแก่ผู้หนีภัยสู้รบชาวพม่ากว่า 100,000 คน ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ ที่ยืดเยื้อ และในขณะที่ไทยต้องรับภาระที่หนักหน่วงนี้ ไทยก็ยังคงร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดเพื่อหาทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง
แม้ว่าชาวม้งลาวเหล่านี้จะอยู่ในฐานะผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไทย แต่ไทยก็ได้ให้ที่พักพิงและร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศตลอดจนเอ็นจีโอต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาอย่างไม่หยุดยั้ง และในการหาทางออกระยะยาวที่ยั่งยืน ไทยได้รอจนกระทั่งได้รับความมั่นใจว่าชาวม้งลาวเหล่านี้จะได้รับความปลอดภัยและสามารถเดินทางต่อไปยังประเทศที่สามได้ ก่อนที่ไทยจะตัดสินใจดำเนินการส่งกลับดังกล่าว
น.ส.วิมล กล่าวว่าการดำเนินการส่งกลับเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2552 ที่ผ่านมา ก็ได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เป็นระบบ และปลอดภัย บนพื้นฐานของการเคารพ หลักสิทธิมนุษยชนและหลักการด้านมนุษยธรรม โดยมิได้มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการ ขณะเดียวกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การดำเนินการทั้งหมดได้รับความเข้าใจและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกลุ่มชาวม้งลาว โดยไม่ปรากฏข่าวว่า ชาวม้งลาวกลุ่มนี้ หรือกลุ่มที่ได้เดินทางกลับไปก่อนในช่วงรอบปีที่ผ่านมา ประสบความยุ่งยากลำบากใดๆ และด้วยคำมั่นสัญญาของรัฐบาลลาว ประเทศที่สามอื่นๆ ก็ยังมีโอกาสที่จะรับชาวม้งลาวที่เดินทางกลับเหล่านี้ ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศของตน
ฮิวแมนไรท์ฯซัดเสื้อแดงจุดชนวนป่วน
ด้าน นายสุนัย ผาสุข ผู้ประสานงานฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไท อ้างว่าคนที่วิจารณ์รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ ยังไม่เห็นฉบับเต็มซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ เห็นแต่เพียงฉบับคัดย่อที่แปลมาเป็นภาษาไทย จึงวิจารณ์กันไปเลอะเทอะ โดยใช้อารมณ์ ส่วนฉบับเต็มขณะนี้ส่งถึงกระทรวงการต่างประเทศแล้ว
นายสุนัย กล่าวว่า รายงานของฮิวแมนไรต์ฯ ได้บรรยายสถานการณ์ด้าน สิทธิมนุษยชนในประเทศอย่างครบถ้วนรอบด้าน ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า คาดว่า นายกรัฐมนตรีจะได้เห็นแล้ว โดยเฉพาะเหตุการณ์ในเดือนเม.ย.2552 นั้นเราไม่ได้ บอกว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายผิด แต่ได้รายงานว่าจุดเริ่มต้นคือกลุ่มคนเสื้อแดงล้มการประชุมที่พัทยา มีการโจมตีขบวนรถของนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย ขณะที่มีกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินเป็นปัจจัย
ส่วนการเสียชีวิต 2 ศพ ก็มาจากการปะทะกันของคนเสื้อแดงกับประชาชนที่รักท้องถิ่นในตลาดนางเลิ้งไม่ได้บอกว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล เรารายงานอย่างรอบด้าน ไม่ได้มุ่งโจมตีด้านใดด้านหนึ่งเพราะเหตุการณ์ความรุนแรงนั้นเป็นเรื่องที่ตบมือข้างเดียวไม่ดัง แน่นอน
รัฐบาลสามารถวิจารณ์เรากลับได้ แต่อย่าใช้อารมณ์ แต่ต้องใช้โอกาสนี้ ชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ยืนยันว่าการหาข้อมูลของฮิวแมนไรท์วอทช์ เพื่อสรุปเป็น รายงานนั้นไม่เคยเข้าข้างใดข้างหนึ่งเป็นพิเศษ เราฟังข้อมูลจากทุกแหล่งก่อนจะกลั่นกรองมาเป็นข้อสรุป อย่างกรณีภาคใต้นั้น เราก็วิจารณ์ ทุกรัฐบาลที่เข้ามาเพราะไม่มีรัฐบาลใดแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาของรัฐบาลนี้คือเข้ามาในสภาวะที่ประชาชนคาดหวังว่าจะคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแต่กลับยังทำให้เห็นไม่ชัดเจนนัก สังคมจึงค่อนข้างผิดหวัง” นายสุนัย กล่าว
