ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนเข้าให้ถ้อยคำ ต่อคณะกรรมการไต่สวน กกต.กรณีถูกร้องเรียนว่าปราศรัยหาเสียงระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง โดยอ้างว่า สมัยที่ไปหาเสียง ให้พรรคเพื่อไทย ที่จ.สกลนคร ตนปราศรัยแบบประชดประชันเพราะพรรคเพื่อไทย ถูกดูหมิ่น ดูแคลนจากหลายพรรคว่าเป็นพรรคหัวขาด ไม่มีหัวหน้าพรรค จึงพูดประชดไปว่าหัวหน้าพรรคอยู่ที่นครดูไบ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี พำนักอยู่ต่างประเทศ และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งห้ามดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง 5 ปี การปราศรัยของตน จึงเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นไปไม่ได้ เพราะทางนิตินัย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอยู่
ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมกรณีที่คนถูกเว้นวรรคทางการเมืองอย่าง นายบรรหาร ศิลปะอาชา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนายเนวิน ชิดชอบ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่มีคนร้องเรียน ทั้งที่มีความชัดเจนมากกว่ากรณีพรรคเพื่อไทย กกต.ก็ต้องตรวจสอบด้วย
พ.ต.ท.ทักษิณ ก็โทรมาปรับทุกข์ บอกว่าก่อนหน้านี้เราเคยโหวตโน และไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญปี 50 แต่หลายฝ่ายกลับนำมาร้องเรียน แบบนี้สังคมจะอยู่ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายทำอะไรได้หมด ไปประชุมกันที่บ้านพิษณุโลก โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาวีวะ เป็นประธาน เปิดโรงแรม 3-4 รอบกินข้าวกันกลับไม่เป็นไร
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีการพิจารณาเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านของกกต.ว่า ขอฝากไปยังนายอภิชาต สุขขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้อ่านสำนวนที่ดีเอสไอส่งมาให้ละเอียด เพราะตนไม่ใช่คนร้องเรียน แต่ดีเอสไอได้สอบพบว่ามีการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ โดยพบว่าพรรคประชาธิปัตย์ รับเงินบริจาคเข้ามาโดยไม่แจ้ง กกต. และพบว่า นำเงิน สนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาทของ กกต.ไปใช้ผิดประเภท เพราะถ้าประธาน กกต. อ่านกฎหมายยังไม่เป็น บ้านเมืองมีปัญหาแน่
ที่ผ่านมาผมไม่เคยเล่นการเมืองนอกสภา แต่ถ้า กกต. ละเลยเรื่องอย่างนี้ แล้วมาเข้มงวดกวดขันกับพวกผมขอถามว่า เหตุใดนายอภิชาต ไม่เรียก ดีเอสไอ กรมสรรพากร มาให้ปากคำ เพื่อจะได้ทราบสาเหตุว่าเหตุใด ดีเอสไอจึงส่งสำนวนมาให้ กกต. ตรวจสอบ เพราะดีเอสไอ ก็สอบชัดพบว่าเงินดังกล่าวถูกนำมาเลือกตั้ง ส.ก. ,ส.ข. เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์
ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวว่า กกต.ทำงานแบบนี้ ทำให้คนติฉินนินทา เกิดความเสื่อม ที่สำคัญสุด คิดว่านายอภิชาต คงความจำเสื่อม เพราะในอดีตเคยมีผู้พิพากษา ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้ว มาบอกตนที่เวลานั้นเป็นรมว.ยุติธรรม ว่านายอภิชาต เป็นคนดี จึงเสนอต่อคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) พิจารณาเห็นชอบให้เป็น อธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค 5 แต่นายอภิชาต กลับบอกว่า รมว.ยุติธรรม มีหน้าที่เพียงนำรายชื่อกราบบังคมทูลเท่านั้น
นายอภิชาต ให้สัมภาษณ์ลอยหน้าลอยตาว่า ไม่เคยมาวิ่งเต้น ซึ่งความจริงคุณก็ไม่เคยวิ่งเต้นกับผม แต่มีคนมาบอกว่าคุณเป็นคนดี แล้วขอฝาก นายอภิชาตอย่าพูดแต่เรื่องเงิน 258 ล้าน ต้องตรวจสอบเงิน 29 ล้านบาท ด้วยเพราะขณะนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เป็นกรรมการบริหารพรรค แล้วผมก็จะนำเรื่องนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกรอบ
