นายกฯ ตอก “ฮิวแมนไรต์วอตช์” ถูกเสี้ยมข้อมูลกล่าวหาไทยละเมิดสิทธิการชุมนุม ยันรัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ปิดกั้นสิทธิการชุมนุมทางการเมือง ย้ำจำเป็นต้องใช้ กม.ความมั่นคงก็เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ย้ำรัฐบาลสนองพระราชดำรัสยึดความซื่อสัตย์บริหารประเทศ กำจัดคอร์รัปชัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์"
วันนี้ (20 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ว่าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้นำรัฐมนตรีที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งรัฐมนตรีได้น้อมรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม นอกจากนี้ยังนำพระราชดำรัสไปเน้นย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ตระหนักถึงความซื่อสัตย์ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลดำเนินไปได้ด้วยดี
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงการแจ้งเบาะแสทุจริตที่ประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า ได้ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว โดยจะดำเนินการทุกเรื่องให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งเป็นความตั้งใจของรัฐบาล ที่ต้องการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นอย่างจริงจัง
ในส่วนของภาวะเศรษฐกิจ นับว่ามีสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเกินเป้าในปีงบประมาณนี้ คาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท นั่นก็หมายถึงภาวะเศรษฐกืจที่จะกระเตื้องขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าผลักดันสังคมสวัสดิการ ก็เพื่อให้ประชาชนมีหลักประกัน ทั้งในเรื่องค่ารักษาพยาบาล การศึกษา การประกันรายได้ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ฯลฯ ให้เท่าเทียมกันในปี 2560 ซึ่งจะเร่งจัดทำแผนในอีก 3 เดือนข้างหน้า
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบเงิน 1 แสนเหรียญ เพื่อให้การช่วยเหลือเฮติ หลังประสบภัยวิบัติแผ่นดินไหว นอกจากนี้ยังให้การช่วยเหลือส่งข้าวจำนวน 5 หมื่นตัน มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ในส่วนของแพทย์และทหารช่างก็พร้อม แต่อยู่ในระหว่างการประสานงาน ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตั้งกองทุนเพื่อรับบริจาคสำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือผู้ประสบภัย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่องค์การฮิวแมนไรต์วอตช์เสนอรายงานประจำปี 2552 ระบุประเทศไทยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงนั้น ว่าความจริงถ้าเอารายงานมาอ่านจะดูแล้วไม่รุนแรงเท่ากับคำแถลงข่าว หากติดตามเรื่องสิทธิมนุษยชนอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน และข้อมูลก็อาจจะมีความคลาดเคลื่อนอยู่ 4 เรื่องสำคัญที่เขานำมากล่าวนั้น ก็ขอยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด โดย 4 เรื่องที่กล่าว อย่างเช่น เรื่องการจับตาการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง ที่ในรายงานเขียนไว้ชัดเจนว่าในช่วงเดือนเม.ย. 52 ที่มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะเริ่มมีการใช้ความรุนแรงจากผู้ชุมนุมและกับการจัดในเรื่องนี้ ถ้าอ่านรวมๆ ก็จะเข้าใจผิดว่ามีคนเสียชีวิต 2 คน จากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่จริงไม่ใช่เป็นเรื่องการเสียชีวิตที่เกิดจากปัญหาการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับประชาชนในชุมชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องภาคใต้แม้ว่ายังมีสถานการณ์ความรุนแรง แต่ก็ลดลงและขณะเดียวกัน ระบบการจัดการและการเปลี่ยนแปลงในเรื่องกฎหมาย การใช้อำนาจพิเศษของรัฐบาล ก็เป็นไปในทางที่จะช่วยดุแลคุ้มครองปกป้องสิทธิมนุษยชนได้อย่างดียิ่งขึ้น รวมถึงเหตุการณ์ที่กระทบต่อจิตใจของประชาชน คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมัสยิดไอปาแยที่ขณะนี้การมอบตัวของผู้ที่รัฐบาลเคยออกหมายจับไว้ ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเอาจริงเอาจัง กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ภาคใต้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่มีการพูดถึงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รัฐบาลนี้เข้ามาบรรดาเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น และการพิจารณาได้ทำอย่างรอบคอบ และจะดูเรื่องเจตนา โดยเฉพาะที่สำคัญก็คือจะไม่ให้มีการเอาเรื่องนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งตำรวจเองก็เข้าใจว่ารายงานของเขาอาจจะเขียนขึ้นก่อนที่จะมีการตั้งกลไกพิเศษเข้ามาดูแล ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขและทำความเข้าใจในด้านหนึ่งต่อไปในอนาคต
ส่วนเรื่องกฎหมายความมั่นคงนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมีการเข้าใจผิด บางครั้งไปเข้าใจว่ามีกฎหมายความมั่นคงแล้วจะตรวจสอบไม่ได้ หรือเป็นการห้ามสิทธิการชุมนุม ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นตามนั้น การใช้กฎหมายความมั่นคงหรือการประกาศพื้นที่ความมั่นคง แต่ละครั้ง ไม่ได้ห้ามการชุมนุม เพราะทำให้เราสามารถบูรณาการจัดการได้ และทุกครั้งที่มีการประกาศ ก็จะต้องทยอยการรายงานต่อสภา ไปในสมัยประชุมนี้
“การประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่มักจะมีการออกมากล่าวว่าจะใช้กับคนบางกลุ่มเท่านั้น ถ้ากลุ่มนี้มาชุมยนุมจะใช้ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมาไม่ใช้ ไม่จริง สังเกตดูจะเห็นว่าบางครั้งก็ใช้ บ่งครั้งก็ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับข่าวที่เราได้มา ผมมั่นใจในเรื่องการดำเนินการ ในแนวทางของประเทศในเรื่องหลักธรรมาภิบาล ไม่เช่นนั้น เราคงไม่กล้าไปสมัครแข่งขันในการที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมาธิการที่จะดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนในสหประชาชาติที่ครม.เห็นชอบ เรื่องต่างๆที่เราสามารถดูแลได้ เราก็จะผ่อนผัน อย่างเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน แรงงานต่างด้าวที่กำลังจัดระบบ หรือเรื่องม้งที่เราส่งกลับลาว พบว่ามีความปลอดภัยดี ส.ส.ของสหรัฐฯ ก็เข้าไปดู ยืนยันว่าเป็นไปตามข้อตกลงต่างๆ”นายอภิสิทธิ์กล่าว
ช่วงสุดท้ายได้นำเทปบันทึกรายการระหว่างนายกฯ ลงพื้นที่แก้ปัญหาเพลี้ยกระโดดระบาดที่ จ.นนทบุรี และปทุมธานี