เด็กแม้วปัดลูกพี่อยู่เบื้องหลังฮิวเมนไรท์
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ สะท้อนให้เห็นว่าต่างชาติมีความเป็นห่วง เรื่องการใช้กฎหมาย ที่ไม่เท่าเทียมกัน เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงหรือพรรคเพื่อไทยพูด นายอภิสิทธิ์ ก็ทำเป็นหูทวนลม แต่เมื่อต่างชาติท้วงติงกลับโยนความผิดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงและพ.ต.ท.ทักษิณ
ส่วนกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลกับฮิวแมน ไรต์วอตช์ และเป็นไปในทำนอง เดียวกับนายอภิสิทธิ์ที่ให้สัมภาษณ์ว่าไปได้ข้อมูลจากใครมานั้น ขอชี้อแจงว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวข้องและไม่เคยให้ข้อมูลใดๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นทุกคน สามารถรับรู้และเห็นได้โดยไม่ต้องมีใครไปบอก
สำหรับกรณีที่รัฐบาลส่งชาวม้งกลับประเทศลาวในลักษณะข่มขืนใจนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับองค์การสหประชาชาติและสหรัฐอเมริกา ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยเสียหายหนักขึ้นไปอีก จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์หยุดปัดความรับผิดชอบและโยนบาปให้พ.ต.ท.ทักษิณเสียที
พท.มั่วนิ่มกล่าวหารัฐบาล2มาตรฐาน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเช่นกันว่ารายงานของฮิมแนไรท์วอทช์ เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงของรัฐบาลไทย สะท้อนให้เห็นถึงการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกันเป็นการปฏิบัติเป็น 2 มาตรฐานของรัฐบาลที่มีต่อคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดง จนผู้อำนวยการ ฮิวแมน ไรต์วอตช์ เอเชีย โจมตีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า 2 มาตรฐาน บั่นทอนสิทธิมนุษย์ชนและนิติธรรมนั้นขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคดีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างจริงจังเหมือนกับที่ดำเนินการกับคนเสื้อแดง อย่าเลือกปฏิบัติ 2 มาตรฐานหรือไร้มาตรฐานเพื่อสร้างความเป็นธรรมอย่างทียมกัน ลดความขัดแย้ง การเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการปะทะของประชาชนในอนาคต รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาชาติ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องภาคใต้แม้ว่ายังมีสถานการณ์ความรุนแรง แต่ก็ลดลงและขณะเดียวกัน ระบบการจัดการและการเปลี่ยนแปลงในเรื่องกฎหมาย การใช้อำนาจพิเศษของรัฐบาลก็เป็นไปในทางที่จะช่วยดุแลคุ้มครองปกป้อง สิทธิมนุษยชนได้อย่างดียิ่งขึ้น รวมถึงเหตุการณ์ที่กระทบต่อจิตใจของประชาชน คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมัสยิดไอปาแยที่ขณะนี้การมอบตัวของผู้ที่รัฐบาลเคยออก หมายจับไว้ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเอาจริงเอาจัง กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ภาคใต้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่มีการพูดถึง กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาบรรดาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และการพิจารณาได้ทำอย่างรอบคอบ และจะดูเรื่องเจตนา โดยเฉพาะที่สำคัญก็คือจะไม่ให้มีการเอาเรื่องนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง ซึ่งตำรวจเองก็เข้าใจว่ารายงานของเขาอาจจะเขียนขึ้นก่อนที่จะมีการตั้งกลไกพิเศษเข้ามาดูแล ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขและทำความเข้าใจในด้านหนึ่ง ต่อไปในอนาคต