ส่วนที่ประธาน กกต.ขอให้ พรรคเพื่อไทยนำข้อมูลมาให้เพิ่มเติมนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อย่ามาเอาข้อมูลจากตนเพราะให้ไปหมดแล้ว และคนที่ร้องเรื่องนี้คือดีเอสไอ ตนถือว่าที่นายอภิชาตพูดแบบนี้แสดงว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบ อ่านสำนวนไม่สะเด็ดน้ำ เรียกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบ แค่ 3 วัน 7 วันก็จบแล้ว ไม่ต้องรอเรียกตน และถ้านายอภิชาตมีข้อมูลเพิ่มเติมแล้วยังยืนยันมติเดิม ก็เป็นเรื่องของเขา ถ้านายอภิชาตทำผิดก็เตรียมเข้าคุก ถ้าทำถูกก็ปลอดภัย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ปกติถ้านายทะเบียนรับคำร้องแล้วเห็นว่าไม่มีมูลความผิด ก็ต้องยกคำร้องไปเลยจะเอาเข้าที่ประชุม กกต.ทำไม เพราะเมื่อเอาเข้า กกต.แล้วตั้งอนุฯสอบแล้วบอกไม่ผิดต้องให้ที่ประชุม กกต.มีมติ ไม่ใช่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ กกต.ทำงานกันยังไงเขาถึงด่ากันเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่มีครั้งไหนที่พยานแวดล้อมชัดเจนเท่าครั้งนี้โดยเฉพาะพยานเอกสาร พยานบุคคล
เอาเถอะน่า ถ้ากกต.แน่จริง ก็ยกคำร้องสิ กล้าๆ หน่อย อย่ามาเก็บเอาไว้เฉยๆ เชิญเถอะ แน่จริงยกสิ แล้วผมจะทำอะไรให้เห็นบ้าง งานนี้ไม่ยอม ไม่ได้ข่มขู่นะแต่ถ้ายกคำร้อง ผมก็อยากให้ยุบดีเอสไอไปเลยเพราะทำสำนวนไม่ดีพอ และผมขอให้ประธาน กกต.หายจากโรคความดัน แต่ให้ระวังอย่าเป็นโรคดันทุรังแทน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยว่า ได้เตรียมยื่นอภิปรายฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ รวมทั้งกระทรวงที่ทุจริตมากๆ เช่นกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงคมนมคม ส่วนจะอภิปรายใครเพิ่มหรือยื่นญัตติเมื่อใดขอหารือกันในพรรคอีกครั้งก่อน
ส่วนขื่อผู้ที่ถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไปพร้อมกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่มีการพิจารณา แต่คราวที่แล้วใส่ชื่อตนก็ไม่เห็นแผ่นดินจะทรุด ครั้งนี้พรรคจะใส่ชื่อใครก็แล้วแต่ แต่ไม่เห็นด้วยถ้าเป็นชื่อคนนอกพรรค
อย่างไรก็ตามข้อเสนอแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข นายกฯต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกพรรคการเมือง กลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง มาหารือจากนั้นให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถ้าผลการเลือกตั้งออกมาใครได้เสียงข้างมาก ก็ให้เป็นรัฐบาลและทุกฝ่ายไม่ต้องมาประท้วงกัน
ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมกรณีที่คนถูกเว้นวรรคทางการเมืองอย่าง นายบรรหาร ศิลปะอาชา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนายเนวิน ชิดชอบ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่มีคนร้องเรียน ทั้งที่มีความชัดเจนมากกว่ากรณีพรรคเพื่อไทย กกต.ก็ต้องตรวจสอบด้วย
พ.ต.ท.ทักษิณ ก็โทรมาปรับทุกข์ บอกว่าก่อนหน้านี้เราเคยโหวตโน และไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญปี 50 แต่หลายฝ่ายกลับนำมาร้องเรียน แบบนี้สังคมจะอยู่ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายทำอะไรได้หมด ไปประชุมกันที่บ้านพิษณุโลก โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาวีวะ เป็นประธาน เปิดโรงแรม 3-4 รอบกินข้าวกันกลับไม่เป็นไร
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีการพิจารณาเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านของกกต.ว่า ขอฝากไปยังนายอภิชาต สุขขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้อ่านสำนวนที่ดีเอสไอส่งมาให้ละเอียด เพราะตนไม่ใช่คนร้องเรียน แต่ดีเอสไอได้สอบพบว่ามีการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ โดยพบว่าพรรคประชาธิปัตย์ รับเงินบริจาคเข้ามาโดยไม่แจ้ง กกต. และพบว่า นำเงิน สนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาทของ กกต.ไปใช้ผิดประเภท เพราะถ้าประธาน กกต. อ่านกฎหมายยังไม่เป็น บ้านเมืองมีปัญหาแน่