ส่วนเรื่องกฎหมายความมั่นคงนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมีการเข้าใจผิด บางครั้ง ไปเข้าใจว่ามีกฎหมายความมั่นคงแล้วจะตรวจสอบไม่ได้ หรือเป็นการห้ามสิทธิ การชุมนุม ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น การใช้กฎหมายความมั่นคงหรือการประกาศพื้นที่ความมั่นคง แต่ละครั้ง ไม่ได้ห้ามการชุมนุม เพราะทำให้เราสามารถบูรณาการ จัดการได้ และทุกครั้งที่มีการประกาศ ก็จะต้องทยอยการรายงานต่อสภา ไปในสมัยประชุมนี้
การประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่มักจะมีการออกมากล่าวว่าจะใช้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น ถ้ากลุ่มนี้มาชุมยนุมจะใช้ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมาไม่ใช้ ไม่จริง สังเกตดูจะเห็นว่าบางครั้งก็ใช้ บางครั้งก็ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับข่าวที่เราได้มา ผมมั่นใจในเรื่อง การดำเนินการ ในแนวทางของประเทศในเรื่องหลักธรรมาภิบาล ไม่เช่นนั้น เราคงไม่กล้าไปสมัครแข่งขันในการที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมาธิการที่จะดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนในสหประชาชาติที่ครม.เห็นชอบ เรื่องต่างๆ ที่เราสามารถ ดูแลได้ เราก็จะผ่อนผัน อย่างเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน แรงงานต่างด้าวที่กำลังจัดระบบ หรือเรื่องม้งที่เราส่งกลับลาว พบว่ามีความปลอดภัยดี ส.ส.ของสหรัฐฯ ก็เข้าไปดู ยืนยันว่าเป็นไปตามข้อตกลงต่างๆ
บัวแก้วซัดฮิวแมนไรท์วอทช์มองผิวเผิน
น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ เป็นเพียงฉบับหนึ่งในบรรดารายงานขององค์กร ด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ จำนวนมาก และในรายงานฉบับนี้เองไทยก็เป็นเพียงหนึ่ง ในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ที่ถูกกล่าวพาดพิง
น.ส.วิมล ตั้งข้อสังเกตุว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวสารนิเทศของฮิวแมนไรท์วอทช์ ที่เผยแพร่เอ็นจีโอกลุ่มนี้ให้ความสนใจเฉพาะด้านปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเท่านั้น ซึ่งแม้จะเป็นที่เข้าใจได้ แต่ข่าวสารนิเทศและเนื้อหาส่วนใหญ่ของรายงานเป็นการ กล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันโดยมองทุกเรื่องอย่างผิวเผิน และมิได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงต่างๆ และพัฒนาการที่เป็นบวกจำนวนมากในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นผลให้รายงานดังกล่าววาดภาพที่ไม่สมดุลเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ในไทย ซึ่งทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องว่าไทยกำลังก้าวถอยหลังในการปกป้อง และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
น.ส.วิมล กล่าวว่า พัฒนาการต่างๆ ที่ไทยประสบผลสำเร็จในรอบปีที่ผ่านมา ในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนตลอดจนสวัสดิการของประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่มีความจำเป็นต้องได้รับการปกป้อง ผ่านโครงการริเริ่มต่างๆ ของรัฐบาล เช่น โครงการเรียนฟรี 15 ปี และสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ การป้องกันความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และการลงทะเบียนบุตรแรงงานต่างด้าว เพื่อให้เด็กเหล่านี้ได้อยู่กับบิดามารดาในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ไทยในฐานะประธานอาเซียนยังสามารถผลักดันข้อริเริ่มต่างๆ จำนวนมากในอันที่จะส่งเสริมหลักการของสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาค อาทิ การจัดตั้งคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และการจัดการพบปะระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้แทนภาคประชาสังคม ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยสำคัญในการ ทำให้อาเซียนเป็นองค์กรที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางตามที่ไทยได้ตั้งวิสัยทัศน์ไว้สำหรับการเป็นประธานอาเซียนของไทย
ชี้บางประเด็นพาดพิงไทยเกินจริง
บางประเด็นที่รายงานฉบับดังกล่าวได้พาดพิงไทยอย่างเกินจริง เช่น การใช้คำว่า ปราบปราม crack down) เมื่อกล่าวถึงการชุมนุมต่างๆ ทางการเมือง ซึ่งในเรื่องนี้นั้น แม้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะประสบปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แต่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า การเปิดให้ ประชาชนชาวไทยทุกคนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญซึ่งรวมถึงการแสดงความคิดเห็น ทางการเมืองและการชุมนุมโดยสงบ เป็นหลักการสำคัญที่รัฐบาลยึดมั่นมาโดยตลอด ทั้งนี้ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะใช้ความอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการใช้กำลังอย่างถึงที่สุด และแม้เมื่อรัฐบาลมีความจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ. ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมสถานการณ์จลาจลเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ก็ได้ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตของทุกๆ ฝ่าย โดยกระสุนจริงถูกใช้ในการยิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนให้ผู้ชุมนุมถอยจากบริเวณที่เกิดจลาจล และกระสุนปลอมจะถูกใช้เฉพาะในกรณีที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนเข้าหาเจ้าหน้าที่เท่านั้น ทั้งนี้ ผู้กระทำผิดมิว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองใดหรือกรณีใดก็ตาม ก็ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่มีการแบ่งแยกหรือใช้สองมาตรฐาน
ส่วนกรณีของจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อให้การใช้ กฎหมายพิเศษเป็นไปโดยโปร่งใส และได้ปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เพื่อให้สามารถ หาผู้รับผิดชอบในกรณีต่างๆ ที่มีการใช้อำนาจพิเศษโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้
นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับปรุงระบบการรับเรื่องร้องทุกข์เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ และการขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.บ. ฉุกเฉินในแต่ละครั้งจะต้องผ่านการพิจารณาประเมินอย่างละเอียดรอบคอบ ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เริ่มทดลองนำ พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ ซึ่งมีความเข้มงวดน้อยกว่า มาใช้แทนกฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 อำเภอของสงขลา ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้เนื้อหาของรายงานฉบับดังกล่าวของ HRW เองจะยอมรับความคืบหน้าในด้านการส่งเสริมความโปร่งใสของการบังคับใช้กฎหมายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ข่าวสารนิเทศของHRW กลับสื่อความหมายไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
น.ส.วิมล ยืนยันว่าไทยไม่ยินยอมให้ผู้กระทำผิดที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ต้องรับโทษ ซึ่งเรื่องนี้ ฝ่ายต่างๆ ไม่ควรตั้งข้อสงสัยต่อความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย ในการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม ถึงแม้ว่ากระบวนการทางกฎหมายจะใช้เวลานานบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเป็นเช่นเดียวกับในประเทศอื่นๆ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มัสยิดอัลฟุรกอน จ. นราธิวาส รัฐบาลได้ประณามการกระทำดังกล่าว และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการสืบสวนโดยไม่ด่วนสรุปว่าเ ป็นการลงมือของกลุ่มใด ซึ่งเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ผู้ต้องสงสัยรายสำคัญก็ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่แล้ว ขณะเดียวกัน คดีการเสียชีวิตของนายยะผา กาเซ็ง ก็ได้ถูกส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว และนายทหารที่เกี่ยวข้องก็ได้รับการลงโทษทางวินัยไปแล้วในเบื้องต้น