ที่ผ่านมาผมไม่เคยเล่นการเมืองนอกสภา แต่ถ้า กกต. ละเลยเรื่องอย่างนี้ แล้วมาเข้มงวดกวดขันกับพวกผมขอถามว่า เหตุใดนายอภิชาต ไม่เรียก ดีเอสไอ กรมสรรพากร มาให้ปากคำ เพื่อจะได้ทราบสาเหตุว่าเหตุใด ดีเอสไอจึงส่งสำนวนมาให้ กกต. ตรวจสอบ เพราะดีเอสไอ ก็สอบชัดพบว่าเงินดังกล่าวถูกนำมาเลือกตั้ง ส.ก. ,ส.ข. เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์
ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวว่า กกต.ทำงานแบบนี้ ทำให้คนติฉินนินทา เกิดความเสื่อม ที่สำคัญสุด คิดว่านายอภิชาต คงความจำเสื่อม เพราะในอดีตเคยมีผู้พิพากษา ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้ว มาบอกตนที่เวลานั้นเป็นรมว.ยุติธรรม ว่านายอภิชาต เป็นคนดี จึงเสนอต่อคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) พิจารณาเห็นชอบให้เป็น อธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค 5 แต่นายอภิชาต กลับบอกว่า รมว.ยุติธรรม มีหน้าที่เพียงนำรายชื่อกราบบังคมทูลเท่านั้น
นายอภิชาต ให้สัมภาษณ์ลอยหน้าลอยตาว่า ไม่เคยมาวิ่งเต้น ซึ่งความจริงคุณก็ไม่เคยวิ่งเต้นกับผม แต่มีคนมาบอกว่าคุณเป็นคนดี แล้วขอฝาก นายอภิชาตอย่าพูดแต่เรื่องเงิน 258 ล้าน ต้องตรวจสอบเงิน 29 ล้านบาท ด้วยเพราะขณะนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เป็นกรรมการบริหารพรรค แล้วผมก็จะนำเรื่องนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกรอบ
ส่วนที่ประธาน กกต.ขอให้ พรรคเพื่อไทยนำข้อมูลมาให้เพิ่มเติมนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อย่ามาเอาข้อมูลจากตนเพราะให้ไปหมดแล้ว และคนที่ร้องเรื่องนี้คือดีเอสไอ ตนถือว่าที่นายอภิชาตพูดแบบนี้แสดงว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบ อ่านสำนวนไม่สะเด็ดน้ำ เรียกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบ แค่ 3 วัน 7 วันก็จบแล้ว ไม่ต้องรอเรียกตน และถ้านายอภิชาตมีข้อมูลเพิ่มเติมแล้วยังยืนยันมติเดิม ก็เป็นเรื่องของเขา ถ้านายอภิชาตทำผิดก็เตรียมเข้าคุก ถ้าทำถูกก็ปลอดภัย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ปกติถ้านายทะเบียนรับคำร้องแล้วเห็นว่าไม่มีมูลความผิด ก็ต้องยกคำร้องไปเลยจะเอาเข้าที่ประชุม กกต.ทำไม เพราะเมื่อเอาเข้า กกต.แล้วตั้งอนุฯสอบแล้วบอกไม่ผิดต้องให้ที่ประชุม กกต.มีมติ ไม่ใช่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ กกต.ทำงานกันยังไงเขาถึงด่ากันเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่มีครั้งไหนที่พยานแวดล้อมชัดเจนเท่าครั้งนี้โดยเฉพาะพยานเอกสาร พยานบุคคล
เอาเถอะน่า ถ้ากกต.แน่จริง ก็ยกคำร้องสิ กล้าๆ หน่อย อย่ามาเก็บเอาไว้เฉยๆ เชิญเถอะ แน่จริงยกสิ แล้วผมจะทำอะไรให้เห็นบ้าง งานนี้ไม่ยอม ไม่ได้ข่มขู่นะแต่ถ้ายกคำร้อง ผมก็อยากให้ยุบดีเอสไอไปเลยเพราะทำสำนวนไม่ดีพอ และผมขอให้ประธาน กกต.หายจากโรคความดัน แต่ให้ระวังอย่าเป็นโรคดันทุรังแทน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยว่า ได้เตรียมยื่นอภิปรายฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ รวมทั้งกระทรวงที่ทุจริตมากๆ เช่นกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงคมนมคม ส่วนจะอภิปรายใครเพิ่มหรือยื่นญัตติเมื่อใดขอหารือกันในพรรคอีกครั้งก่อน
ส่วนขื่อผู้ที่ถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไปพร้อมกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่มีการพิจารณา แต่คราวที่แล้วใส่ชื่อตนก็ไม่เห็นแผ่นดินจะทรุด ครั้งนี้พรรคจะใส่ชื่อใครก็แล้วแต่ แต่ไม่เห็นด้วยถ้าเป็นชื่อคนนอกพรรค
อย่างไรก็ตามข้อเสนอแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข นายกฯต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกพรรคการเมือง กลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง มาหารือจากนั้นให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถ้าผลการเลือกตั้งออกมาใครได้เสียงข้างมาก ก็ให้เป็นรัฐบาลและทุกฝ่ายไม่ต้องมาประท้วงกัน