กม.หมิ่นสถาบันตั้งกก.ขึ้นมาดูแลแล้ว
สำหรับเรื่องของกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ถูกอ้างถึงนั้น รัฐบาลตระหนักดีถึงปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว โดยรัฐบาลได้จัดตั้งกลไกขึ้นใหม่ ในรูปของคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันมิให้มีการตีความ กฎหมายนี้ตามอำเภอใจ หรือใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความชัดเจนในแง่ของการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีอยู่ เพื่อพิทักษ์สถาบันสำคัญของชาติที่ไม่สามารถป้องกันตนเองได้โดยวิธีการอื่น และป้องกันมิให้สถาบันถูกดึงเข้าสู่วังวนความขัดแย้งของประชาชน
ประเด็นสุดท้าย การส่งกลับชาวม้งลาว รายงานของ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ไม่ได้ ให้ความเป็นธรรมแก่ไทย โดยเฉพาะไม่ได้คำนึงการให้ความช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมที่ไทยได้ดำเนินมาอย่างยาวนาน และความรุนแรงของปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายที่ไทยต้องรับภาระมาโดยตลอด ปัจจุบัน ไทยยังคงให้ที่พักพิงแก่ผู้หนีภัยสู้รบชาวพม่ากว่า 100,000 คน ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ ที่ยืดเยื้อ และในขณะที่ไทยต้องรับภาระที่หนักหน่วงนี้ ไทยก็ยังคงร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดเพื่อหาทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง
แม้ว่าชาวม้งลาวเหล่านี้จะอยู่ในฐานะผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไทย แต่ไทยก็ได้ให้ที่พักพิงและร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศตลอดจนเอ็นจีโอต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาอย่างไม่หยุดยั้ง และในการหาทางออกระยะยาวที่ยั่งยืน ไทยได้รอจนกระทั่งได้รับความมั่นใจว่าชาวม้งลาวเหล่านี้จะได้รับความปลอดภัยและสามารถเดินทางต่อไปยังประเทศที่สามได้ ก่อนที่ไทยจะตัดสินใจดำเนินการส่งกลับดังกล่าว
น.ส.วิมล กล่าวว่าการดำเนินการส่งกลับเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2552 ที่ผ่านมา ก็ได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เป็นระบบ และปลอดภัย บนพื้นฐานของการเคารพ หลักสิทธิมนุษยชนและหลักการด้านมนุษยธรรม โดยมิได้มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการ ขณะเดียวกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การดำเนินการทั้งหมดได้รับความเข้าใจและความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกลุ่มชาวม้งลาว โดยไม่ปรากฏข่าวว่า ชาวม้งลาวกลุ่มนี้ หรือกลุ่มที่ได้เดินทางกลับไปก่อนในช่วงรอบปีที่ผ่านมา ประสบความยุ่งยากลำบากใดๆ และด้วยคำมั่นสัญญาของรัฐบาลลาว ประเทศที่สามอื่นๆ ก็ยังมีโอกาสที่จะรับชาวม้งลาวที่เดินทางกลับเหล่านี้ ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศของตน
ฮิวแมนไรท์ฯซัดเสื้อแดงจุดชนวนป่วน
ด้าน นายสุนัย ผาสุข ผู้ประสานงานฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไท อ้างว่าคนที่วิจารณ์รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ ยังไม่เห็นฉบับเต็มซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ เห็นแต่เพียงฉบับคัดย่อที่แปลมาเป็นภาษาไทย จึงวิจารณ์กันไปเลอะเทอะ โดยใช้อารมณ์ ส่วนฉบับเต็มขณะนี้ส่งถึงกระทรวงการต่างประเทศแล้ว
นายสุนัย กล่าวว่า รายงานของฮิวแมนไรต์ฯ ได้บรรยายสถานการณ์ด้าน สิทธิมนุษยชนในประเทศอย่างครบถ้วนรอบด้าน ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า คาดว่า นายกรัฐมนตรีจะได้เห็นแล้ว โดยเฉพาะเหตุการณ์ในเดือนเม.ย.2552 นั้นเราไม่ได้ บอกว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายผิด แต่ได้รายงานว่าจุดเริ่มต้นคือกลุ่มคนเสื้อแดงล้มการประชุมที่พัทยา มีการโจมตีขบวนรถของนายกรัฐมนตรีที่กระทรวงมหาดไทย ขณะที่มีกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินเป็นปัจจัย
ส่วนการเสียชีวิต 2 ศพ ก็มาจากการปะทะกันของคนเสื้อแดงกับประชาชนที่รักท้องถิ่นในตลาดนางเลิ้งไม่ได้บอกว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล เรารายงานอย่างรอบด้าน ไม่ได้มุ่งโจมตีด้านใดด้านหนึ่งเพราะเหตุการณ์ความรุนแรงนั้นเป็นเรื่องที่ตบมือข้างเดียวไม่ดัง แน่นอน
รัฐบาลสามารถวิจารณ์เรากลับได้ แต่อย่าใช้อารมณ์ แต่ต้องใช้โอกาสนี้ ชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ยืนยันว่าการหาข้อมูลของฮิวแมนไรท์วอทช์ เพื่อสรุปเป็น รายงานนั้นไม่เคยเข้าข้างใดข้างหนึ่งเป็นพิเศษ เราฟังข้อมูลจากทุกแหล่งก่อนจะกลั่นกรองมาเป็นข้อสรุป อย่างกรณีภาคใต้นั้น เราก็วิจารณ์ ทุกรัฐบาลที่เข้ามาเพราะไม่มีรัฐบาลใดแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาของรัฐบาลนี้คือเข้ามาในสภาวะที่ประชาชนคาดหวังว่าจะคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแต่กลับยังทำให้เห็นไม่ชัดเจนนัก สังคมจึงค่อนข้างผิดหวัง” นายสุนัย กล่าว
เด็กแม้วปัดลูกพี่อยู่เบื้องหลังฮิวเมนไรท์
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ สะท้อนให้เห็นว่าต่างชาติมีความเป็นห่วง เรื่องการใช้กฎหมาย ที่ไม่เท่าเทียมกัน เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงหรือพรรคเพื่อไทยพูด นายอภิสิทธิ์ ก็ทำเป็นหูทวนลม แต่เมื่อต่างชาติท้วงติงกลับโยนความผิดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงและพ.ต.ท.ทักษิณ
ส่วนกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นผู้ให้ข้อมูลกับฮิวแมน ไรต์วอตช์ และเป็นไปในทำนอง เดียวกับนายอภิสิทธิ์ที่ให้สัมภาษณ์ว่าไปได้ข้อมูลจากใครมานั้น ขอชี้อแจงว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวข้องและไม่เคยให้ข้อมูลใดๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นทุกคน สามารถรับรู้และเห็นได้โดยไม่ต้องมีใครไปบอก
สำหรับกรณีที่รัฐบาลส่งชาวม้งกลับประเทศลาวในลักษณะข่มขืนใจนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับองค์การสหประชาชาติและสหรัฐอเมริกา ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยเสียหายหนักขึ้นไปอีก จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์หยุดปัดความรับผิดชอบและโยนบาปให้พ.ต.ท.ทักษิณเสียที
พท.มั่วนิ่มกล่าวหารัฐบาล2มาตรฐาน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเช่นกันว่ารายงานของฮิมแนไรท์วอทช์ เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงของรัฐบาลไทย สะท้อนให้เห็นถึงการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกันเป็นการปฏิบัติเป็น 2 มาตรฐานของรัฐบาลที่มีต่อคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดง จนผู้อำนวยการ ฮิวแมน ไรต์วอตช์ เอเชีย โจมตีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า 2 มาตรฐาน บั่นทอนสิทธิมนุษย์ชนและนิติธรรมนั้นขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคดีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างจริงจังเหมือนกับที่ดำเนินการกับคนเสื้อแดง อย่าเลือกปฏิบัติ 2 มาตรฐานหรือไร้มาตรฐานเพื่อสร้างความเป็นธรรมอย่างทียมกัน ลดความขัดแย้ง การเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงการปะทะของประชาชนในอนาคต รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาชาติ